xs
xsm
sm
md
lg

มนตร์ลดา พงษ์พานิช จากคุณหนูไร้อนาคต สู่นักธุรกิจแฟชั่นมืออาชีพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>>ครั้งหนึ่งผู้หญิงคนนี้เคยมองตัวเองว่าเป็นคน “ไม่ได้เรื่อง” แต่วันนี้เธอกล้าพูดแล้วว่าเธอ “ทำงานอย่างจริงจัง และรับผิดชอบตัวเองได้เต็มที่”... “ดวง-มนตร์ลดา พงษ์พานิช” จากสาวสังคมที่รักการปาร์ตี้เป็นชีวิตจิตใจ แต่วันนี้ผู้หญิงคนนี้เป็นที่รู้จักในวงการแฟชั่นในฐานะเซเลบริตี้ดีไซเนอร์คนใหม่... และวันนี้เราได้มานั่งพูดคุยกับเธออีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้บอกได้เลยว่าเธอไม่เหมือนเดิมจริงๆ เธอดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเก่า มั่นใจ และมีแววตาแห่งความสุขกับงานที่เธอทำอยู่ ราวกับจะบอกกับเราว่า 2 ปีที่ผ่านมา มนตร์ลดาก็ทำได้!!

“มนตร์ลดา พงษ์พานิช” ลูกสาวคนสวยของนักการเมืองผู้ล่วงลับ “มนตรี พงษ์พานิช” เธอจบปริญญาตรีด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ และปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัย Johnson & Wales ที่สหรัฐอเมริกา และกลับเมืองไทยหุ้นกับลูกพี่ลูกน้องเปิดร้านเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นชื่อ “พรีมิโอ” ควบคู่กับการเป็นสาวสังคมที่ถูกจับตามองเป็นอย่างมากเมื่อสมัย 6-7 ปีที่แล้ว และถ้าคนที่ติดตามข่าวสังคมมาเป็นเวลานาน จะรู้ว่ามนตร์ลดาเป็นสาวสังคม ผู้รักการปาร์ตี้เป็นชีวิตจิตใจ

แต่หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในมนต์สะกดของสังคมไฮโซ ที่ฉาบไปด้วยความหรูหรา...เธอรู้สึกว่าเธอน่าจะทำตัวให้มีประโยชน์กับครอบครัวและกับตัวเองมากกว่านี้ เธอจึงตัดสินใจโบกมือลาสังคมไฮโซเมืองไทย ไปตามหาความฝันที่ว่าครั้งหนึ่งเธออยากจะเป็นดีไซเนอร์ ด้วยการไปเรียนคอร์สระยะสั้นที่เซ็นต์มาร์ติน ประเทศอังกฤษ อยู่ประมาณ 2 ปี ทั้งคอร์สวาดภาพ คอร์สออกแบบ คอร์สลายพิมพ์ หลังจากเก็บผลงานได้สักพักเธอจึงลองสมัครเรียนอย่างจริงจังที่ Parsons School for Design นิวยอร์ก คอร์ส Fashion Study เรียนทุกเรื่องเกี่ยวกับการทำธุรกิจแฟชั่น และให้ฝึกวาดรูป ออกแบบเสื้อผ้าด้วย

ทันทีที่กลับมา ขณะที่ไฟยังแรงอยู่เธอจัดการทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองโดยใช้ชื่อว่า “Monlada”...และวันนี้ก็ผ่านมาเป็นเวลา 2 ปีแล้วที่เธอยอมละไลฟ์สไตล์ที่ชอบๆ หลายอย่างในชีวิตเพื่อสร้าง “Monlada” ขึ้นมา...

แม้ว่าเวลาจะผ่านมาแล้ว 2 ปี แต่มนตร์ลดายังมองว่าหนทางยังอีกยาวไกลกว่าที่จะใช้คำว่าสำเร็จกับเธอ แต่ที่แน่ๆ 2 ปีที่ผ่านมานั้นให้ประสบการณ์การทำงานที่ดีมากกับเธอ มีทั้งสุข กังวล เหนื่อย ท้อ ครบรส... อย่างไรก็ดี เวลานี้หยุดไม่ได้แล้ว

“ช่วงแรกๆ จะมีคอมเมนต์เยอะมาก เช่นเสื้อผ้าเราแพงไป ดีไซน์ใส่ยาก แต่ตอนนั้นไม่ค่อยรู้เรื่อง เราอยากจะออกแบบ แล้วผ้าที่เราซื้อมาก็แพง นำเข้ามาจากทั้งฮ่องกง ญี่ปุ่น การตัดเย็บยาก ถ้าไม่คิดแพงก็ขาดทุน แต่ตอนนี้เข้าใจมากขึ้น ก็ต้องปรับตัวกันไป

