By Lady Manager
แม้ ณ บัดนี้ อดีตสามีภรรยาคนดังของแห่งฮอลลีวูด ทอม ครุยส์ VS เคธี่ โฮลมส์ หาทางออกแยกทางกันอย่างประนีประนอมแล้ว ทว่าประเด็นเหตุรักร้าวยังเป็นที่ฉงนสนใจของใครหลายคน
เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเชื่อที่แตกต่าง (ทอมศรัทธาลัทธิไซแอนโทโลจีอย่างหนัก ขณะที่เคธี่ถูกเลี้ยงมาตามหลักศาสนาคริสต์ นิกายคาธอลิค) หรือนิสัยเผด็จการของฝ่ายชาย (ข่าวเม้าท์มอยว่าทอมมักออกอาการบงการกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง อาทิ สั่งห้ามเคธี่โชว์ภาพบทจูบในภาพยนตร์ สั่งห้ามเคธี่ขึ้นเครื่องบินไปกับกองถ่าย โดยบังคับให้เธอนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเขาไปแทน ฯลฯ) ช่างเป็นเรื่องใกล้ตัวเราๆ เสียเหลือเกิน
…ระหว่างความสัมพันธ์กับความเชื่อรสนิยมนิสัยส่วนตัว เราจะจัดวางให้อยู่ร่วมกันได้ไหม? โดยไม่ต้องแยกทาง หรือเลิกคบ!?
จิตแพทย์สาวคนสวย พ.ต.ท.หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล หรือคุ้นเรียก ‘หมอแอร์’ มาช่วยไกด์วิธีคิดค่ะ
ความเชื่อกับความรัก
“ความเชื่อมีอิทธิพลกับความคิด กับการตัดสินใจ รวมทั้งกับการใช้ชีวิตของคนๆ หนึ่ง
แต่เราสามารถอยู่ร่วมกับคนที่ไม่มีความเชื่อเหมือนเราก็ได้ ถ้าเรายอมรับเขาในแบบที่เขาเป็น ยอมรับเขาในแบบที่เขาเชื่อ และก็ไม่ต้องให้เขามาเปลี่ยนตามเรา”
หมอแอร์ ชี้ต้นตอปัญหา
“เราชอบให้อีกฝ่ายหนึ่งเชื่อเหมือนเรา อย่าง ทะเลาะกันเรื่องการเมือง ทะเลาะกันเรื่องศาสนา คือ เราไม่ยอมรับคนที่ไม่เหมือนเรา และพยายามให้คนอื่นมาเหมือนเรา นี่คือ ปัญหาและเกิดความขัดแย้ง แต่ถ้าเออนะ เราเชื่อแบบนี้ เขาเชื่อแบบนั้น ก็ไม่เป็นไร แม้เราว่าคิดต่าง เราก็อยู่ด้วยกันได้
จริงๆ แล้ว ไม่จำเป็นเลย สามีภรรยานับถือคนละศาสนา เชื่อคนละอย่างคนละแนว ก็ยังอยู่กันได้เยอะแยะ รักกันได้ เพราะยอมรับซึ่งกันและกัน ยอมรับว่าเขาเชื่อแบบนั้น เราเชื่อแบบนี้ เราก็อยู่กันได้"
นิสัยเสีย ยึดตนเป็นหลัก ชอบถูกตามใจ
หมอแอร์ กล่าวว่าเป็นประเด็นนิสัยใจคอส่วนตัว หาใช่โรคจิตยึดตัวเองเป็นหลัก
“เป็นเรื่องนิสัยใจคอส่วนตัวมากกว่า เอาความคิดเห็นตัวเองเป็นหลัก คิดว่าตัวเองคิดถูกแล้ว ทำถูกแล้ว และคนอื่นต้องทำเหมือนตัวเอง เป็นลักษณะเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง เอาตัวเองเป็นหลัก คิดว่าตัวเองถูก คิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองดี และก็อยากไปเปลี่ยนคนอื่น คนอื่นต้องคิดแบบตัวเอง เป็นเหมือนตัวเอง นั่นแหล่ะคือ การไม่ยอมรับคนอื่น”
รวมทั้งนิสัยชอบให้คนอื่นตามใจ
“คนที่คิดแบบนี้จะอยู่กับใครได้ไม่นาน คนที่คิดว่าจะต้องได้รับการตามใจตลอด เอาแต่ใจตัวเอง คนพวกนี้อยู่กับใครได้ไม่นาน ก็เลิก ไม่ว่าเขาจะรักคุณแค่ไหน ไม่ว่าคุณจะร่ำรวยแค่ไหน
