อย่ากินแค่รู้สึกอร่อย…
ข้าวเหนียวหมูปิ้ง กะเพราไก่ไข่ดาว เนื้อย่างโคขุนโพนยางคำ หมูทอดเจ๊จง ข้าวขาหมูตรอกซุง รู้ว่าอร่อย น้ำลายสอ แต่หยุดพฤติกรรมเบียดเบียนสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ในช่วงกินเจ ก็จะดีไม่ใช่น้อยนะจ๊ะ
งั้นเราขอเก็บตกจากกิจกรรมดีๆ ของ Life Center ในงานสัมมนาหัวข้อน่าสนใจ “อาหารสุขภาพ แบบ Raw Food”
“Raw food เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่เป็นที่นิยมในหมู่ดาราฮอลลีวูด เช่น ซูซาน ซาแรนดอน (Susan Sarandon), ป้าแชร์, อลิเซีย ซิลเวอร์สโตน (Alicia Silverstone) และยังเป็นอาหารที่มีขายตามเมืองใหญ่ๆ ในอเมริกา อย่าง ซานฟรานซิสโก นิวยอร์ก ชิคาโก้ และลอส แองเจลิส อีกด้วย
สำหรับในเมืองไทยก็เริ่มมีอาหารประเภทนี้ขายแล้วเหมือนกัน ด้วยกระแสสุขภาพที่คนส่วนใหญ่เริ่มให้ความสำคัญกับการทานอาหารเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น” คุณชรีพรรรณ์ เทียมรัตน์ หรือหมอนัท เจ้าของร้านอริยะ ออร์แกนิค คาเฟ่ (Ariya Organic Café) จะมาให้ข้อมูลของอาหารประเภท Raw food ที่คุณรู้แล้วจะอึ้ง จนรีบวางจานหมูทอด ทิ้งถ้วยแกงเขียวหวานเนื้อ หันมาคว้าผักเข้าปากกันเลยล่ะ
Raw Food สวยจากภายในสู่ภายนอก
คุณนัทอธิบายถึงอาหารประเภท Raw Food ว่า
“Raw food คือ อาหารที่ทำจากผลไม้สด ผักสด ต้นอ่อนของเมล็ดพืช วัตถุดิบทั้งหมดไม่ผ่านขบวนการปรุงแต่งทางเคมี ไม่มีแป้ง และน้ำตาล ไม่ใช้ความร้อนเกิน 46 องศาเซลเซียล เพื่อคงคุณค่าเอ็นไซม์ วิตามิน และเกลือแร่ แหล่งวัตถุดิบที่นำมาใช้ไม่ผ่านสารเคมี
โดยเริ่มตั้งแต่การเตรียมดินที่ต้องใช้เวลาถึง 7 ปี ต้องยอมปล่อยผืนดินให้ว่าง พลิกหน้าดินเพื่อชะล้างสารพิษต่างๆ ที่คั่งค้างอยู่ โดยระบบนิเวศน์ตามธรรมชาติ เกษตรกรที่ปลูกพืชผักออแกนิค เป็นผู้ที่ปลูกด้วยหัวใจจริงๆ เพราะกว่าจะได้ผลผลิต ต้องรอคอยเวลาในช่วงเริ่มต้น และบางครั้งก็ไม่ได้ผลผลิตตามที่ตั้งใจไว้
ด้วยสิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาตินั้น ไม่มีใครสามารถควบคุมหรือบังคับได้ อาหาร Raw Food จึงรักษาไว้ ซึ่งความสดจากธรรมชาติ เป็นอาหารที่เกิดจากความรัก ความตั้งใจจริง ความปรารถนาดีที่ไม่ทำร้ายสัตว์ ถือเป็นคุณธรรมขั้นเมตตา จึงเป็นอาหารที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังตามธรรมชาติ
ดังนั้น Raw Food จึงเป็นอาหารที่ช่วยเพิ่มพลังให้กับชีวิต ทานแล้วมีสุขภาพดีสวยจากภายในสู่ภายนอก ด้วยผัก ผลไม้ มีเอนไซม์ที่เหมาะสมสำหรับร่างกายมนุษย์ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์กินพืช Raw food ช่วยดีท็อกซ์ ล้างสารพิษ เพิ่มภูมิต้านทาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบการทำงานของสมอง สายตา การย่อยอาหาร ทำให้ผิวพรรณสดใส ลดน้ำหนัก และที่สำคัญเป็นอาหารอารมณ์ดีอีกด้วย"
เอารูปพ่อหนุ่ม Anthony Cooked - Anthony Raw มาให้สาวๆ กรี๊ดกัน เป็นภาพจากอินเตอร์เน็ต แม่เจ้า! ล่ำบึ๊กน่าฟัดขนาดนี้ พี่แอนโธนี่บอกเคล็ดลับที่หุ่นเฟี้ยวแบบนี้เพราะหันกิน Raw Food ดูภาพแรกซิ อีกนิดจะพะโล้ละ แต่หลังจากกิน Raw Food เท่านั้นแหล่ะ ชีวิตเปลี่ยน ชะนี เก้ง กวาง ล้วนแล้วแต่จ้องจะกินตับ!