การทำงานมันต้องเหนื่อยอยู่แล้ว ท้อบ้าง แต่เราก็สู้ต่อไป อุปสรรคที่พบเจอคงเป็นเรื่องของความไม่ได้ดั่งใจมากกว่า วางแผนไว้อย่างนี้ ทำแล้วไม่เป็นอย่างที่คิด เราคิดว่ามันง่าย แต่จริงๆ แล้วมีอะไรที่มากกว่านั้น...หลักๆ คงเป็นเรื่องโปรดักชันที่ยังน้อยอยู่ เพราะเราใส่ใจเรื่องการตัดเย็บมาก ต้องการช่างที่มีฝีมือ เพื่อให้คุณภาพออกมาดีที่สุด นอกจากนั้นกำลังพยายามขยายช่องทางจำหน่าย โดยกำลังจะเข้าห้าง แต่ก็วนกลับมาที่ปัญหาเดิมคือเรื่องโปรดักชันที่ยังผลิตได้จำนวนไม่มาก ซึ่งตอนนี้เริ่มลงทุนมากขึ้น ทุกเรื่องเลย ทั้งผลผลิต การกระจายสินค้าให้เหมาะสมกับการเติบโตของแบรนด์เรา ซึ่งตอนนี้ให้ความสำคัญกับกำลังคน เพราะตั้งแต่ตั้งบริษัทขึ้นมา มีคนทำงานกันไม่กี่คน แต่เมื่อเติบโตขึ้น จึงต้องแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบให้ชัดเจน ทั้งกราฟิก บัญชี มาร์เกตติ้ง”

อย่างที่เธอว่าปัญหาเรื่องการผลิตเป็นสิ่งสำคัญ เธอยังแจกแจงรายละเอียด ความใส่ใจในกระบวนการผลิตว่าทำไมถึงได้ต้องทุ่มเวลาให้กับการผลิตขนาดนั้น

“ตอนที่เราดีไซน์ ทำแพตเทิร์นก็ต้องดูว่าแบบออกมาเป็นอย่างไร เพราะบางทีแพตเทิร์นจะแบนเพราะเป็นกระดาษ แต่เราต้องมองให้ออกว่าเมื่อตัดเย็บออกมาแล้วเชฟจะเป็นอย่างไร ฉะนั้นดวงจะใช้ผ้าดิบมาตัดเป็นผ้าทดลองดูก่อน พยายามสร้างแพตเทิร์นให้เหมือนจริงที่สุด

จากนั้นพอลองตัดเย็บของจริงออกมาแล้วก็ต้องลองใส่เอง ว่าสบายมั้ย สวยมั้ย เพราะเราอยากให้เสื้อผ้าที่ออกมาจนถึงมือคนใส่นั้นเป็นเสื้อผ้าที่ใส่สบายและสวยงามจริงๆ ฉะนั้นกว่าจะสำเร็จออกมาต้องอาศัยหลายขั้นตอน อาจทำให้ผลผลิตล่าช้าไปบ้าง”

:: คุณหนูเฝ้าร้าน Monlada Boutique

ผ่านกระบวนการขั้นตอนการผลิตเสื้อผ้าที่มากมาย ในที่สุดเสื้อผ้าสวยๆ ก็จะถูกส่งมาที่ “Monlada Boutique” ณ โครงการ Seen Space ทองหล่อ ซอย 13 และเร็วๆ นี้ แบรนด์ Monlada กำลังเตรียมเพิ่มความสะดวกในการชอปโดยเปิดอีก 1 สาขาที่ชั้น 1 ศูนย์การค้า ZEN ในวันที่ 15 กันยายน ...สำหรับงานด้านการขาย หลายๆ ครั้งเธอเป็นคนเข้าไปดูแลเองที่ร้าน ซึ่งก็มีเรื่องสนุกๆ เกี่ยวกับลูกค้ามาเล่าให้เราฟังด้วย

“ไม่เคยเจอลูกค้าวีน อย่างมากก็แค่เปลี่ยนดีไซน์ของดวง เช่น นำกระโปรงมาใส่เป็นเกาะอก (หัวเราะ) แต่ก็ไม่เป็นไรถือว่าเป็นเรื่องของสไตล์ส่วนตัวของแต่ละคน...แต่เรื่องขำๆ ที่เจอบ่อยคือบูติกที่อยู่ตรงทองหล่อ ซึ่งแถวนั้นมีผับ บาร์เยอะ ร้านเราจึงปิดดึกหน่อย ประมาณ ตี 1 ก็จะเจอลูกค้าที่ประมาณว่า เมาจนอ้วก มาซื้อเสื้อแล้วเปลี่ยนใส่เลยที่บูติก (หัวเราะ)

ปกติแล้วถ้าเป็นวันธรรมดาดวงจะเข้าสัก 2-3 ครั้ง แต่เสาร์-อาทิตย์จะเข้าทุกวัน หรือถ้าลูกค้า VIP จะมาก็มีการโทร.นัดกัน ดวงก็จะเข้าไป ลูกค้ารายสำคัญ....ก็จะเป็นเพื่อน พี่ น้องที่สนิทกัน ส่วนท็อปสเปนเดอร์ เมื่อก่อนจะเป็นพี่ชาย (เด็ด-วัชริศวร์ พงษ์พานิช) แต่ตอนนี้พี่เด็ดแพ้แล้ว เพราะล่าสุด น้องสาวบลิงซ์-บงกชมาศ หงส์ทอง (ลูกพี่ลูกน้อง) เป็นท็อปสเปนเดอร์ของคอลเลกชันนี้ค่ะ (ยิ้ม)”