เพราะคนอยู่ด้วยรู้สึกอึดอัด
แต่ละคนก็มีหัวจิตหัวใจ ไม่มีใครสามารถตามใจเราได้ทุกอย่าง 100% เราต้องยอมรับตรงนี้ให้ได้ และเราก็ต้องเคารพคนอื่น ในฐานะที่เขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง เขาก็มีความคิดจิตใจ เขาก็มีสิทธิ์จะคิดต่าง ไม่เห็นต้องมาเปลี่ยนกันเลย"
หากเขาไม่เปิดไม่เปลี่ยน ตัวเราเอง ‘ปรับ’ และ ‘เปลี่ยน’
“เป็นเรื่องการพูดคุยสื่อสารและค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากัน สมมุติว่าแฟนเราเป็นพวกเผด็จการ มีความคิดของตัวเองเป็นหลัก ชอบเปลี่ยนชอบสั่งเราทำนู้นทำนี่ เราต้องตั้ง ‘สติ’ ก่อน อย่าไปโมโห และให้รับแต่ด้านดีๆ รับแต่ความปรารถนาดี ว่าเขารักเรานะ เขาถึงห่วงเรา รับแต่ด้านดีๆ มา ส่วนเราเปลี่ยนไม่เปลี่ยนคือ ชีวิตเรา มันเรื่องของเรา”
หมอแอร์ แนะใช้เทคนิคการพูด
“มีวิธีพูดอยู่นะ ‘ขอบคุณนะที่เป็นห่วง’ ‘ขอบคุณที่แนะนำ’ ‘แต่ว่าเราขอคิดดูก่อน’ หรือว่า ‘แต่เราคิดว่ามันคงไม่เหมาะกับเรา’ คือ ให้พูดด้านดีก่อน และค่อยแตกอธิบายทีหลัง
แต่ทีนี้ปัญหาคนเราคือ จะไปหงุดหงิดโมโห จะไปเคืองบาดหมางกัน ทำไมต้องมาวุ่นวายกับชีวิตฉัน บางคนสับสนไม่แน่ใจ-เออ เราควรเปลี่ยนตามเขาไหม และเกิดความเครียด
จริงๆ แล้ว ความคิดของเขาก็เป็นเรื่องของเขา เราจะเปลี่ยนไม่เปลี่ยนก็เป็นเรื่องของเรา เขาคิดแบบนี้ เราอาจไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนเขาก็ได้ เขาอาจแนะนำว่าตรงนี้ดี แต่คนที่รู้จักตัวเองเราที่สุดคือ ตัวเราเองใช่ไหมคะ
เราต้องมาดูว่ามันใช่สำหรับเรารึเปล่า เหมาะกับเรารึเปล่า ถ้ามันไม่ใช่ เราก็ไม่ต้องเปลี่ยน แล้วก็รับแต่ความปรารถนาดี ขอบคุณเขาไป ก็บอกดีๆ ว่า “เราขอแบบนี้ๆ ล่ะกัน” “เดี๋ยวลองดูนะ” ก็พูดกันดีๆ"
ทว่าหากเขาไม่เปิด ไม่ปรับ ไม่ฟังเลยล่ะ
“ก็ขึ้นกับเราแล้วล่ะ ว่ายอมรับที่เขาเป็นแบบนี้ไหม ที่เขาเผด็จการ ชอบสั่งโน้นสั่งนี่..ได้หรือเปล่า ถ้าเรารับได้ก็อยู่กันได้ เพราะบางครั้งเราไปเปลี่ยนคนอื่น เราไปเปลี่ยนไม่ได้ เราเปลี่ยนตัวเรา ..ง่ายกว่า
แฟนเราเป็นอย่างนี้ เรารับได้ เราเห็นข้อดีของเขาในเรื่องอื่นๆ นอกเหนือจากเรื่องของเสียข้อนี้ ข้อดีอื่นๆ ของเขาช่วยชดเชยข้อเสียข้อนี้ได้ไหม ต้องยอมรับว่าคนเราไม่มีใครสมบูรณ์แบบ 100% ต้องยอมรับว่าอาจมีด้านเสียอะไรบ้าง มันก็เป็นธรรมชาติ
..อยู่ที่เราว่าเรารับได้ไหม ถ้าเรารับได้ ก็เปลี่ยนใจเราให้รับที่เขาเป็นอย่างนี้ ปรับตัวอยู่กับความเป็นเขาแบบนี้ให้ได้”
ไม่มีใครเปลี่ยนเราได้ นอกจากตัวเราเอง เฉกเช่นเดียวกัน ไม่มีใครทำร้ายเราได้ นอกจากตัวเราเอง
แล้วคุณจะยอมให้ความรักถูกทำร้าย ด้วยเหตุมุ่ง ‘เปลี่ยน’ ซึ่งกันและกัน เท่านั้นหรือ!?!
