คอลัมน์ Sexociety โดย Dr.DEN
เมื่อเราได้คู่รัก เราก็ตกอยู่ในอันตรายที่จะสูญเสียเพื่อนไป 2 คนจากกระบวนการความรักของเรา การวิจัยพบว่ากลุ่มเพื่อนสนิท 5 คน (หรือประมาณนั้น) มีแนวโน้มว่าจะลดลง 2 คน หลังจากคุณเริ่มคบหากับใครบางคน นั่นคือ ผลลัพธ์ของการที่คุณใช้เวลากับพวกเขาน้อยลง
ดร.ลินดาพูด “ขณะคุณมีความสุขกับรักครั้งใหม่ คุณจำได้ไหมว่ามีเพื่อนๆ คอยช่วยปลอบใจยามรักร้าวคราวที่แล้ว เพราะฉะนั้นโปรดระลึกไว้ว่าอย่าหลงระเริงกับความรักจนลืมเพื่อน ถ้าไม่อยากนั่งร้องไห้ตามลำพัง”
แต่สำหรับสาวที่ยังไม่มีคนรัก ไม่แม้แต่กล้าที่จะเข้าหาหนุ่มที่ปิ๊ง
ไม่น่าเกลียดหรอกครับถ้าคุณจะเป็นฝ่ายจีบชวนเขาไปเที่ยว เพียงแต่ว่า ต้องมีชั้นเชิงหน่อย
1. เริ่มต้นด้วยการชวนคุย
ถ้าเป็นคนที่คุณรู้จัก ให้คุยเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่พวกคุณชอบเหมือนๆกัน เช่น เรื่องงานหรือเพื่อนๆ ถ้าเป็นคนที่คุณไม่รู้จักมาก่อนให้แสดงความเห็นทั่วไปแบบปลายเปิด (OPEN-ENDED) เกี่ยวกับสถานการณ์ของพวกคุณทั้งสองในขณะนั้น เช่น อีกนานไหมกว่ารถไฟจะมาถึงหรือผับนี้มันหนวกหูจริงๆ เป็นต้น
2. ให้นัยน์ตาของคุณพูดแทน
การใช้สายตาสัมผัสเก่งๆ เป็นสิ่งสำคัญมาก และสามารถส่งสัญญาณได้เป็นอย่างดีว่าคุณรู้สึกสนใจเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณพยายามจ้องให้นานกว่าที่คุณเคยทำตามปกติ 1หรือ 2 วินาที แต่อย่าให้นานเกินไป มันจะถูกตีความผิดเพี้ยนไปได้
3. ถามเกี่ยวกับตัวเขา
สร้างสายสัมพันธ์โดยการถามเขาว่า “อยากทำอะไร” ประโยคนี้จะมีประโยชน์ขึ้นมาทันที เมื่อคุณพร้อมที่จะชวนเขาไปเที่ยวต่อ
4. หว่านเสน่ห์
มีเพียง 7% ของการสื่อสารที่เป็นคำพูดล้วนๆ ดังนั้นจงทำให้แน่ใจว่าภาษากายและน้ำเสียงของคุณอยู่ในแนวเดียวกับสิ่งที่คุณกำลังพยายามจะบอก แสดงท่าทางอย่างเปิดเผย เอนตัวเข้าเงี่ยหูฟังเมื่อเขาพูด และหัวเราะเมื่อเหมาะสม (การหัวเราะพร่ำเพรื่ออาจดูต๊องในสายตาของเขาได้) ยิ่งคุณมีความมั่นใจและทำตัวสบายๆ มากเท่าไร สายสัมพันธ์ของคุณทั้งสองก็จะเชื่อมโยงกันได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
5. ออกปากชวน
ทันทีที่คุณพบความสนใจอย่างหนึ่งที่พวกคุณมีร่วมกัน ก็ให้เชิญชวนเขาไปทำด้วยกัน เช่น ไปดูหนัง ฟังเพลง หรือไปเที่ยวที่ไหนๆกันต่อ แต่ถ้าคุณอยากอยู่คุยกันต่อที่เดิม ก็บอกเขาไปตรงๆ ไม่มีอำนาจอะไรที่เหนือไปกว่าการได้ทำในสิ่งที่คุณต้องการให้เกิดขึ้น ดังนั้น จงเชื่อมันและสนุกกับประสบการณ์ของคุณ
*ฝากถาม: คบ 7 เดือน->เร็วเกินไปไหมที่จะแต่งงาน?
“ฉันอายุ 24 และอยู่กับแฟนมา 7 เดือนแล้ว เรามีความสุขจริงๆ และอยู่กินด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมงของ 7 วันตั้งแต่เราพบกัน อาทิตย์ที่แล้วเขาขอแต่งงานกับฉัน มันเร็วเกินไปมั้ย?”