:: วางใจด้วยความเชื่อมั่น

นับตั้งแต่วันแรกที่มนตร์ลดาเดินเข้าไปบอกกับคุณแม่ของเธอว่า “แม่คะดวงจะเปิดร้าน” ซึ่งคนเป็นแม่ย่อมสนับสนุนในการสร้างสิ่งดีๆ กับลูก นอกจากนั้นคุณแม่ยังเป็นนายทุนหลักในการทำธุรกิจครั้งนี้...แต่ในการสนับสนุนนั้นก็มีความเป็นห่วงและมีหลายเรื่องที่คอยเบรกเธออยู่เสมอ

“ตอนแรกที่ดวงบอกว่าจะทำ ซึ่งเราต้องมองหาออฟฟิศแม่ก็แนะนำว่าแม่มีบ้านอยู่ตรงประชาชื่น จะเอาไว้ทำออฟฟิศก็ได้นะ แต่ตอนนั้นเราดื้อก็บอกว่า “ไม่เอา!!” เพราะเราอยากอยู่แถวสุขุมวิท แม่เลยย้อนมาคำว่า “หาเงินได้แล้วหรอ” เราก็อึ้งไปเลย!!

พอคิดไปคิดมา ก็ดีเหมือนกันเพราะเพิ่งเริ่มต้น อะไรที่ประหยัดได้ก็ต้องประหยัด เลยไปขอโทษแม่ที่เราโง่เอง ทั้งที่จริงแล้วตรงนี้ดีที่สุด ไม่ต้องเสียเงินเพราะเป็นบ้านที่เรามีอยู่แล้ว ก็เริ่มปรับปรุงทำเป็น มนตร์ลดาสตูดิโอ

คนที่สนับสนุนและทำให้ดวงมีวันนี้ก็คือคุณแม่เป็นคนซัปพอร์ตเงินทุนทั้งหมด พี่ชายก็เป็นหุ้นส่วน นอกจากนั้นก็ต้องขอบคุณเพื่อนสนิทและคนที่รักดวง คนอื่นอาจไม่เชื่อว่าดวงจะทำจริงเพราะด้วยความที่ดวงมันเละเทะ อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ

ตอนแรกคุณแม่ก็เครียดอยู่นะ แต่ทุกวันนี้ดวงพิสูจน์ให้เขาเห็นแล้วว่าดวงทำจริงรับผิดชอบกับงานได้ เขาก็ดีใจและยังชมว่าดวงเป็นผู้ใหญ่ขึ้นในเรื่องการทำงาน ทุกวันนี้แฮปปี้กันทุกฝ่าย คุยกันง่ายขึ้น เพราะเขาเริ่มไว้ใจเราแล้ว เรื่องดีไซน์ทำเสร็จดวงก็จะให้คุณแม่คอมเมนต์ ทุกอย่างต้องผ่านการอนุมัติจากนายทุนก่อน (หัวเราะ)”

:: อยากสวยอย่างมนตร์ลดาเชิญทางนี้

โมเดิร์น คลาสซี่ และเซ็กซี่ คือคำจำกัดความของผู้หญิงแบบ “Monlada” ที่เธอขยายความให้เราฟังว่า “โมเดิร์น” คือทันสมัย อินเทรนด์กับแฟชั่น “คลาสซี่” คือการที่เราแต่งตัวให้ถูกต้องตามกาลเทศะ และ “เซ็กซี่” คือน่าค้นหา

“ดีไซน์ที่ออกมานั่นคือตัวเรา เวลาดีไซน์ดวงคิดถึงตัวเองว่าเราชอบแบบไหน จากนั้นก็คิดว่าคนอื่นจะชอบเหมือนที่เราชอบมั้ย แล้วก็คิดถึงหน้าคุณแม่...นายทุน (หัวเราะ) ว่าเวลาใส่ชุดนี้ไปเจอหน้าท่านแล้วท่านจะว่าอย่างไร โอ๊ย...การออกแบบต้องคิดถึงหลายอย่างมาก คิดถึงความเป็นไปได้ ความเหมาะสม เราไม่ใช่เด็กวัยรุ่นที่ทำแฟชั่นโชว์ตามใจฝันอย่างเดียว ต้องคิดว่าถ้าทำแล้วเกิดขายไม่ได้จะทำยังไง อาจทำตามใจตัวเองทั้งหมดไม่ได้ บางทียังแอบฝันเลยว่าถ้าวันหนึ่งมีชื่อเสียงมากๆ หาเงินได้เยอะๆ อยากจะมีสักคอลเลกชันที่ทำตามใจตัวเอง ไม่เน้นขาย!!”
ความแตกต่างของ Monlada กับแบรนด์อื่น น่าจะเป็นเรื่องของสไตล์และคอนเซ็ปต์ ทุกชุดแสดงออกถึงความเป็นตัวดวงทุกชุดแหละ เพียงแต่แตกต่างกันในเรื่องของช่วงเวลา เรามีทั้งเดรส กระโปรงสั้น กางเกงขายาว เกาะอก เสื้อแขนกุด เสื้อแขนสั้น ทุกอย่างเพราะ Monlada เลือกใส่ได้ตามกาลเทศะ เราเลือกสรร เราชอบแต่งตัว เรารักแฟชั่น”