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
แม้ ณ บัดนี้ อดีตสามีภรรยาคนดังของแห่งฮอลลีวูด ทอม ครุยส์ VS เคธี่ โฮลมส์ หาทางออกแยกทางกันอย่างประนีประนอมแล้ว ทว่าประเด็นเหตุรักร้าวยังเป็นที่ฉงนสนใจของใครหลายคน
เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเชื่อที่แตกต่าง (ทอมศรัทธาลัทธิไซแอนโทโลจีอย่างหนัก ขณะที่เคธี่ถูกเลี้ยงมาตามหลักศาสนาคริสต์ นิกายคาธอลิค) หรือนิสัยเผด็จการของฝ่ายชาย (ข่าวเม้าท์มอยว่าทอมมักออกอาการบงการกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง อาทิ สั่งห้ามเคธี่โชว์ภาพบทจูบในภาพยนตร์ สั่งห้ามเคธี่ขึ้นเครื่องบินไปกับกองถ่าย โดยบังคับให้เธอนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเขาไปแทน ฯลฯ) ช่างเป็นเรื่องใกล้ตัวเราๆ เสียเหลือเกิน
…ระหว่างความสัมพันธ์กับความเชื่อรสนิยมนิสัยส่วนตัว เราจะจัดวางให้อยู่ร่วมกันได้ไหม? โดยไม่ต้องแยกทาง หรือเลิกคบ!?
จิตแพทย์สาวคนสวย พ.ต.ท.หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล หรือคุ้นเรียก ‘หมอแอร์’ มาช่วยไกด์วิธีคิดค่ะ
ความเชื่อกับความรัก
“ความเชื่อมีอิทธิพลกับความคิด กับการตัดสินใจ รวมทั้งกับการใช้ชีวิตของคนๆ หนึ่ง
แต่เราสามารถอยู่ร่วมกับคนที่ไม่มีความเชื่อเหมือนเราก็ได้ ถ้าเรายอมรับเขาในแบบที่เขาเป็น ยอมรับเขาในแบบที่เขาเชื่อ และก็ไม่ต้องให้เขามาเปลี่ยนตามเรา”
หมอแอร์ ชี้ต้นตอปัญหา
“เราชอบให้อีกฝ่ายหนึ่งเชื่อเหมือนเรา อย่าง ทะเลาะกันเรื่องการเมือง ทะเลาะกันเรื่องศาสนา คือ เราไม่ยอมรับคนที่ไม่เหมือนเรา และพยายามให้คนอื่นมาเหมือนเรา นี่คือ ปัญหาและเกิดความขัดแย้ง แต่ถ้าเออนะ เราเชื่อแบบนี้ เขาเชื่อแบบนั้น ก็ไม่เป็นไร แม้เราว่าคิดต่าง เราก็อยู่ด้วยกันได้
จริงๆ แล้ว ไม่จำเป็นเลย สามีภรรยานับถือคนละศาสนา เชื่อคนละอย่างคนละแนว ก็ยังอยู่กันได้เยอะแยะ รักกันได้ เพราะยอมรับซึ่งกันและกัน ยอมรับว่าเขาเชื่อแบบนั้น เราเชื่อแบบนี้ เราก็อยู่กันได้"
นิสัยเสีย ยึดตนเป็นหลัก ชอบถูกตามใจ
หมอแอร์ กล่าวว่าเป็นประเด็นนิสัยใจคอส่วนตัว หาใช่โรคจิตยึดตัวเองเป็นหลัก
“เป็นเรื่องนิสัยใจคอส่วนตัวมากกว่า เอาความคิดเห็นตัวเองเป็นหลัก คิดว่าตัวเองคิดถูกแล้ว ทำถูกแล้ว และคนอื่นต้องทำเหมือนตัวเอง เป็นลักษณะเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง เอาตัวเองเป็นหลัก คิดว่าตัวเองถูก คิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองดี และก็อยากไปเปลี่ยนคนอื่น คนอื่นต้องคิดแบบตัวเอง เป็นเหมือนตัวเอง นั่นแหล่ะคือ การไม่ยอมรับคนอื่น”
รวมทั้งนิสัยชอบให้คนอื่นตามใจ
“คนที่คิดแบบนี้จะอยู่กับใครได้ไม่นาน คนที่คิดว่าจะต้องได้รับการตามใจตลอด เอาแต่ใจตัวเอง คนพวกนี้อยู่กับใครได้ไม่นาน ก็เลิก ไม่ว่าเขาจะรักคุณแค่ไหน ไม่ว่าคุณจะร่ำรวยแค่ไหน
