จะเป็นอย่างไร? เมื่อคนๆ เดียวต้องแบกรับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของการเป็นทั้งพ่อและแม่ ในเวลาเดียวกัน วันนี้ Hot on shelf ขออิงกระแส “วันแม่แห่งชาติ” ด้วยการรวบรวมวลีสุดซึ้ง กินใจ จากบทสัมภาษณ์หลายๆ เล่ม นำมารวบรวมให้คุณผู้อ่านได้เห็นมุมมองและความรักของเธอเหล่านั้นกัน
เริ่มที่ คุณแม่นักสู้ อย่าง อังคณา นีละไพจิตร ที่เมื่อ 8 ปีที่แล้ว สมชาย ผู้เป็นสามีลูกลักพาตัวหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้ผู้เป็นภรรยาต้องเลี้ยงลูกตามลำพังถึง 5ชีวิต ด้วยความเหน็ดเหนื่อย สุดท้ายเรื่องร้ายๆ ผ่านไป เธอสามารถนำพาลูกทุกคนเรียนจบตามเจตนารมณ์ของผู้เป็นพ่อแล้ว (ข้อมูลจากนิตยสาร Who? ฉบับวันที่ 1 ส.ค. 55)
“วันที่ไม่มีทนายสมชาย ต้องบอกว่าเหนื่อยมากๆ แต่ดีว่าลูกๆ ทุกคนเป็นคนรับผิดชอบในตัวเองดีมาก แม่ไม่ต้องไปจู้จี้อะไรเลย ตรงนี้ต้องบอกว่าคุณพ่อเขาสอนไว้ว่า ลูกทุกคนต้องตื่นแต่เช้า โดยให้เหตุผลว่า ถ้าเราตื่นเช้าจะเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง เราจะเห็นควันไฟจากคนหุงข้าว กวาดบ้าน ถูบ้าน แต่ถ้าตื่นสายก็จะไม่ได้เห็นสิ่งเหล่านี้”
ด้าน ม.ล.สราลี กิติยากร หลังจากที่แยกทางกับสามี (ธีระเดช จิราธิวัฒน์) เธอก็เป็นผู้ดูแลลูกชายทั้ง 2 คน คือ น้องปก และน้องป้อง ที่ปัจจุบันอายุ 14 ปี (ข้อมูลจากนิตยสารWho? ฉบับวันที่ 1 ส.ค. 55)
“ถ้ามีเวลาว่างจะหาเวลาอยู่กับลูก เผื่อลูกอยากมาปรึกษาอะไร อย่าผัดวันหากลูกๆ มาขอคำปรึกษา ถ้าเราไม่ว่างในตอนนั้นต้องมีวิธีการพูดให้เขาไม่เสียใจ หรือไม่พูดในทำนองไม่ใส่ใจเขาโดยแสดงอาการรำคาญเมื่อลูกมาขอคำปรึกษาอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่บอกอะไรเราอีกเลย พยายามเป็นเพื่อนที่พูดคุยกับเขาได้ทุกเรื่อง คือ เป็นทั้งแม่และเพื่อน จนบางทีลูกยังบอกว่า แม่คุยเหมือนเด็กเลย”
ขณะที่ คุณแม่ศิลปิน อย่าง เจี๊ยบ-วรรธนา วีรยวรรธน ที่เพียงชั่วข้ามคืนทุกสิ่งทุกอย่างก็อันตธานหายไปเมื่อสามีอันเป็นที่รัก กบ-นิมิตร จิตรานนท์ เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่ประเทศอินเดีย เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา (ข้อมูลจากนิตยสารWho? ฉบับวันที่ 1 ส.ค. 55)
“ทุกวันนี้สิ่งต่างๆ รอบตัวผุดขึ้นมาตลอด เพราะว่าเป็นคนคนเดียว มันไม่ใช่แค่คิดถึง แต่ชีวิตอีกครึ่งมันขาดหายไป ตอนนี้ยอมรับว่าพิการอยู่”
พยายามทำงานให้หนักกับความสุขแบบวันต่อวัน