คลาสซี่ เซ็กซี่แบบสาวมั่นไปแล้ว หากอยากแอ๊บแบ๊วให้ตัวเองดูเด็กลงมาอีกนิด ตอนนี้มนตร์ลดาเธอกำลังมีแผนที่จะเปิดไลน์ใหม่ของแบรนด์ Monlada ที่ดูสดใสวัยรุ่นลงมาอีกนิดในชื่อ “Starry Night by Monlada” ที่มุ่งเจาะกลุ่มวัยรุ่นที่อยากจะสวยในสไตล์มนตร์ลดา

“ตอนนี้แบรนด์ Monlada มีคนรู้จักมากขึ้น ดูจากจำนวนคนคลิก Like ใน facebook (หัวเราะ) แล้วตอนนี้ดวงกำลังจะแตกไลน์ที่เด็กลงมาหน่อยชื่อว่า “Starry Night by Monlada” กลุ่มเป้าหมายไม่แตกต่างจาก Monlada แต่จะอายุน้อยลงมา เป็นเด็กมหา'ลัย หรือเพิ่งเริ่มทำงาน มีกำลังซื้อ ที่จริงคิดว่าจะตั้งราคาไม่แพงมาก เช่น เงิน 1,000 ซื้อเสื้อได้ 2-3 ตัว แล้วมีเงินไปกินขนมกับเพื่อนอีก

ความโดดเด่นของ “Starry Night by Monlada” คือ สดใส วัยรุ่น เป็นเด็กสาวที่มีความมั่นใจไม่แพ้ Monlada เพราะเธอเลือกเสื้อผ้าใส่เอง มีสไตล์และรู้จักกาลเทศะ อย่างที่ Monlada เป็น”

เธอบอกกับเราว่าเธอมีความสุขทุกครั้งที่เห็นคนใส่เสื้อผ้าของมนตร์ลดา และคนที่เป็นความปรารถนาสูงสุดที่เธอฝันว่าอยากจะเห็นคนคนนั้นใส่ชุดของเธอก็คือ “ริฮันน่า”

“คนที่อยากเห็นใส่ชุด “Monlada” มากที่สุด คงเป็น “ริฮันน่า” ตอนนี้ดวงกำลังชอบเพลง Where Have You Been ที่ให้ความสนุกสนาน ทำให้เราอยากออกแบบ”

ซึ่งจากผลงานของดีไซเนอร์ไทยหลายคนที่เซเลบริตี้ระดับโลกหยิบไปสวมใส่แล้วเราคิดว่าสักวันเราอาจจะได้เห็นฝันของเธอเป็นจริง!!

:: โชว์ไอเดีย อวดฝีมือการกำกับ

ในแต่ละซีซันนอกจากไอเดียในการออกแบบเสื้อผ้าแล้ว เจ้าของแบรนด์ยังต้องมีความคิดบรรเจิดในการนำเสนอผลงานของตัวเองให้ออกมาดูน่าประทับใจที่สุด และแน่นอนว่าเมื่อทุกอย่างที่ออกมาคือความเป็นตัวมนตร์ลดา เธอจึงมีส่วนร่วมทุกขั้นตอนโชว์ฝีมือแบบจัดเต็ม

“เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์และการตลาด ดวงต้องทำอีเวนต์เล็กๆ เพื่อนำเสนอคอลเลกชัน โดยคอนเซ็ปต์ของแฟชั่นโชว์ก็จะเป็นไปตามคอลเลกชัน อย่างคอลเลกชันล่าสุดของดวงที่มีชื่อว่า “One” ที่ได้แรงบันดาลใจจากฮิปฮอป และ Cupie กับ Lucifer เป็นเรื่องของความรู้สึกในใจคน สีสันที่นำเสนอจะเป็น ดำ ขาว ส้ม เขียว ชมพู และมีสีนีออนแนวสะท้อนแสงมาผสม
...เพราะคอนเซ็ปต์หลักคือฮิปฮอป ตอนทำโชว์ดวงจึงเลือก “นิวยอร์ก” เป็นกราฟิกของแฟชั่นโชว์เพราะเป็นมหานครของแฟชั่นและมีความเป็นฮิปฮอป โดยรูปกราฟิกนั้นก็เป็นผลงานการถ่ายภาพของดวงเองด้วย”

ในการเก็บสะสมไอเดียนอกจากการดูแมกกาซีนและชมรันเวย์ต่างประเทศแล้ว บางครั้งเธอยังนำผลงานของไอดอลในดวงใจมาประยุกต์กับทุกอย่างทั้งการออกแบบ และการใช้ชีวิตเพื่อก้าวเดิน โดยไอดอลคนแรกในดวงใจที่ทำให้เธอฮึดอยากจะทำงานออกแบบก็คือ วิเวียน เวสต์วูด

