ปัจจุบันนี้หลายๆ ประเทศทั่วโลก พยายามแข่งขันกันสร้างอาคารสูงระฟ้าขึ้นมา เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็น “อาคารสูงที่สุดในโลก” จนตอนนี้ไม่รู้ว่าตึกสูงระฟ้าแห่งใดที่สูงที่สุดและสวยที่สุด เพราะดูเหมือนว่าจะมีตึกใหม่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทุบสถิติเก่าทุกปี
สำหรับปีที่ผ่านมีการสร้างอาคารสูงกว่า 200 เมตรเป็นจำนวน 88 อาคาร เมื่อเทียบกับปี 2005 ซึ่งมีการสร้างอาคารสูงเพียง 32 อาคารเท่านั้น และคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีอาคารสูงที่สร้างเสร็จเกิดขึ้นอีกถึง 96 อาคาร ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการสร้างอาคารสูงมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ล่าสุดCouncil on Tall Buildings and Urban Habitat หรือคณะกรรมการอาคารสูงและที่พักอาศัย ได้ลงความเห็นเลือกอาคารสูงเสียดฟ้าจากทั่วโลกทั้งหมด 78 อาคาร เพื่อเฟ้นหาตึกที่สูงที่สุดและสวยที่สุดแห่งปี 2012 ซึ่งเลือกมาจากแต่ละภูมิภาคคือทวีปอเมริกา ,เอเชีย-ออสเตรเลีย,ยุโรป ,ตะวันออกกลางและแอฟริกา
โดยปีนี้มีอาคารสูงที่มีความโดดเด่นโดนใจคณะกรรมการ สามารถคว้าตำแหน่งนี้ไปครองมี 4 ประเทศจากการเลือกอาคารที่โดเด่นที่สุดตามภูมิภาค คือ อาคารของประเทศจาร์กาตาร์ แดนาดา อิตาลี และออสเตรเลีย ซึ่งถูกยกย่องให้เป็นอาคารที่เยี่ยมที่สุดในโลกแห่งปี 2012 โดยแต่ละอาคารจะมีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน
ตึกสูงที่สวยที่สุดในโลกปีนี้ได้แก่ อาคารแฝด The Absolute Towers จาก มิซซิสโซก้า แคนาดา นับเป็นอาคารที่สูงที่สุดในทวีปอเมริกาด้วยความสูง 179.5 เมตร และ 158 เมตร ซึ่งจะสร้างแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมปีนี้
ขณะที่ Palazzo Lombardia จาก มิลาน อิตาลีได้รับรางวัลอาคารที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป ส่วนทวีปเอเชีย-ออสเตรเลียรางวัลนี้เป็นของอาคารรูปไข่ (มองจากด้านบน) 1 Bligh Street จากซิดนีย์ ออสเตรเลีย ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางศูนย์การเงินธุรกิจของนครซิดนีย์
อาคาร The Al Bahar Tower 1จากเมืองอาบูดาบี ยังได้รับรางวัลนวัตกรรมดีเด่น จากการออกแบบระบบฉากกันแสงด้วยคอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุด อันเป็นรางวัลที่แสดงถึงการผสมผสานในการนำเอาสมองกล หรือคอมพิวเตอร์มาใช้ในการควบคุมงาน ระบบป้องกันแสงอาทิตย์และควบคุมอุณหภูมิภายในอาคารอย่างได้ผล
ทั้งนี้ การประกาศผลและรับรางวัลอย่างเป็นทางการ จะมีขึ้นในวันที่ 18 ตุลาคมที่ Illinois Institute of Technology โดยรางวัลของ CTBUH นี้ จะเป็นรางวัลที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการออกแบบก่อสร้าง โดยมีการนำเอาระบบทางวิศวกรรมต่างๆ มาใช้อย่างได้ผลที่สุด โดยเฉพาะ อาคารทั้งหมดต้องมีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน วัสดุก่อสร้าง และมีความงดงามทางสถาปัตยกรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง
ส่วนสถาปนิกที่ได้รับรางวัลอันทรงคุณค่าคือ รางวัล The Lynn S.Beedle Lifetime Achievement Award ซึ่งเสนอจากสถาบันเดียวกันคือ Helmut Jah สถาปนิกผู้มีผลงานในการออกแบบอาคารที่เรียบง่ายแต่สง่างามที่สุด
สำหรับหลักเกณฑ์การคัดเลือกอาคารที่ยอดเยี่ยมที่สุดครั้งนี้ มาจากผลงานที่ถูกส่งเข้าประกวดทั้งหมด 78 โครงการ โดยมีผลงานที่ส่งจากประเทศในทวีปเอเชียมากที่สุด และตามมาด้วยผลงานจากประเทศในตะวันออกกลาง โดยผลงานทั้งหมดจะถูกนำมาพิมพ์ในหนังสือผลงานทางสถาปัตยกรรมของแต่ละปี เพื่อให้ผู้ที่มาร่วมงานได้ทราบ และเห็นภาพของอาคารที่ถูกนำมาพิจารณาในแต่ละปี