ไม่เป็นโทษต่อระบบย่อยอาหาร
“ง่ายๆ เลย Raw Food คือ อาหารที่รับประทานไปแล้วไม่เป็นโทษต่อระบบการย่อยของอาหาร และร่างกายทั้งภายนอก ภายใน รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมา เป็นอาหารที่ใหม่สด สะอาด ปราศจากสารพิษ หรือสารเคมีเจือปนในการปรุงแต่งรสชาติ เช่น ผัก ผลไม้ หรือเนื้อสัตว์ที่ไม่มีไขมันมากจนเกินไป อาหารที่ไม่ปิ้ง ย่างจนไหม้เกรียมเป็นสีดำ เพราะทำให้มีอนุมลอิสระสูง และอาหารที่รสชาติไม่จัดจ้านจนเกินไป เช่น อาหารที่มีรสเปรี้ยว เผ็ด เค็ม มัน หวาน
อาหารสุขภาพมีหลากหลายประเภททั้งที่มีเนื้อสัตว์ เช่น ชีวจิต เมนูเนื้อปลาต่างๆ ที่ปราศจากไขมัน
อาหารที่มีส่วนของสัตว์ เช่น อาหารมังสวิรัติที่มีส่วนประกอบของเนย นม ไข่
อาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์เจือปนอยู่เลย เช่น อาหารเจ
และอาหารประเภทสด ไม่ผ่านความร้อน ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์เลย เช่น อาหารดิบ (Raw Food) ซึ่งในอาหารประเภทนี้จะมีวัตถุดิบเป็นผัก ผลไม้ และธัญพืช ในการนำมาประกอบอาหาร” คุณนัทกล่าว
อาหารไม่ผ่านความร้อน คุณค่าคงอยู่!
กรรมวิธีของอาหารประเภทนี้นั้น ต้องดิบ ไม่ผ่านความร้อน
“ทางเลือกของอาหารที่ผ่านความร้อนกับอาหารที่ไม่ผ่านความร้อน คุณค่าของอาหารต่างกันอย่างไร
อาหารที่ผ่านความร้อน คุณค่าของอาหารได้ถูกความร้อนทำลายไปส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือจะตกค้างในวัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหารในเมนูนั้นๆ หรือสารอาหารอาจออกมาเจือปนอยู่ในน้ำแกงภายนอกตัววัตถุดิบ เช่น อาหารบางเมนู เนื้อสัตว์ที่ผ่านการตุ๋นมาหลายชั่วโมง มีรสชาติจืดชืดเหมือนกระดาษ แต่คุณค่ากลับไปอยู่ในน้ำที่ตุ๋นแทน
อาหารที่ไม่ผ่านความร้อน คุณค่าของอาหารจะถูกจัดเก็บไว้ในตัวเอง แต่ต้องเก็บรักษาอาหารให้อยู่ใน
อุณหภูมิความเย็นที่เหมาะสมด้วย เพื่อเป็นการรักษาคุณภาพ และสารอาหาร เนื่องจากอาหารที่ไม่ผ่านความร้อน เช่น ผัก ผลไม้ มีเอนไซม์อยู่ในตัวเองมากมาย มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหารและการเผาผลาญ ซึ่งเอนไซม์นี้จะถูกทำลายได้ในอากาศที่ร้อน
เพราะโดยโครงสร้างฟันของมนุษย์จะมีลักษณะเรียบและเรียงติดกัน ซึ่งเป็นลักษณะเช่นเดียวกับสัตว์กินพืช น้ำลายของมนุษย์มีสภาพเป็นด่าง ไม่สามารถย่อยเนื้อสัตว์ที่อยู่ในปากได้อย่างรวดเร็วเหมือนสัตว์กินเนื้อ ที่น้ำลายมีสภาพเป็นกรด ดังนั้นฟันของมนุษย์จึงเหมาะสมใช้บดเคี้ยวอาหารประเภทพืชผัก ผลไม้ และการเคี้ยวอาหารให้ละเอียดมากเท่าใด ยิ่งช่วยระบบย่อยอาหารได้ดีมากขึ้นเท่านั้น