“เธอเป็นผู้หญิงที่มีสไตล์ เป็นดีไซเนอร์ที่ทำงานจนแก่เฒ่า โดยที่ไม่สนใจใคร เราเลยมีความหวัง และคิดได้ว่าผู้หญิงไม่จำเป็นต้องอยู่กับความรัก เราอยู่กับงานก็ได้ แม้เราจะเคยผิดหวัง ทำไมเราต้องเจ็บปวด ทำร้ายตัวเอง ทำไมเราไม่หันมาทำงาน ทำตัวเองให้มีความสุข สร้างความภูมิใจให้ตัวเอง

นอกจากนั้นก็ชอบ จอห์น กัลลิเอโน่ และอเล็กซานเดอร์ แม็กควีน ด้วยการออกแบบส่วนใหญ่ดวงหยิบสิ่งรอบตัวมาผสานกับสิ่งที่ได้จากเสื้อผ้าสมัยก่อน อันเป็นพื้นฐานที่ดี ประวัติศาสตร์หรือสิ่งที่เขาสร้างกันมาเราต้องให้เกียรติ ฉะนั้นทุกอย่างก็ต้องมีการเก็บสะสมสิ่งที่เราไปพบเจอด้วย”

:: ฝันอย่างมืออาชีพ

ระหว่างการถ่ายภาพสัมภาษณ์ดิฉันมีโอกาสเดินเล่นอยู่ภายในคอนโดหรูใจกลางเมืองและสังเกตว่าที่ห้องของเธอมีอุปกรณ์การถ่ายภาพที่เรียกว่าอยู่ในระดับที่สูงกว่าความเป็นมือสมัครเล่น อีกทั้งยังมีภาพถ่าย และภาพวาดประดับอยู่ตามผนังห้อง ด้วยความที่เคยชอบการถ่ายภาพมาก่อน เมื่อเห็นกล้องเจ๋งๆ จึงขออนุญาตเจ้าของลองจับเล่นสักหน่อย เธอตอบ “โอเค” และเปรยกับเราว่า “ดวงชอบถ่ายรูป”

“ดวงชอบถ่ายรูป ชอบแต่งรูป เริ่มถ่ายรูปตั้งแต่เรียนที่พาร์สัน ดวงชอบทุกอย่างที่เป็นศิลปะ รูปเป็นเหมือนเมมโมรีเก็บความทรงจำ แล้วมันก็เหมือนงานศิลปะชิ้นหนึ่ง บางทีไม่อยากจะลบรูปออกจากเมมโมรีในกล้องเลย ส่วนใหญ่ดวงถนัดการถ่ายรูปคน และรูปที่เน้นรายละเอียดแบบซูมเข้าไป จะไม่ค่อยถ่ายภาพวิว เพราะรู้สึกว่าการถ่ายภาพวิวยาก เคยเห็นคนที่ถ่ายรูปวิวสวยๆ เห็นกระบวนการทำงานของเขาต้องเป็นคนที่ใจเย็นมากๆ แต่เราไม่โปรขนาดนั้นและเป็นคนใจร้อน ซึ่งเราเคยเห็นคนที่เขาถ่ายภาพวิวแล้วนับถือเลย

Look Book เล่มแรก ดวงถ่ายเอง ประหยัด (หัวเราะ) ตอนนั้นไม่สบายอยู่บ้าน คุณแม่ก็ไม่ให้ไปไหน เบื่อมากก็เลยคิดว่าทำงานดีกว่า จัดการตั้งกล้อง ถ่ายรูป เรียกนางแบบมา อาจไม่ได้สมบูรณ์แบบเท่าไหร่ แต่ก็เป็นผลงานเริ่มต้นของดวง....”

จนเราต้องขอแซวว่าถึงจะมีเงินทุนที่คุณแม่ให้แต่ก็ประหยัด...ใช้ได้!!

“ค่ะ ดวงประหยัด แต่คุณแม่ไม่รู้หรอก (น้ำเสียงน้อยใจแต่ก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ)”

มนตร์ลดาคนใหม่! สามารถคอนโทรลได้ทุกอย่าง
สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้อย่างเห็นได้ชัดในการสัมภาษณ์ครั้งนี้คือ การตอบคำถามของเธอฉะฉานมากขึ้นกว่าการสัมภาษณ์ครั้งก่อนที่เราได้นั่งคุยกับเธอ นอกจากนั้นยังมีความสดใส จนดิฉันต้องเอ่ยปากชมว่าทุกวันนี้เธอดูแข็งแรงขึ้น!!

“เมื่อก่อนเราอาจไม่มั่นใจ เวลาให้สัมภาษณ์เรื่องงานแต่ทุกวันนี้หลายอย่างค่อยๆ ดีขึ้นก็เลยมีความสุขทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องงาน ที่ผ่านมาเรามีการสั่งสมประสบการณ์มาพอสมควร ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตนั่นคือประสบการณ์ของดวง ที่ทำให้เข้าใจโลกขึ้น โตขึ้น และแข็งแรงขึ้น นอกจากนั้นต้องขอบคุณประสบการณ์ที่เจ็บปวด ความผิดพลาดที่เราจะไม่ทำอีก