เพราะคนอยู่ด้วยรู้สึกอึดอัด
แต่ละคนก็มีหัวจิตหัวใจ ไม่มีใครสามารถตามใจเราได้ทุกอย่าง 100% เราต้องยอมรับตรงนี้ให้ได้ และเราก็ต้องเคารพคนอื่น ในฐานะที่เขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง เขาก็มีความคิดจิตใจ เขาก็มีสิทธิ์จะคิดต่าง ไม่เห็นต้องมาเปลี่ยนกันเลย"
หากเขาไม่เปิดไม่เปลี่ยน ตัวเราเอง ‘ปรับ’ และ ‘เปลี่ยน’
“เป็นเรื่องการพูดคุยสื่อสารและค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากัน สมมุติว่าแฟนเราเป็นพวกเผด็จการ มีความคิดของตัวเองเป็นหลัก ชอบเปลี่ยนชอบสั่งเราทำนู้นทำนี่ เราต้องตั้ง ‘สติ’ ก่อน อย่าไปโมโห และให้รับแต่ด้านดีๆ รับแต่ความปรารถนาดี ว่าเขารักเรานะ เขาถึงห่วงเรา รับแต่ด้านดีๆ มา ส่วนเราเปลี่ยนไม่เปลี่ยนคือ ชีวิตเรา มันเรื่องของเรา”
หมอแอร์ แนะใช้เทคนิคการพูด
“มีวิธีพูดอยู่นะ ‘ขอบคุณนะที่เป็นห่วง’ ‘ขอบคุณที่แนะนำ’ ‘แต่ว่าเราขอคิดดูก่อน’ หรือว่า ‘แต่เราคิดว่ามันคงไม่เหมาะกับเรา’ คือ ให้พูดด้านดีก่อน และค่อยแตกอธิบายทีหลัง
แต่ทีนี้ปัญหาคนเราคือ จะไปหงุดหงิดโมโห จะไปเคืองบาดหมางกัน ทำไมต้องมาวุ่นวายกับชีวิตฉัน บางคนสับสนไม่แน่ใจ-เออ เราควรเปลี่ยนตามเขาไหม และเกิดความเครียด
จริงๆ แล้ว ความคิดของเขาก็เป็นเรื่องของเขา เราจะเปลี่ยนไม่เปลี่ยนก็เป็นเรื่องของเรา เขาคิดแบบนี้ เราอาจไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนเขาก็ได้ เขาอาจแนะนำว่าตรงนี้ดี แต่คนที่รู้จักตัวเองเราที่สุดคือ ตัวเราเองใช่ไหมคะ
เราต้องมาดูว่ามันใช่สำหรับเรารึเปล่า เหมาะกับเรารึเปล่า ถ้ามันไม่ใช่ เราก็ไม่ต้องเปลี่ยน แล้วก็รับแต่ความปรารถนาดี ขอบคุณเขาไป ก็บอกดีๆ ว่า “เราขอแบบนี้ๆ ล่ะกัน” “เดี๋ยวลองดูนะ” ก็พูดกันดีๆ"
ทว่าหากเขาไม่เปิด ไม่ปรับ ไม่ฟังเลยล่ะ
“ก็ขึ้นกับเราแล้วล่ะ ว่ายอมรับที่เขาเป็นแบบนี้ไหม ที่เขาเผด็จการ ชอบสั่งโน้นสั่งนี่..ได้หรือเปล่า ถ้าเรารับได้ก็อยู่กันได้ เพราะบางครั้งเราไปเปลี่ยนคนอื่น เราไปเปลี่ยนไม่ได้ เราเปลี่ยนตัวเรา ..ง่ายกว่า
แฟนเราเป็นอย่างนี้ เรารับได้ เราเห็นข้อดีของเขาในเรื่องอื่นๆ นอกเหนือจากเรื่องของเสียข้อนี้ ข้อดีอื่นๆ ของเขาช่วยชดเชยข้อเสียข้อนี้ได้ไหม ต้องยอมรับว่าคนเราไม่มีใครสมบูรณ์แบบ 100% ต้องยอมรับว่าอาจมีด้านเสียอะไรบ้าง มันก็เป็นธรรมชาติ
..อยู่ที่เราว่าเรารับได้ไหม ถ้าเรารับได้ ก็เปลี่ยนใจเราให้รับที่เขาเป็นอย่างนี้ ปรับตัวอยู่กับความเป็นเขาแบบนี้ให้ได้”
ไม่มีใครเปลี่ยนเราได้ นอกจากตัวเราเอง เฉกเช่นเดียวกัน ไม่มีใครทำร้ายเราได้ นอกจากตัวเราเอง
แล้วคุณจะยอมให้ความรักถูกทำร้าย ด้วยเหตุมุ่ง ‘เปลี่ยน’ ซึ่งกันและกัน เท่านั้นหรือ!?!
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net