นี่เป็นคำตอบที่ยาก เรารู้จักใครบางคนดีขนาดไหนไม่ใช่แค่ขึ้นอยู่กับว่าเรารู้จักเขานานแค่ไหน แต่ยังรวมถึงคุณภาพและรูปแบบของประสบการณ์ที่เรามีร่วมกันด้วย
มันเป็นสิ่งสำคัญมากที่ว่าก่อนคุณจะแต่งงานกับใครบางคน คุณชัดเจนเกี่ยวกับความเชื่อและค่านิยมของเขาแค่ไหน เขามีความสัมพันธ์กับคุณอย่างไร และคุณปฏิบัติต่อความสัมพันธ์นั้นอย่างไร ทุกอย่างตั้งแต่การจัดการเรื่องการเงินไปจนถึงว่าใครจะเป็นคนซักผ้า ล้างชาม
ในขณะที่สิ่งเหล่านั้นอาจดูเล็กน้อย แต่ในเรื่องจิ๊บจ๊อยอย่างนี้แหละ ที่ประเด็นของอำนาจและความเคารพมักจะแสดงผลออกมาบ่อยๆ ดังนั้นคุณชัดเจนมากเท่าไหร่ก็จะดีแก่คุณมากเท่านั้น
โปรดจำไว้ด้วยว่า ในขั้นแรกของความสัมพันธ์นั้น ความแปลกใหม่ต่อกัน ทำให้สิ่งต่างๆ มันง่ายต่อการรับมือ (ชี้นกเป็นไม้ ยังได้เลย) แต่พอมีความสนิทสนมทางกายภาพหลังจากอยู่กันเป็นปีแล้ว ก็ดูเหมือนว่าความพยายามที่จะเอาอกเอาใจหรือประนีประนอมกันมันหายหัวไปหมด ดังนั้นจึงไม่มีคำตอบง่ายๆ สำหรับคำถามของคุณ
ทั้งหมดที่จะบอกได้ก็คือ ยิ่งพวกคุณรู้จักกันละกันอย่างแท้จริงมากเท่าไร และพวกคุณสร้างรูปแบบของการรับมือกับทุกอย่าง ตั้งแต่ความใกล้ชิดสนิทสนมไปจนถึงความขัดแย้งได้มากเท่าไร โอกาสแห่งความสำเร็จในชีวิตแต่งงานของคุณทั้งสองก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น
แต่ถ้าคุณยังไม่แน่ใจ รอไปก่อนก็ได้ ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการแต่งงานหรอก ถึงยังไงพวกคุณก็อยู่กินกันแล้วนี่ครับ
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
เมื่อเราได้คู่รัก เราก็ตกอยู่ในอันตรายที่จะสูญเสียเพื่อนไป 2 คนจากกระบวนการความรักของเรา การวิจัยพบว่ากลุ่มเพื่อนสนิท 5 คน (หรือประมาณนั้น) มีแนวโน้มว่าจะลดลง 2 คน หลังจากคุณเริ่มคบหากับใครบางคน นั่นคือ ผลลัพธ์ของการที่คุณใช้เวลากับพวกเขาน้อยลง
ดร.ลินดาพูด “ขณะคุณมีความสุขกับรักครั้งใหม่ คุณจำได้ไหมว่ามีเพื่อนๆ คอยช่วยปลอบใจยามรักร้าวคราวที่แล้ว เพราะฉะนั้นโปรดระลึกไว้ว่าอย่าหลงระเริงกับความรักจนลืมเพื่อน ถ้าไม่อยากนั่งร้องไห้ตามลำพัง”
แต่สำหรับสาวที่ยังไม่มีคนรัก ไม่แม้แต่กล้าที่จะเข้าหาหนุ่มที่ปิ๊ง
ไม่น่าเกลียดหรอกครับถ้าคุณจะเป็นฝ่ายจีบชวนเขาไปเที่ยว เพียงแต่ว่า ต้องมีชั้นเชิงหน่อย
1. เริ่มต้นด้วยการชวนคุย
ถ้าเป็นคนที่คุณรู้จัก ให้คุยเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่พวกคุณชอบเหมือนๆกัน เช่น เรื่องงานหรือเพื่อนๆ ถ้าเป็นคนที่คุณไม่รู้จักมาก่อนให้แสดงความเห็นทั่วไปแบบปลายเปิด (OPEN-ENDED) เกี่ยวกับสถานการณ์ของพวกคุณทั้งสองในขณะนั้น เช่น อีกนานไหมกว่ารถไฟจะมาถึงหรือผับนี้มันหนวกหูจริงๆ เป็นต้น
2. ให้นัยน์ตาของคุณพูดแทน
การใช้สายตาสัมผัสเก่งๆ เป็นสิ่งสำคัญมาก และสามารถส่งสัญญาณได้เป็นอย่างดีว่าคุณรู้สึกสนใจเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณพยายามจ้องให้นานกว่าที่คุณเคยทำตามปกติ 1หรือ 2 วินาที แต่อย่าให้นานเกินไป มันจะถูกตีความผิดเพี้ยนไปได้
