>>บางครั้งการคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกของมนุษย์ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำร้ายมนุษย์ได้เหมือนกัน อย่างประดิษฐกรรมที่เราว่าเจ๋ง! สุดยอดอย่าง “ลิฟต์สำหรับรถยนต์” ที่สามารถยกรถยนต์คันโตขึ้นไปไว้ยังชั้นสูงๆ ของอาคารต่างๆ อำนวยความสะดวกให้มนุษย์ในการประหยัดที่จอดรถ แต่เทคโนโลยีบางครั้งก็มีความผิดพลาด ซึ่ง “มิ้นท์ อรรถวดี” เจอมากับตัว...
ตั้งแต่เกิดมากล้าพูดได้เลยว่า “ไม่เคยกลัวอะไรมาก่อน!” ไม่ว่าจะเป็นความมืด ความสูง ความแคบ หรือสิ่งลี้ลับ แต่เมื่อเจอะเหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมเข้ากับตัว “สาวมิ้นท์-อรรถวดี จิรมณีกุล” ผู้จัดการกลุ่มประชาสัมพันธ์หมาดๆ ของบริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด ก็ยอมรับว่ายังหวาดๆ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยขณะเล่านั้นน้ำเสียงของเธอยังคงแฝงไว้ด้วยความตื่นเต้น
“เหตุเกิดที่ตึกแห่งหนึ่งบนถนนพระราม 4 ค่ะ วันนั้นนัดกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนที่ร้านอาหารญี่ปุ่นในตึกนั้น มิ้นท์ไปถึงประมาณ 1 ทุ่ม ตอนแรกจะจอดรถข้างล่างแต่ปรากฏว่าเขากั้นโซนไว้สำหรับแขกซูเปอร์วีไอพีที่จะมาในวันนั้น รปภ.จึงโบกให้ขับรถขึ้นไปจอดชั้นบนโดยใช้ลิฟต์สำหรับรถยนต์ขึ้นไป
ภาพที่เห็นตอนนั้นคือสภาพลิฟต์ค่อนข้างเก่า แต่ก็ใจสู้ ไม่คิดอะไรมาก กดปุ่มขึ้นแล้วลิฟต์ก็ไปหยุดที่ชั้นเฉพาะสำหรับจอดลิฟต์ พอขึ้นไปถึงก็รู้สึกเลยว่าหวิวๆ เพราะว่าเป็นชั้นที่มืดและเงียบมาก มีรถจอดอยู่ไม่กี่คัน มองหา รปภ.ก็ไม่มีเลย เป็นบรรยากาศที่น่ากลัวสำหรับผู้หญิงนะ เพราะมันดูเงียบและเปลี่ยวมาก พอลงจากรถก็ต้องเดินหาทางเข้าตึกอยู่พักหนึ่งเพราะเป็นชั้นพิเศษ และไม่มีป้ายบอกอะไรเลย
หลังจากนั้นพอกินข้าวด้วยกันเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาแยกย้ายกลับ เราก็หาเพื่อนเผื่อว่าจะมีใครจอดชั้นเดียวกับเรา ปรากฏว่าไม่มีใครจอดชั้นเดียวกับเราเลย ตอนแรกก็มีน้องๆ อาสาว่าจะเดินไปที่รถเป็นเพื่อน แต่น้องคนหนึ่งที่จะไปเป็นเพื่อนเขาเป็นโรคกลัวความแคบ ด้วยความที่เรากล้าจัด จึงบอกว่า “ไม่เป็นไรเดี๋ยวไปเอง สบายมาก” ต่างคนจึงต่างแยกย้ายกันกลับ
พอไปที่ชั้นจอดรถปรากฏว่าเหลือรถเราคันเดียว ไม่มีรถคันอื่นเลย ยังคิดในใจเล่นๆ ถ้ามีโจรมาทำร้ายเรา ก็คงไม่มีใครช่วยได้ ตอนนั้นหัวใจเต้นเร็วมาก จึงรีบเดินกึ่งวิ่งไปที่รถ ขึ้นรถปุ๊บ รีบล็อกรถ แล้วสตาร์ทรถขับมาที่ลิฟต์ พอขับมาถึงที่ลิฟต์ก็เห็นป้ายว่าถ้าใช้ลิฟต์หลัง 3 ทุ่มให้ติดต่อที่ล็อบบี้ แต่ตอนนั้น 3 ทุ่มครึ่งเองจึงลองกดลิฟต์ ปรากฎว่าลิฟต์เปิด อ้าว! ใช้ได้นี่นา ก็เลยขับเข้าไป...