ทุกอย่างที่เราพบเจอเหมือนเป็นการทดสอบว่าเราจะอยู่ตรงไหน เราเลือกที่จะอยู่อย่างไร ซึ่งดวงเลือกแล้วว่าดวงจะอยู่อย่างมีความสุข มีความคิด มีการตัดสินใจที่ถูกต้อง ดวงคิดก่อนทำ ไม่ใช้อารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องชีวิต หรือว่าอะไรก็ตาม ดวงว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แล้วเราจะไม่มีทางเสียใจ ...เมื่อก่อนที่เราไม่รู้จักคอนโทรลตัวเองอาจมีหลุดบ้าง แต่ถ้าเราคอนโทรลตัวเองตลอดเวลาก็จะไม่ค่อยพลาด

เมื่อก่อนเราใจร้อน โมโหร้าย อารมณ์แรง เวลาโกรธก็โกรธจนปวดหัว รู้สึกว่าทรมานตัวเอง แต่การเรียนรู้ทำให้รู้ว่า “การใช้อารมณ์” ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น การที่เราใจร้อนคือการที่เราฆ่าตัวเองทั้งเป็น เพราะเวลาโกรธ ไม่เห็นมีใครโกรธกับเราเลย มีแต่ผลเสียเพราะเวลาโกรธทำให้เราพูดจาไม่ดี อาจทำร้ายจิตใจคนโดยที่เราไม่ตั้งใจ เลยคิดได้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลย”

แน่นอนว่าในฐานะดีไซเนอร์หน้าใหม่ อาจต้องมีทั้งเสียงเมาท์และคำสบประมาท เพราะไม่ว่าจะด้วยลุคและประวัติของสาวสังคมจัดที่รักการเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจคนนี้ ใครก็คงไม่เชื่อว่าเธอจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้ แต่เธอก็เชิดใส่เพราะทุกวันนี้เธอควบคุมตัวเองได้ ชนิดที่ว่า เอาอยู่!!

“ดวงไม่ได้ยินเสียงเมาท์นะ...เพราะอะไรรู้มั้ย?? เพราะดวงไม่ฟัง (หัวเราะ) ใครพูดอะไรก็เฉยๆ เพราะว่าเรารู้ตัวเองมากที่สุด ไม่มีใครรู้จักเรามากกว่าตัวเรา คนที่พูดถึงดวงคือคนที่พูดไปเรื่อยๆ แต่ไม่เคยสัมผัสเราจริงๆ ถ้าคนนินทาก็ปล่อยเขาไป

ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ค่ะ ใครอยากคิดก็คิดไป ไม่แคร์คำสบประมาทนะ แต่กลับชอบ (หัวเราะ) เอาคำสบประมาทมาแปลเป็นพลัง แม่ยังไม่เชื่อเลยว่าดวงจะทำได้ แต่พอท่านเห็นว่าเราทำได้ท่านก็แอบเอาไปอวดกับเพื่อนๆ บ้าง...ดวงว่าคำสบประมาทก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ ทุกอย่างมีประโยชน์กับตัวเรา ทุกอย่างอยู่ที่เรามอง คนเรามีความคิดแตกต่างกันได้ ถ้าความคิดไม่ตรงกันก็ไม่ได้แปลว่าเราไม่ถูกกัน สามารถปรับความเข้าใจกันได้”

:: แหล่งแซ่บที่แคนดี้บาร์

หลายสิ่งในชีวิตของมนตร์ลดา เธอมักจะมีชื่อเรียกราวกับเป็นที่ที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็น Monlada Studio ที่เธอใช้เรียกออฟฟิศของการทำงาน “Monlada Boutique” ชื่อร้านเสื้อผ้าของเธอ และที่ที่เธอใช้เวลาอยู่มาที่สุดก็คือ “Monlada Candy Bar”...
“แคนดี้บาร์” ฟังแล้วคุณอาจนึกว่าเป็นร้านชิลชิล อยู่แถวไหน?? แต่ความจริงแล้ว “แคนดี้บาร์” คือชื่อเรียกคอนโดส่วนตัวของมนตร์ลดา คอนโดที่มีความผูกพันกับเธอ เพราะที่นี่คือทุกอย่างที่เธอสามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยได้ เป็นทั้งที่พักผ่อน ที่ออกกำลังกาย ที่ทำงาน และที่ปาร์ตี้

“อยู่ที่นี่มา 3 ปีแล้ว ผูกพันนะ ดวงเรียกห้องนี้ว่า “แคนดี้บาร์” ถ้าถามเพื่อนที่สนิทกับดวงทุกคนรู้เลยว่าคือที่ไหน ที่นี่เพื่อนๆ จะมานั่งเล่น นัดเจอกัน บางทีเวลาพูดถึงบาร์คนก็นึกว่าคงจะมากินเหล้ากัน แต่ที่แคนดี้บาร์ของดวง เราเน้นการมาสังสรรค์ พูดคุย กินขนม ทำกับข้าว ปาร์ตี้เล็กๆ น้อยๆ หรือบางทีก็ไว้ใช้ประชุมงานกับคนที่ทำงานด้านดีไซน์เครื่องประดับของดวง

