>>จากสาวน้อยคนหนึ่งที่มีความฝันตั้งแต่วัยเด็กว่าอยากเป็นดีไซเนอร์ “ปิยะพร อังอุบลกุล” หรือ “โอ๋” ลูกสาวของนักธุรกิจคนเก่ง “สนั่น อังอุบลกุล” จึงเลือกเดินตามความฝันของตัวเองมากกว่าเดินตามรอยเท้าของผู้เป็นพ่อ และในวันนี้เธอก็ได้ทำความใฝ่ฝันของตัวเองสำเร็จในอีกขึ้นหนึ่ง ด้วยการเป็นดีไซเนอร์ประจำแบรนด์ Garden Flynow III
“โอ๋เป็นคนพิถีพิถันเรื่องเลือกเสื้อผ้าตั้งแต่เด็กๆ เวลาผู้ใหญ่พาไปซื้อเสื้อ โอ๋จะเลือกเอง ตอนนั้นเลือกดีหรือไม่ดี เราไม่รู้หรอก แต่ต้องขอเลือกเองก่อน (หัวเราะ) ตอนเด็กๆ เวลามีญาติผู้ใหญ่ซื้อเสื้อผ้ามาให้เรา เราก็จะดื้อ ไม่ใส่หรอกนะ” เรื่องเล่าจากความทรงจำในวัยเด็กของโอ๋ บอกเราว่าเธอได้ทำในสิ่งที่รักมาตั้งแต่เด็กจนมาถึงทุกวันนี้ ด้วยความที่เป็นคนชอบงานศิลปะ ชอบออกแบบ ชอบมิกซ์แอนด์แมตช์เสื้อผ้า อาชีพอะไรจะเหมาะกับเธอไปกว่าดีไซเนอร์....
ถึงแม้จะเกิดมาในครอบครัวที่มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน แต่ไม่ได้หมายความว่าการเดินตามความฝันของการเป็นดีไซเนอร์จะปูพรมต้อนรับเธอตั้งแต่ต้นทาง โอ๋ต้องผ่านทางขรุขระมาไม่น้อยเหมือนกัน
“จุดที่ทำให้เราจริงจังกับเรื่องศิลปะ น่าจะมาจากตอนที่ได้รับทุนเอเอฟเอสไปเรียนที่ออสเตรเลีย 1 ปี ที่นั่นได้ประสบการณ์อะไรเยอะแยะ จากเด็กที่โตมาในครอบครัวไทยๆ มีพ่อแม่คอยดูแล แต่พอไปอยู่ที่โน่นเราต้องทำอะไรเองหลายอย่าง มุมมองเราเองก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน ตอนนั้นชอบศิลปะแล้ว และการสอนศิลปะของที่นั่น ทำให้เราสนุกและรู้สึกว่าเราทำได้มากกว่าตอนเรียนศิลปะที่เมืองไทย เราชอบด้านนี้จริงๆ เลยตัดสินใจเรียนต่อที่ออสเตรเลียจนจบไฮสกูล
สมัยนั้นผู้ใหญ่ยังมองว่าเรียนดีไซน์จบมาจะไส้แห้งหรือเปล่า ตอนแรกที่บ้านไม่ค่อยอยากให้เรียน แต่ตอนที่เขายอม เขาบอกว่า ...ถ้าจะเรียน เวลาเจออุปสรรคอะไรก็อย่ามาบ่นนะ เพราะเลือกแล้ว ต้องเอาให้รอด... ตั้งแต่ตอนนั้นเลยทำให้เราเข้มแข็งเวลาเจออุปสรรค เราต้องขยันและสู้ เพราะเราเป็นคนพูดเอง ขอเอง เราต้องรับผิดชอบชีวิตที่เราเลือกเอง”
พอเรียนจบระดับมัธยม เธอกลับมาเมืองไทยเพื่อเรียนพื้นฐานด้านการออกแบบที่เมืองไทยอยู่ 1 ปี ก่อนจะบินลัดฟ้าไปศึกษาต่อในสาขา Visual Communication ที่ Birmingham Institue of Art and Design แต่เมื่อเรียนไปได้ระยะหนึ่ง ก็พบว่าตัวเองอยากเรียนด้านแฟชั่นดีไซน์มากกว่า เมื่อย้ายมาเรียนตามที่ต้องการ เส้นทางก็ยังไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสียทีเดียว
“ปีที่เราย้ายเข้าไปเรียนสาขาแฟชั่นดีไซน์ เป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงการเรียนการสอนในสาขาแฟชั่นดีไซน์พอดี บางคลาสก็ขาดอาจารย์ แต่เด็กต้องมีงานส่ง เราก็เลยต้องศึกษาเอง ไปห้องสมุด อ่านหนังสือ ค้นคว้า แล้วมาทำเอง ซึ่งทำให้เราต้องสู้ด้วยตัวเอง ถึงไม่มีคนสอน เราก็ไม่แบมือรอ ต้องรู้จักเอาตัวรอดเพื่อให้มีงานส่ง ซึ่งโอ๋มองว่ามันเป็นสิ่งที่ดี เพราะพอโตขึ้น ทำให้เรารู้จักทำอะไรด้วยตัวเองตั้งแต่ต้น”
หลังเรียนจบ โอ๋ เดินทางมายังลอนดอน เพื่อเรียนต่อปริญญาโทที่ Instituto Marangoni ซึ่งเธอบอกว่าที่นี่ โหด!!! “ที่นี่เขาก็จะสอนอีกแนวหนึ่งเลย ไม่เน้นตัดเย็บ จะมีดีไซเนอร์มาให้โปรเจ็กต์และส่งเป็นงานวาด เน้นงานกราฟิก แล้วส่งให้เขาตรวจ ซึ่งค่อนข้างโหด ทำงานติดกันไม่ได้นอน 2-3 วันเป็นเรื่องปกติ ส่งงานสายก็ไม่ได้เลย สายหนึ่งนาทีก็ไม่ได้ โอ๋เคยได้ศูนย์คะแนนมาแล้ว เพราะส่งไม่ทัน ตอนนั้นเครื่องปริ๊นต์มันเสียพอดี (หัวเราะ)”
ระหว่างเรียนอยู่ที่อังกฤษ ประสบการณ์การฝึกงานที่ McQ แบรนด์ลูกของแฟชั่นแบรนด์ชื่อก้องอย่าง Alexander McQueen ซึ่งยังเป็นหนึ่งในแบรนด์โปรดของเธอเอง โอ๋บอกว่าที่นั่นทำให้ได้เรียนรู้การทำงานจริงและได้เรียนรู้เรื่องคนมากที่สุด
“ตอนที่รู้ว่าได้ฝึกงานที่นั่นก็ตกใจเหมือนกันค่ะ ไม่คิดว่าจะได้ ตอนนั้นดีไซเนอร์ของ McQไม่มีผู้ช่วยเลย เราก็เลยได้เข้าไปทำทุกอย่างจริงๆ ตั้งแต่ไปซื้อกาแฟ เก็บขยะ งานเอกสาร รีเสิร์ชข้อมูล ทำกราฟิก จนมาถึงดีไซน์ เราได้รู้ระบบการทำงาน เพราะเขากล้าให้เราทำโน่นทำนี่เยอะเหมือนกัน แต่ที่ได้เรียนรู้มากที่สุดน่าจะเป็นเรื่องคนมากกว่า เพราะเขาจะแยกแยะเป็นมืออาชีพมากๆ อย่างไปฝึกงานวันแรก เขาให้เราทำงานเหมือนเคยทำมาก่อนแล้ว เราก็ยังงงๆ เลยโดนว่าหนักมาก เราต้องตั้งสติและทำงานต่อไป แต่พอเวลาเลิกงานแล้ว เขาเข้ามาชวนเราออกไปกินข้าวด้วย ไม่ได้เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานเลย”
เมื่อเรียนจบและกลับมาเมืองไทย โอ๋เริ่มมองหางานด้านดีไซน์ และหลังจากได้รับคำปรึกษาทั้งจากรุ่นพี่และผู้ใหญ่หลายท่าน บวกกับความชอบส่วนตัวในแบรนด์เสื้อผ้า FLYNOWอยู่แล้ว ทำให้เธอลองเข้าไปยื่นใบสมัครดู “ตอนนั้นเข้ามาสมัครในนามแบรนด์ Flynow III แต่เมื่อเข้ามาแล้ว คุณสมชัย (สมชัย ส่งวัฒนา ผู้ก่อตั้ง FLYNOW) กำลังจะทำแบรนด์น้องคือ Garden Flynow III โอ๋และทีมทั้งหมดเลยได้ทำตั้งแต่เริ่มต้น
งานนี้สนุกเพราะเราได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์เยอะ และได้เรียนรู้รอบด้าน ถ้าเกิดเราไปสมัครที่อื่น เราอาจจะได้ออกแบบของแบรนด์ที่มีอยู่แล้ว แต่ที่นี่เรามีโอกาสเรียนรู้ในการทำแบรนด์ใหม่ขึ้นมาเลย ก็ใช้เวลานานเหมือนกันกว่าจะออกคอลเล็กชั่นแรก แรกๆ หลายอย่างก็ยังไม่ลงตัวดี มีอุปสรรคบ้าง เพราะทุกคนในทีมก็ใหม่กันทั้งนั้น ก็ต้องมาเรียนรู้กันทั้งทีม ตอนนี้ก็เริ่มลงตัวขึ้น”