ทว่าสารอาหารจะนำไปสู่อวัยวะหรือไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย ส่วนกากอาหารที่เหลือเป็นของเสีย ร่างกายจะขับออกมาเป็นอุจจาระ และการขับถ่ายของผู้ที่บริโภคผัก ผลไม้ จะขับถ่ายง่ายกว่าผู้ที่บริโภคอาหารประเภทแป้ง และประเภทเนื้อสัตว์ เมื่อการขับถ่ายยาก นานเข้า โรคท้องผูก หรือโรคริดสีดวงทวารหนักก็จะตามมา ของเสียที่หมักหมมอยู่ในลำไส้อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งตามมาได้”
*เกร็ดตบท้าย*
งดเนื้อสัตว์ขาดโปรตีน กินอะไรทดแทน
คงมีคนสงสัยมากมายว่า ทานผักผลไม้อย่างเดียวโดยไม่ทานเนื้อสัตว์ จะทำให้ขาดโปรตีน อ่อนเพลียง่าย ไม่มีแรง จริงหรือ ทานอะไรทดแทนได้ล่ะ คุณนัทมีคำตอบ
“หากผู้ใดไม่มีน้ำย่อยในการย่อยแป้ง และโปรตีนจากเนื้อสัตว์ สามารถเลือกรับประทานาหารประเภทผักผลไม้ และธัญพืชทดแทนได้ เพราะในผัก ผลไม้ และธัญพืชบางชนิดมีโปรตีนที่ร่างกายต้องการ แต่โปรตีนชนิดนี้ไม่มีในเนื้อสัตว์ ดูตัวอย่างคนรับประทานมังสวิรัติที่เพิ่มขึ้นทุกปี หากรู้จักเลือกอาหารที่รับประทานร่างกายก็จะไม่ขาดสารอาหาร และไม่เหนื่อยง่าย กลับกันอาจดูสดใส ร่าเริงกว่าเดิม จากแร่ธาตุ วิตามิน และเกลือแร่
อาหารสุขภาพมักรสจืด ไม่จัดจ้าน จึงควรเพิ่มรสชาติด้วยผัก ผลไม้ เช่น รสเปรี้ยวจากน้ำมะนาว รสหวานจากผลไม้ที่มีรสหวาน รสเค็มจากการหมักถั่วเหลืองจนเป็นซีอิ้วขาว ซอสถั่วเหลือง รสเผ็ดจากพริกสด หรือสมุนไพรอื่นๆ เช่น พริกไทย”
คุณนัท ยังให้ข้อแนะนำปิดท้ายในการทานอาหารเพื่อสุขภาพ สำหรับผู้เริ่มต้นปฏิบัติด้วยว่า
“ควรเริ่มจากการหาผักผลไม้เข้ามาร่วมในทุกมื้ออาหาร ทั้งผักสดและผักต้ม ลดอาหารประเภทแป้ง และอาหารที่ใส่น้ำมันให้น้อยลง เป็นของที่ซื้อมาใหม่ สด สะอาด ไม่มีสารปรุงแต่ง เจือปนในอาหาร เป็นอาหารที่ย่อยง่าย ดื่มน้ำสะอาดตามให้มาก”
หากทำได้ลองทานมังสวิรัติ หรือผักผลไม้สัปดาห์ละครั้ง เพื่อเป็นการพักระบบย่อยอาหารที่ต้องผลิตน้ำย่อยจำนวนมากเพื่อย่อยเนื้อสัตว์จ้า
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
ข้าวเหนียวหมูปิ้ง กะเพราไก่ไข่ดาว เนื้อย่างโคขุนโพนยางคำ หมูทอดเจ๊จง ข้าวขาหมูตรอกซุง รู้ว่าอร่อย น้ำลายสอ แต่หยุดพฤติกรรมเบียดเบียนสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ในช่วงกินเจ ก็จะดีไม่ใช่น้อยนะจ๊ะ
งั้นเราขอเก็บตกจากกิจกรรมดีๆ ของ Life Center ในงานสัมมนาหัวข้อน่าสนใจ “อาหารสุขภาพ แบบ Raw Food”
“Raw food เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่เป็นที่นิยมในหมู่ดาราฮอลลีวูด เช่น ซูซาน ซาแรนดอน (Susan Sarandon), ป้าแชร์, อลิเซีย ซิลเวอร์สโตน (Alicia Silverstone) และยังเป็นอาหารที่มีขายตามเมืองใหญ่ๆ ในอเมริกา อย่าง ซานฟรานซิสโก นิวยอร์ก ชิคาโก้ และลอส แองเจลิส อีกด้วย