3. ถามเกี่ยวกับตัวเขา
สร้างสายสัมพันธ์โดยการถามเขาว่า “อยากทำอะไร” ประโยคนี้จะมีประโยชน์ขึ้นมาทันที เมื่อคุณพร้อมที่จะชวนเขาไปเที่ยวต่อ
4. หว่านเสน่ห์
มีเพียง 7% ของการสื่อสารที่เป็นคำพูดล้วนๆ ดังนั้นจงทำให้แน่ใจว่าภาษากายและน้ำเสียงของคุณอยู่ในแนวเดียวกับสิ่งที่คุณกำลังพยายามจะบอก แสดงท่าทางอย่างเปิดเผย เอนตัวเข้าเงี่ยหูฟังเมื่อเขาพูด และหัวเราะเมื่อเหมาะสม (การหัวเราะพร่ำเพรื่ออาจดูต๊องในสายตาของเขาได้) ยิ่งคุณมีความมั่นใจและทำตัวสบายๆ มากเท่าไร สายสัมพันธ์ของคุณทั้งสองก็จะเชื่อมโยงกันได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
5. ออกปากชวน
ทันทีที่คุณพบความสนใจอย่างหนึ่งที่พวกคุณมีร่วมกัน ก็ให้เชิญชวนเขาไปทำด้วยกัน เช่น ไปดูหนัง ฟังเพลง หรือไปเที่ยวที่ไหนๆกันต่อ แต่ถ้าคุณอยากอยู่คุยกันต่อที่เดิม ก็บอกเขาไปตรงๆ ไม่มีอำนาจอะไรที่เหนือไปกว่าการได้ทำในสิ่งที่คุณต้องการให้เกิดขึ้น ดังนั้น จงเชื่อมันและสนุกกับประสบการณ์ของคุณ
*ฝากถาม: คบ 7 เดือน->เร็วเกินไปไหมที่จะแต่งงาน?
“ฉันอายุ 24 และอยู่กับแฟนมา 7 เดือนแล้ว เรามีความสุขจริงๆ และอยู่กินด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมงของ 7 วันตั้งแต่เราพบกัน อาทิตย์ที่แล้วเขาขอแต่งงานกับฉัน มันเร็วเกินไปมั้ย?”
นี่เป็นคำตอบที่ยาก เรารู้จักใครบางคนดีขนาดไหนไม่ใช่แค่ขึ้นอยู่กับว่าเรารู้จักเขานานแค่ไหน แต่ยังรวมถึงคุณภาพและรูปแบบของประสบการณ์ที่เรามีร่วมกันด้วย
มันเป็นสิ่งสำคัญมากที่ว่าก่อนคุณจะแต่งงานกับใครบางคน คุณชัดเจนเกี่ยวกับความเชื่อและค่านิยมของเขาแค่ไหน เขามีความสัมพันธ์กับคุณอย่างไร และคุณปฏิบัติต่อความสัมพันธ์นั้นอย่างไร ทุกอย่างตั้งแต่การจัดการเรื่องการเงินไปจนถึงว่าใครจะเป็นคนซักผ้า ล้างชาม
ในขณะที่สิ่งเหล่านั้นอาจดูเล็กน้อย แต่ในเรื่องจิ๊บจ๊อยอย่างนี้แหละ ที่ประเด็นของอำนาจและความเคารพมักจะแสดงผลออกมาบ่อยๆ ดังนั้นคุณชัดเจนมากเท่าไหร่ก็จะดีแก่คุณมากเท่านั้น
โปรดจำไว้ด้วยว่า ในขั้นแรกของความสัมพันธ์นั้น ความแปลกใหม่ต่อกัน ทำให้สิ่งต่างๆ มันง่ายต่อการรับมือ (ชี้นกเป็นไม้ ยังได้เลย) แต่พอมีความสนิทสนมทางกายภาพหลังจากอยู่กันเป็นปีแล้ว ก็ดูเหมือนว่าความพยายามที่จะเอาอกเอาใจหรือประนีประนอมกันมันหายหัวไปหมด ดังนั้นจึงไม่มีคำตอบง่ายๆ สำหรับคำถามของคุณ
ทั้งหมดที่จะบอกได้ก็คือ ยิ่งพวกคุณรู้จักกันละกันอย่างแท้จริงมากเท่าไร และพวกคุณสร้างรูปแบบของการรับมือกับทุกอย่าง ตั้งแต่ความใกล้ชิดสนิทสนมไปจนถึงความขัดแย้งได้มากเท่าไร โอกาสแห่งความสำเร็จในชีวิตแต่งงานของคุณทั้งสองก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น
แต่ถ้าคุณยังไม่แน่ใจ รอไปก่อนก็ได้ ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการแต่งงานหรอก ถึงยังไงพวกคุณก็อยู่กินกันแล้วนี่ครับ
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net