พอเข้าไปเราก็ดับเครื่อง ตามกฎการใช้ลิฟต์ ก็เลื่อนลงได้ปกติ เราก็โอเค คงไม่มีอะไร แต่ปรากฏว่าพอถึงชั้น 1 ประตูลิฟต์ไม่เปิด เราพยายามกดปุ่ม (Door Open) ประตูก็ยังไม่เปิด กดปุ่ม Emergency ประตูก็ไม่เปิด กดปุ่ม Call ก็ไม่มีใครตอบ ก็เลยบีบแตรเพื่อให้มีคนได้ยิน
ตอนนั้นกลัวมาก ลองคิดดูไม่สามารถเปิดประตูลงไปได้ เพราะว่าขนาดลิฟต์แค่พอดีตัวรถ ต้องนั่งอยู่ในรถอย่างนั้น เปิดกระจกรถ แล้วก็ร้อนมากเพราะไอร้อนจากเครื่องยนต์รถยังคงอบอยู่ในลิฟต์ รู้สึกเหมือนอยู่ในห้องเซาน่าเลย ระหว่างนั้นก็พยายามโทรศัพท์ แต่ในลิฟต์ก็ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์อีก
สักพักก็มีเสียงลอดมาทาง call ของลิฟต์ เราก็เลยรีบตะโกนกลับไปว่าเราอยู่ในนี้ เขาก็บอกว่าประตูมีปัญหาขอตามช่างก่อน....
โอเคความกลัวก็ลดลงไป 1 สเต็ป เพราะมีคนรู้แล้วว่าเราอยู่ในนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาซ่อมอีกนานแค่ไหน แล้วเราก็เริ่มรู้สึกอึดอัดแล้ว พยายามปลอบใจตัวเอง หายใจลึกๆ คิดในแง่บวกเข้าไว้ ณ ตอนนั้นทำอะไรไม่ได้ นอกจากปลอบใจตัวเอง (หัวเราะ)
จากนั้นน่าจะประมาณ 5-10 นาที ก็แก้ไขได้ แต่ช่วงเวลานั้นแม้จะไม่นาน แต่สำหรับคนที่ตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนั้นรู้สึกว่าเป็นช่วงที่ทรมานและยาวนานมาก หลังขับรถออกมาได้แล้วยังตัวสั่นอยู่เลย ต้องจอดเพื่อตั้งสติและรีเฟรชตัวเองอยู่พักใหญ่ ถึงขับรถกลับบ้านได้”
เฮ้อ...เสียงของเธอถอนหายใจยาว หลังจากที่เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้เราฟัง...จากประสบการณ์ครั้งนั้นเธอบอกกับเราว่าทำให้เธอไม่กล้าขึ้นลิฟต์สำหรับรถอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นที่อาคารไหน เพราะแค่มองเข้าไปในลิฟต์ บรรยากาศเดิมๆ ก็ลอยวนเข้ามาสะกิดใจทุกครั้ง
อย่างไรก็ดี เธอจะมีปัญหาเฉพาะกับลิฟต์สำหรับรถยนต์เท่านั้น ส่วนลิฟต์สำหรับคนโดยสารที่เราต้องเจอกันอยู่ในชีวิตประจำวันนั้นไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเธอ...และยืนยันว่ายังคง “กล้า!” ไม่กลัวลิฟต์ เพียงแค่หวาดๆ เท่านั้นเอง! :: Text by FLASH
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net หรือ App Store ได้แล้วที่ celeb online ipad edition