ด้วยความที่เป็นแบรนด์ที่เติบโตมากับสิ่งแวดล้อม และความเขียวขจีของธรรมชาติ ดังนั้น เมื่อได้รับความไว้วางใจจากผู้หญิงทั่วโลกกว่า 30 ล้านคน มาเป็นเวลานานกว่า 50 ปี มูลนิธิอีฟ โรเช สนับสนุนโดย สถาบันแห่งประเทศฝรั่งเศส ภายใต้การนำของ จาร์ค โรเช ประธานมูลนิธิ จึงปิ๊งแคมเปญเด็ดเปิดตัวโครงการร่วมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโลกอย่างยั่งยืน “ร่วมมือช่วยกัน ปลูกต้นไม้ เพื่อโลกของเรา” ณ ชุมชนทุ่งตะเซะ จ.ตรัง
ตลอดระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษ ที่มูลนิธิอีฟ โรเช ได้ร่วมปกป้องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างแข็งขัน ตามวัตถุประสงค์ของ มร.โรเช ที่ต้องการสนับสนุนให้มีกิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโลกอย่างจริงจัง โดยมุ่งเน้นชักชวน ตอกย้ำให้ทุกคนหันมาใส่ใจดูแลธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และร่วมกันปลูกต้นไม้ รวมถึงรักษาผืนป่าแห่งความอุดมสมบูรณ์ ให้คงความงดงามตราบนานเท่านาน
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี มูลนิธิแห่งนี้ได้ร่วมปลูกต้นไม้ไปแล้วถึง 17ล้านต้นทั่วโลก ทั้งที่ อินเดีย เม็กซิโก โมนาโก และอีกหลายประเทศทั่วโลก
นอกจากนี้ หลังจากที่ โรเช ได้พบกับ Wangari Maathai หญิงสาวชาวแอฟริกันผู้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสิ่งแวดลัอม และเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง โครงการ “Plant for The Planet” จึงทำให้เขาเกิดความประทับใจ และตั้งปณิธานเอาไว้ว่า จะปลูกต้นไม้คืนความสดใสให้โลกใบนี้เพิ่มขึ้นอีก 50 ล้านต้น ภายในปี พ.ศ.2558 เพื่อสานต่อเจตนารมณ์และฉลองครบรอบ 50 ปีแห่งความสำเร็จของอีฟ โรเช ด้วย
สำหรับการเลือกปลูกป่าในประเทศไทยรอบนี้ เป็นความร่วมมืออันดีระหว่าง มูลนิธิอีฟ โรเช และ บจก.อีฟ โรเช (ประเทศไทย) ที่ได้สนับสนุนโครงการวิจัยการฟื้นฟูป่าชายเลนแบบบูรณาการในบริเวณป่าชายเลน ชุมชนทุ่งตะเซะ จ.ตรัง ด้วยการมอบทุน 7,153,500 บาท ให้กับภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และมหาวิทยาลัยราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง
จาร์ค โรเช ทายาทผู้สืบทอดเจตนารมณ์ต่อจากบิดา ให้เหตุผลที่เลือกปลูกป่าชายเลนที่ประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆ ในภูมิภาคเอเชียว่า ไม่เพียงแต่เป็นการขอบคุณในสายสัมพันธ์อันดีที่คนไทยให้ความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ของ อีฟ โรเช มานานถึง 15 ปีเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยฟื้นฟูสภาพป่าชายเลนอย่างยั่งยืน เพื่อให้สัตว์น้ำมีที่อยู่อาศัยตามระบบนิเวศน์อย่างยั่งยืน เพื่อช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มจากการทำประมงอันเป็นอาชีพหลัก ที่สำคัญยังเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา เพราะได้นำบทเรียนที่ได้จากการดำเนินกิจกรรมไปต่อยอดสู่สาธารณชนได้อย่างกว้างขวาง
เมื่อเห็นถึงความสำคัญของป่าชายเลนขนาดนี้ ณ บริเวณเกาะกลาง ชุมชนทุ่งตะเซะ จึงคราคร่ำไปด้วยจิตอาสาหัวใจสีเขียวทุกคน ตั้งแต่เจ้าของโครงการ รวมไปถึงเจ้าบ้านที่ดีอย่างพ่อเมืองจังหวัดตรัง และชาวบ้านทุกคนในพื้นที่ต่างร่วมแรงร่วมใจช่วยกันปลูกป่าชายเลน ท่ามกลางแสงแดดร้อนระอุยามใกล้เที่ยงอย่างแข็งขัน จนทำให้วันนั้นมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นในป่าชายเลนของประเทศไทย อีกกว่า 111,000 ต้นกล้า
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