สำหรับในเมืองไทยก็เริ่มมีอาหารประเภทนี้ขายแล้วเหมือนกัน ด้วยกระแสสุขภาพที่คนส่วนใหญ่เริ่มให้ความสำคัญกับการทานอาหารเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น” คุณชรีพรรรณ์ เทียมรัตน์ หรือหมอนัท เจ้าของร้านอริยะ ออร์แกนิค คาเฟ่ (Ariya Organic Café) จะมาให้ข้อมูลของอาหารประเภท Raw food ที่คุณรู้แล้วจะอึ้ง จนรีบวางจานหมูทอด ทิ้งถ้วยแกงเขียวหวานเนื้อ หันมาคว้าผักเข้าปากกันเลยล่ะ
Raw Food สวยจากภายในสู่ภายนอก
คุณนัทอธิบายถึงอาหารประเภท Raw Food ว่า
“Raw food คือ อาหารที่ทำจากผลไม้สด ผักสด ต้นอ่อนของเมล็ดพืช วัตถุดิบทั้งหมดไม่ผ่านขบวนการปรุงแต่งทางเคมี ไม่มีแป้ง และน้ำตาล ไม่ใช้ความร้อนเกิน 46 องศาเซลเซียล เพื่อคงคุณค่าเอ็นไซม์ วิตามิน และเกลือแร่ แหล่งวัตถุดิบที่นำมาใช้ไม่ผ่านสารเคมี
โดยเริ่มตั้งแต่การเตรียมดินที่ต้องใช้เวลาถึง 7 ปี ต้องยอมปล่อยผืนดินให้ว่าง พลิกหน้าดินเพื่อชะล้างสารพิษต่างๆ ที่คั่งค้างอยู่ โดยระบบนิเวศน์ตามธรรมชาติ เกษตรกรที่ปลูกพืชผักออแกนิค เป็นผู้ที่ปลูกด้วยหัวใจจริงๆ เพราะกว่าจะได้ผลผลิต ต้องรอคอยเวลาในช่วงเริ่มต้น และบางครั้งก็ไม่ได้ผลผลิตตามที่ตั้งใจไว้
ด้วยสิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาตินั้น ไม่มีใครสามารถควบคุมหรือบังคับได้ อาหาร Raw Food จึงรักษาไว้ ซึ่งความสดจากธรรมชาติ เป็นอาหารที่เกิดจากความรัก ความตั้งใจจริง ความปรารถนาดีที่ไม่ทำร้ายสัตว์ ถือเป็นคุณธรรมขั้นเมตตา จึงเป็นอาหารที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังตามธรรมชาติ
ดังนั้น Raw Food จึงเป็นอาหารที่ช่วยเพิ่มพลังให้กับชีวิต ทานแล้วมีสุขภาพดีสวยจากภายในสู่ภายนอก ด้วยผัก ผลไม้ มีเอนไซม์ที่เหมาะสมสำหรับร่างกายมนุษย์ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์กินพืช Raw food ช่วยดีท็อกซ์ ล้างสารพิษ เพิ่มภูมิต้านทาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบการทำงานของสมอง สายตา การย่อยอาหาร ทำให้ผิวพรรณสดใส ลดน้ำหนัก และที่สำคัญเป็นอาหารอารมณ์ดีอีกด้วย"
เอารูปพ่อหนุ่ม Anthony Cooked - Anthony Raw มาให้สาวๆ กรี๊ดกัน เป็นภาพจากอินเตอร์เน็ต แม่เจ้า! ล่ำบึ๊กน่าฟัดขนาดนี้ พี่แอนโธนี่บอกเคล็ดลับที่หุ่นเฟี้ยวแบบนี้เพราะหันกิน Raw Food ดูภาพแรกซิ อีกนิดจะพะโล้ละ แต่หลังจากกิน Raw Food เท่านั้นแหล่ะ ชีวิตเปลี่ยน ชะนี เก้ง กวาง ล้วนแล้วแต่จ้องจะกินตับ!