แต่งานในความรับผิดชอบของเธอ ก็ไม่ได้แค่นั่งออกแบบเสื้อผ้าอยู่ที่ออฟฟิศเท่านั้น แต่รวมไปถึงการดูแลหน้าร้าน ดูการตลาด ทำโปรเจ็กต์อีเวนต์ต่างๆ ด้วย “เราทำงานกันเป็นทีม ต้องรู้จักรับฟังความคิดของคนอื่น เรารู้สึกว่ายังใหม่ และต้องเรียนรู้ โอ๋เชื่อว่าทุกคนเก่งในสายงานที่ตัวเองรับผิดชอบนะ เอาความคิดเห็นของหลายๆ คนมาและนำมากรองเอาว่าอะไรที่ควรจะเป็น จะเป็นการคุยงานกัน และค่อยมาปรับว่าอันไหนเวิร์กไม่เวิร์ก”
รู้จักเธอผ่านหน้าที่การงานไปแล้ว ส่วนตัวตนจริงๆ ของสาวหน้าหวานคนนี้ กลับไม่หวานเหมือนหน้าตา เพราะเพื่อนๆ ของเธอมักลงความเห็นว่าเธอมีนิสัยเหมือนผู้ชาย ง่ายๆ ไม่จุกจิก และออกจะเฮฮาด้วยซ้ำไป ซึ่งนิสัยเหล่านี้ก็สะท้อนมายังสไตล์การแต่งตัวของตัวเธอเองด้วย
“โอ๋ชอบแต่งตัวแนวมิกซ์แอนด์แมตช์ มีความเป็นร็อก เท่ๆ แปลกๆ ไม่ใช่สาวหวานเลย แล้วเวลาอยู่กับแก๊งเพื่อนๆ จะสนุกสนานมาก เวลานัดไปกินข้าว บางทีก็ต้องมีธีมค่ะ ทุกคนต้องแต่งตัวมาเต็มนะ ห้ามยอมกัน อย่างเช่น ธีมสาวญี่ปุ่นตัวดำ ผมทอง หรือธีมประเทศต่างๆ ใครจับได้ประเทศอะไรต้องจัดเต็ม บ้าบอกันไปเลย (หัวเราะ)”
ชีวิตของโอ๋วนเวียนอยู่กับเรื่องแฟชั่นอย่างแยกไม่ออก ไม่เว้นแม้แต่ในเวลาว่าง “ถ้ามีเวลาชอบเดินห้าง หรือเข้าไปดูร้านเสื้อผ้าต่างๆ โอ๋ชอบดูสไตล์แต่งตัวของคนนะ และตอนนี้กำลังทำบล็อกเกี่ยวกับแฟชั่นด้วย แต่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โอ๋ว่าการทำบล็อกทำให้เราได้กลับมาค้นคว้าหาข้อมูลได้เหมือนตอนสมัยเรียน เรื่องแฟชั่นมันเป็นสิ่งที่โอ๋รัก ทำแล้วมีความสุขจริงๆ รู้สึกเอ็นจอยกับการแต่งตัว การสไตลิ่ง ตอนนี้งานดีไซน์มันก็เป็นเกือบทั้งหมดของชีวิตแล้วค่ะ”
ความฝันสูงสุดของดีไซเนอร์ ก็คงไม่พ้นการมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง สำหรับโอ๋ก็เช่นกัน แต่เธอมองว่าทุกวันนี้เธอยังสนุกกับงานที่ Garden Flynow III จึงอยากทำทุกวันนี้ให้ดีที่สุดและสั่งสมประสบการณ์ให้ได้มากๆ เพื่อค่อยๆไต่สเต็ปความฝันของตัวเองไปทีละก้าวอย่างมั่นคง....
:: คุณสมบัติการเป็นดีไซเนอร์ในแบบของ โอ๋
“งานดีไซน์มันทำให้เราเกิดความคิดสร้างสรรค์ และงานดีไซน์สำหรับโอ๋ คือการนำเอาความชอบส่วนตัว เข้ามาเกี่ยวข้องส่วนหนึ่ง และเป็นเหมือนการเรียนรู้และเข้าใจความคิด นิสัย และไลฟ์สไตล์ของคนด้วย แล้วเราดึงตรงนั้นมาทำเป็นสินค้าที่สามารถตอบโจทย์พวกเขาได้ด้วย”
1.ต้องมีความสนใจ ในเรื่องสิ่งรอบตัว งานศิลปะ งานดีไซน์ทั่วไป ไม่เฉพาะเรื่องเสื้อผ้าเท่านั้น
2.ไม่เฉพาะแค่การสนใจเรื่องการแต่งตัว แต่ต้องสามารถนำสิ่งรอบๆ ตัว นำมาเป็นแรงบันดาลใจ และนำมาประยุกต์ให้เป็นผลงานให้ได้
3.งานดีไซน์เกี่ยวข้องกับความสวยงามบวกธุรกิจ ต้องรู้จักสำรวจตลาดว่าต้องการอะไร ::Text by Flash
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net หรือ App Store ได้แล้วที่ celeb online ipad edition