ห้องนี้ดวงตกแต่งเอง แต่ในตอนแรกมีเพื่อนที่สนิทกันมาช่วยเลือกพื้นกับออกแบบเคาน์เตอร์บาร์ในห้อง ด้วยความที่ห้องใหญ่มาก แล้วเราอยู่คนเดียวก็เอาม่านมากั้นแทนการกั้นห้อง แรงบันดาลใจมาจากฟิลิปสไตล์ด้วย ออกเป็นแนวคลาสซี่โมเดิร์น เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ดวงเลือกเอง จะมีโต๊ะกระจกตัวกลางที่คุณแม่เลือกให้ เพราะเมื่อก่อนดวงทำร้านเฟอร์นิเจอร์ แล้วสั่งเข้ามา คุณแม่เห็นว่าสวยก็เลยซื้อให้มาไว้ที่คอนโด

ดวงใช้เวลาที่ห้องเยอะเหมือนกัน เป็นคนที่ค่อนข้างติดบ้าน ที่นี่ดวงใช้นอน ทำงาน และเป็นที่ที่ดวงได้ชาร์จพลัง เวลาออกจากที่ทำงานกลับมาถึงบ้านเราจะเหนื่อย เพราะทำงานมาทั้งวันแล้วยังมาเจอรถติดอีก กลับมาถึงบ้านแทบสลบ แต่ดวงจะรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งเมื่ออยู่ที่แคนดี้บาร์ของดวง”

:: กามเทพที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป

ความรักคือสิ่งที่มนุษย์ปรารถนา แต่ความรักนั้นไม่ได้หมายถึงความรักแบบชายหญิงเสมอไป เพราะเพียงแค่ความอบอุ่น ความห่วงใยที่สื่อถึงกันก็สามารถทำให้ชีวิตเรามีชีวิตชีวาขึ้นแล้ว...นอกจากนี้ความรักยังสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของคนได้ด้วย ซึ่งมนตร์ลดาเจอกับตัวเมื่อเธอต้องมารับหน้าที่เป็นคุณแม่ของ “คริสตัล” น้องหมาพันธุ์ “ปอมเมอเรเนียน” วัย 2 ขวบตัวนี้

“ดวงเคยอยากเลี้ยงหมา แต่ดวงยังความรับผิดชอบไม่ดีพอ คุณแม่บอกว่าถ้ามีแล้วก็ต้องเลี้ยงให้ดี ถ้าเลี้ยงไม่ดีอย่าดีกว่า ดวงก็เลยไม่เลี้ยง....จนวันหนึ่งเพื่อนสนิทของดวงพาคริสตัลมาเดินเล่นที่ Monlada Boutique ดวงก็ว่าเขาน่ารักดี สุดท้ายเพื่อนดวง 2 คนนั้นแตะมือกันบอกว่าจะยกให้ดวง ดวงจะได้ไม่เหงา แล้วก็จะได้มีความละเอียดอ่อนบ้าง ดวงก็เลยเลี้ยงเขาและรักเขามากด้วย”

อย่างที่เขาว่ากันว่าสัตว์เลี้ยงทำให้คนอ่อนโยนขึ้น และนี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอลดความใจร้อนลง

“รัก “คริสตัล” มาก เลี้ยงมาได้ 1 ปีแล้ว เขาน่ารัก ไปไหนมาไหนก็พาเขาไปด้วย และทุกที่ที่ไป ทุกคนที่เจอก็จะรักเขา เข้ามาเล่นด้วย เลยรู้สึกว่าเขาเหมือน Cupie เดินไปไหนมีแต่คนรัก สามารถทำให้คนที่กำลังโมโหอยู่ยิ้มได้ บางครั้งที่ไปธุระแล้วไม่ได้พาเขาไปด้วยเขาก็จะงอนตุ๊บป่องเลย (หัวเราะ) ตั้งแต่เลี้ยงเขารู้สึกเราใจเย็นขึ้นเยอะเลยนะ เขาไม่ชอบเสียงดัง ชอบที่จะเล่นกุ๊กกิ๊กๆ กัน ดวงก็พยายามเอาใจเขาและเลี้ยงเขาอย่างดี
ในคอลเลกชันล่าสุดของดวงได้แรงบันดาลใจจากเขาด้วย เขาเกิดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ และมีแต่คนรัก เขาจึงเปรียบเสมือน Little Cupie กามเทพตัวน้อยของทุกคน”

ซึ่งตัวมนตร์ลดาเองก็ถูกศรรักของน้องหมาปอมตัวนี้เข้าอย่างจัง!!

:: เป็นแฟนมนตร์ลดา..กฎข้อแรกก็คือห้ามทิ้ง

สวีตหวานกับน้องหมาของมนตร์ลดาไปแล้วก็ถึงเวลาอัปเดตเรื่องความรักระหว่างเธอกับหนุ่มๆ กันบ้าง...แต่ดูท่าว่าคราวนี้เราจะไม่ได้ข่าวกอสซิปเพราะเธอออกตัวกับเราเลยว่า ตอนนี้ชีวิตมีแต่เรื่องงาน แล้วอีกอย่างโสดก็สบายใจดีค่ะ!!

“ดวงเคยผิดหวังและเสียใจกับความรักแบบที่สุดมาแล้ว ความเจ็บปวดทำให้เราโตขึ้น วันนี้ความสุขของเราคือเรื่องงาน ความรักไม่มีเลยจริงๆ (ลากเสียงยาว) ดวงรักครอบครัว...