“พยายามมีความสุขให้ได้วันต่อวัน บางวันก็ดี แต่บางวันไม่ไหว คิดถึงทีไรก็เศร้า ปล่อยให้เป็นไปตามตามวาระโอกาส ถ้าอยากร้องก็ร้อง บางทีขับรถอยู่ดีๆ กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ร้องไห้จนไม่สามารถขับต่อไปได้ ต้องจอดรถข้างทาง ซึ่งหลังๆ เป็นบ่อยมาก”
นอกจากนี้ในบทสัมภาษณ์ ตอนหนึ่ง เจี๊ยบ ได้บอกว่า เราจะอยู่กัน 3 คนแม่ลูกแบบนี้ จะไม่ย้าย จะไม่เอาลูกไปฝากใคร และจะไม่เอาใครมาเลี้ยงลูก เราต้องอยู่กันให้ได้
“เจี๊ยบบอกลูกๆ เสมอว่า บางครั้งแม่ไม่ได้ออกคำสั่งนะ แต่ว่าสถานการณ์เป็นแบบนี้ บางวันลูกต้องทำแบบนี้ ต้องทำตามที่แม่บอก ไม่อย่างนั้นเราจะอยู่กันแบบนี้ไม่ได้ ลูกสาวคนโต(น้องเนปาล) เลยบอกว่า ถ้างั้นไม่ต้องพายายหรือย่ามาอยู่ และไม่ต้องไปอยู่บ้านย่าหรือยาย เราจะอยู่กันเท่านี้ หนูดูน้อง(ด.ช.ธิเบต)ได้”
ปิดท้ายกันที่ ตุ๊ก-ชนกวนันท์ รักชีพ ที่เพิ่งหันหลังให้กับชีวิตคู่พร้อมเซ็นต์ใบหย่ากับ บ๊วย-เชษฐวุฒิ แล้วหันมาตั้งหน้าตั้งตาเลี้ยงน้องแพรวและน้องภูมิ ลูกทั้ง 2 คนด้วยตัวเอง ก็ได้เปิดใจถึงความรู้สึกแบบหมดเปลือกในนิตยสาร Lisa ฉบับ วันที่ 8 ส.ค. 2555
“ถามว่าตอนนี้ตุ๊กโอเค มั้ย คือ ต้องอยู่กับปัจจุบัน ยังมีลูกที่ต้องดูแล เราจะคิดเสมอว่า ชีวิตคู่มันประกอบด้วยความรู้สึกของคน 2 คน เมื่อคนคนหนึ่งกด cancel เกมนี้มันก็เล่นหรือดำเนินต่อไปไม่ได้แล้ว ก็กลายเป็น Game Over เพราะชีวิตคู่ดำเนินคนเดียวไม่ได้ แต่การที่เราเคยใช้เวลาร่วมกัน ช่วยกันดูแลลูกมันก็เป็นเรื่องดีๆ ที่เราจะจำไว้”
หากถามถึงความรู้สึกตอนนี้
“ถ้าเป็นในแง่ของความรู้สึก คือเราก็ไม่ค่อยอยากพูดถึงมาก มันไม่ได้รู้สึกดีหรอกนะ แต่เราต้องอยู่ให้ได้ คิดในแง่ดีก็คือ เค้าไม่ได้ป่วยไข้เป็นอะไร เค้าแค่อยากเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ เค้ายังสบายดีมาช่วยเราเลี้ยงลูก เพียงแค่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน คิดแบบนี้เอาไว้ดีกว่า ทุกๆ อย่างมันเป็นสิ่งที่เราต้องรับให้ได้ ไม่ใช่ยิ้มรับอะไรแบบนั้นนะ ต้องจำใจรับให้ได้ และต้องก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยเช่นกัน”
นี่เป็นเพียงถ้อยคำบางช่วงบางตอน ของผู้หญิงทั้ง 4 ท่าน ที่เราหยิบยกนำมาเท่านั้น ทว่า หากคุณผู้อ่านอยากที่จะรู้ถึงมุมมองความรู้สึก รวมถึงการใช้ชีวิตหลังจากนี้ พวกเธอจะเป็นอย่างไรบ้าง ก็ห้ามพลาดบทสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ที่เชื่อได้เลยว่าเมื่อคุณอ่านเนื้อหาแบบเต็มๆ แล้ว จะทำให้คุณมีกำลังใจในการใช้ชีวิตอย่างแน่นอน
ขอขอบคุณ : ข้อมูล และภาพประกอบ จากนิตยสาร Who? และนิตยสาร Lisa
Text by : ASTV ผู้จัดการรายวัน: สังคม-สตรี
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