ไม่เป็นโทษต่อระบบย่อยอาหาร
“ง่ายๆ เลย Raw Food คือ อาหารที่รับประทานไปแล้วไม่เป็นโทษต่อระบบการย่อยของอาหาร และร่างกายทั้งภายนอก ภายใน รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมา เป็นอาหารที่ใหม่สด สะอาด ปราศจากสารพิษ หรือสารเคมีเจือปนในการปรุงแต่งรสชาติ เช่น ผัก ผลไม้ หรือเนื้อสัตว์ที่ไม่มีไขมันมากจนเกินไป อาหารที่ไม่ปิ้ง ย่างจนไหม้เกรียมเป็นสีดำ เพราะทำให้มีอนุมลอิสระสูง และอาหารที่รสชาติไม่จัดจ้านจนเกินไป เช่น อาหารที่มีรสเปรี้ยว เผ็ด เค็ม มัน หวาน
อาหารสุขภาพมีหลากหลายประเภททั้งที่มีเนื้อสัตว์ เช่น ชีวจิต เมนูเนื้อปลาต่างๆ ที่ปราศจากไขมัน
อาหารที่มีส่วนของสัตว์ เช่น อาหารมังสวิรัติที่มีส่วนประกอบของเนย นม ไข่
อาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์เจือปนอยู่เลย เช่น อาหารเจ
และอาหารประเภทสด ไม่ผ่านความร้อน ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์เลย เช่น อาหารดิบ (Raw Food) ซึ่งในอาหารประเภทนี้จะมีวัตถุดิบเป็นผัก ผลไม้ และธัญพืช ในการนำมาประกอบอาหาร” คุณนัทกล่าว
อาหารไม่ผ่านความร้อน คุณค่าคงอยู่!
กรรมวิธีของอาหารประเภทนี้นั้น ต้องดิบ ไม่ผ่านความร้อน
“ทางเลือกของอาหารที่ผ่านความร้อนกับอาหารที่ไม่ผ่านความร้อน คุณค่าของอาหารต่างกันอย่างไร
อาหารที่ผ่านความร้อน คุณค่าของอาหารได้ถูกความร้อนทำลายไปส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือจะตกค้างในวัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหารในเมนูนั้นๆ หรือสารอาหารอาจออกมาเจือปนอยู่ในน้ำแกงภายนอกตัววัตถุดิบ เช่น อาหารบางเมนู เนื้อสัตว์ที่ผ่านการตุ๋นมาหลายชั่วโมง มีรสชาติจืดชืดเหมือนกระดาษ แต่คุณค่ากลับไปอยู่ในน้ำที่ตุ๋นแทน
อาหารที่ไม่ผ่านความร้อน คุณค่าของอาหารจะถูกจัดเก็บไว้ในตัวเอง แต่ต้องเก็บรักษาอาหารให้อยู่ใน
อุณหภูมิความเย็นที่เหมาะสมด้วย เพื่อเป็นการรักษาคุณภาพ และสารอาหาร เนื่องจากอาหารที่ไม่ผ่านความร้อน เช่น ผัก ผลไม้ มีเอนไซม์อยู่ในตัวเองมากมาย มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหารและการเผาผลาญ ซึ่งเอนไซม์นี้จะถูกทำลายได้ในอากาศที่ร้อน