บอกตรงๆ ดวงไม่ได้เข้าโรงหนังมาเป็นปีแล้ว ไม่มีแฟน ไม่มีใครพาไปดูหนัง..หนุ่มๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนผู้ชายที่คุยกันเป็นเพื่อนกัน ดวงว่าผู้ชายคงกลัวดวง (หัวเราะ) อีกอย่างคิดว่าเรายังไม่พร้อม เราโตแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ ที่อยากรักใครก็รัก คงต้องดูกันเยอะหน่อยเพราะถ้ารักแล้วต้องมานั่งเสียใจอีก ดวงเจ็บนะ...เพราะเราเป็นคนรักแล้วรักมาก แล้วเขาจะรับผิดชอบความรู้สึกเราตอนที่เขาทิ้งเราไหวมั้ย?? ฉะนั้นจะคบใครดวงต้องศึกษาเขามากเลย

อยู่อย่างนี้ดีกว่า ตื่นเช้ามาออกกำลังกายนิดหน่อย ไปทำงาน เจอเพื่อนบ้าง ใช้ชีวิตแบบคนโสดก็สบายใจนะ ไม่ต้องคิดถึงใคร ไม่ต้องคิดว่าเขาทำอะไรอยู่ ไม่ต้องโทร.หา หรือส่งข้อความกู๊ดไนต์ สบาย...ลอยตัว”

:: 1 วันของมนตร์ลดา สวยใส ไม่ไร้สาระอีกต่อไป

เมื่อความสุขหลายๆ อย่างในชีวิตค่อยๆ เข้าที่เข้าทาง ก็ทำให้ความสุขเปล่งประกายออกมาทางหน้าตา ที่ดูสวยสดใส จนใครๆ พากันทักว่าเธอสวยขึ้น!

“อาจเพราะว่าอายุมากขึ้น เลยคิดว่าถึงเวลาที่ต้องหันกลับมาดูแลตัวเอง อยากทำให้ตัวเองสวยขึ้น ช่วงนี้ออกกกำลังกายเยอะ...ชีวิต 1 วันทุกวันนี้ของมนตร์ลดาคือตื่นมา ทำงานคอลเลกชันอยู่ที่บ้านช่วงเช้า ออกแบบ ดูเอกสาร จากนั้นถ้าไม่ขี้เกียจก็จะออกกำลังกายนิดหนึ่ง ทานสลัด เล่นกับลูก อาบน้ำแต่งตัวไปสตูดิโอ พอไปถึงที่สตูดิโองานเยอะมาก ต้องดูงานทุกเรื่อง คุยกับช่างแพตเทิร์น คุยกับฝ่ายมาร์เกตติ้ง คุยกับกราฟิกดีไซน์ต่อ แล้วก็ไปดูเรื่องการผลิต และไปทักช่างฝีมือของเราหน่อยนึง กลับบ้าน ทานสลัด เข้านอน

แค่นี้ก็หมดเวลาแล้ว ไม่ได้ปาร์ตี้หนักเหมือนแต่ก่อน สมัยสาวๆ ดวงแรงมาก “ใช่” (หัวเราะ) แต่ตอนนี้มาคิดว่าไม่คุ้มกันเพราะร่างกายก็ไม่ไหว แต่ดวงก็ยังออกไปเจอเพื่อนสักอาทิตย์ละครั้ง”
และกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูสวย เซ็กซี่ เสน่ห์แรงขึ้นนั้น ทำเราสงสัยว่าเธอไปทำอะไรเพิ่มเติมมาหรือเปล่าถึงได้ดูเย้ายวนมากขึ้นกว่าแต่ก่อน จนต้องแอบถามความลับจากเธอว่าทำอะไรบ้างเพื่อให้ตัวเองสวยขึ้น

“ก่อนหน้าดวงอ้วนน้ำหนักขึ้นมา 5 โล ใส่ชุดอะไรก็ไม่สวย ไม่มีอารมณ์ไปงานเลย ในที่สุดเราต้องลดน้ำหนักให้ได้ก็เลยพยายามออกกำลังกาย ฟิตหุ่น ก็เลยผอมลงแล้วก็เฟิร์มขึ้น นอกจากนั้นก็ดูแลตัวเองเหมือนผู้หญิงคนอื่นแหละค่ะ ไปทรีตเมนต์ นวดหน้า บำรุง เลเซอร์ ไม่ได้หรอกอายุมากขึ้นแล้วต้องดูแลตัวเอง เราไม่ยอมแก่...ถ้ามีคนชม เราก็จะยิ้มหวานๆ ฮืมมมม ขอบคุณค่ะ”

ทุกวันนี้เธอเป็น “มนตร์ลดา” คนใหม่ที่เที่ยวน้อยลง กินเหล้าน้อยลง พยายามรับผิดชอบตัวเองมากขึ้น เธอทิ้งท้ายกับเราสวยๆ แบบไม่ไร้สติว่า “การที่เราทำงานอย่างจริงจัง รับผิดชอบตัวเองได้ นั่นแหละดีที่สุด” :: Text by FLASH








>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net
กำลังโหลดความคิดเห็น