เพราะโดยโครงสร้างฟันของมนุษย์จะมีลักษณะเรียบและเรียงติดกัน ซึ่งเป็นลักษณะเช่นเดียวกับสัตว์กินพืช น้ำลายของมนุษย์มีสภาพเป็นด่าง ไม่สามารถย่อยเนื้อสัตว์ที่อยู่ในปากได้อย่างรวดเร็วเหมือนสัตว์กินเนื้อ ที่น้ำลายมีสภาพเป็นกรด ดังนั้นฟันของมนุษย์จึงเหมาะสมใช้บดเคี้ยวอาหารประเภทพืชผัก ผลไม้ และการเคี้ยวอาหารให้ละเอียดมากเท่าใด ยิ่งช่วยระบบย่อยอาหารได้ดีมากขึ้นเท่านั้น
ทว่าสารอาหารจะนำไปสู่อวัยวะหรือไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย ส่วนกากอาหารที่เหลือเป็นของเสีย ร่างกายจะขับออกมาเป็นอุจจาระ และการขับถ่ายของผู้ที่บริโภคผัก ผลไม้ จะขับถ่ายง่ายกว่าผู้ที่บริโภคอาหารประเภทแป้ง และประเภทเนื้อสัตว์ เมื่อการขับถ่ายยาก นานเข้า โรคท้องผูก หรือโรคริดสีดวงทวารหนักก็จะตามมา ของเสียที่หมักหมมอยู่ในลำไส้อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งตามมาได้”
*เกร็ดตบท้าย*
งดเนื้อสัตว์ขาดโปรตีน กินอะไรทดแทน
คงมีคนสงสัยมากมายว่า ทานผักผลไม้อย่างเดียวโดยไม่ทานเนื้อสัตว์ จะทำให้ขาดโปรตีน อ่อนเพลียง่าย ไม่มีแรง จริงหรือ ทานอะไรทดแทนได้ล่ะ คุณนัทมีคำตอบ
“หากผู้ใดไม่มีน้ำย่อยในการย่อยแป้ง และโปรตีนจากเนื้อสัตว์ สามารถเลือกรับประทานาหารประเภทผักผลไม้ และธัญพืชทดแทนได้ เพราะในผัก ผลไม้ และธัญพืชบางชนิดมีโปรตีนที่ร่างกายต้องการ แต่โปรตีนชนิดนี้ไม่มีในเนื้อสัตว์ ดูตัวอย่างคนรับประทานมังสวิรัติที่เพิ่มขึ้นทุกปี หากรู้จักเลือกอาหารที่รับประทานร่างกายก็จะไม่ขาดสารอาหาร และไม่เหนื่อยง่าย กลับกันอาจดูสดใส ร่าเริงกว่าเดิม จากแร่ธาตุ วิตามิน และเกลือแร่
อาหารสุขภาพมักรสจืด ไม่จัดจ้าน จึงควรเพิ่มรสชาติด้วยผัก ผลไม้ เช่น รสเปรี้ยวจากน้ำมะนาว รสหวานจากผลไม้ที่มีรสหวาน รสเค็มจากการหมักถั่วเหลืองจนเป็นซีอิ้วขาว ซอสถั่วเหลือง รสเผ็ดจากพริกสด หรือสมุนไพรอื่นๆ เช่น พริกไทย”
คุณนัท ยังให้ข้อแนะนำปิดท้ายในการทานอาหารเพื่อสุขภาพ สำหรับผู้เริ่มต้นปฏิบัติด้วยว่า
“ควรเริ่มจากการหาผักผลไม้เข้ามาร่วมในทุกมื้ออาหาร ทั้งผักสดและผักต้ม ลดอาหารประเภทแป้ง และอาหารที่ใส่น้ำมันให้น้อยลง เป็นของที่ซื้อมาใหม่ สด สะอาด ไม่มีสารปรุงแต่ง เจือปนในอาหาร เป็นอาหารที่ย่อยง่าย ดื่มน้ำสะอาดตามให้มาก”
หากทำได้ลองทานมังสวิรัติ หรือผักผลไม้สัปดาห์ละครั้ง เพื่อเป็นการพักระบบย่อยอาหารที่ต้องผลิตน้ำย่อยจำนวนมากเพื่อย่อยเนื้อสัตว์จ้า
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net