By Lady Manager
Question: อพยพหนีน้ำท่วมอาศัยบ้านญาติ ต้องปรับตัวอย่างไร?
Answer : โดย นพ.โยธิน วิเชษฐวิชัย จิตแพทย์ โรงพยาบาลสมิติเวช
"อันดับแรกต้องคิดก่อนว่า ญาติที่เราไปอยู่ด้วยสนิทระดับไหน ถ้ามีทางเลือกอื่นที่หาที่อยู่เองได้ และต้องเปรียบเทียบว่า ญาติที่เราต้องไปอยู่ด้วยนั้น เราไม่ได้สนิทมาก หมอก็แนะนำว่า หาที่อยู่เองก่อนดีกว่า
แต่หากจำเป็นจริงๆ ไม่มีใครเหลือแล้ว ที่อยู่ก็ไม่มี ต้องมาอยู่บ้านญาติ อย่างนั้นก็ต้องปรับใจ เราต้องเลือกคนที่รู้สึกคุ้นเคยกันมาก่อน จะปรับกันได้ง่ายหน่อย หรือหากไม่ใช่คนที่สนิทกันมาก หรือเป็นแค่ญาติห่างๆ อย่างน้อยต้องดูก่อนว่าเขาเป็นคนสไตล์อย่างไร
เราต้องใช้สุภาษิตโบราณ คือ เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม สังเกตเขาใช้ชีวิตอย่างไร อย่าไปรบกวนชีวิตประจำวันเขามาก
อีกสุภาษิต คือ อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดายปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น ถ้ามีอะไรช่วยเขาได้ เราควรช่วย เช่น ล้างจาน กวาดบ้านถูบ้าน และเราต้องมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เช่น หากเราไปอยู่บ้านคนอื่น อาจจะต้องช่วยแชร์ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายที่แม้ว่าเราไม่ได้ใช้ แต่เป็นส่วนที่เป็นสาธารณูปโภคทั้งหลาย ควรมีน้ำใจช่วยกันบ้าง
รวมทั้งค่าอาหาร ถึงแม้จะไม่ได้ทาน เราก็ควรจะช่วยเหลือตรงนี้บ้าง เราควรจะถือเป็นน้ำใจ ไม่ใช่การแชร์ มิฉะนั้นจะเป็นอเมริกันจนเกินไป ควรคิดว่าเป็นน้ำใจ
และถ้ารู้สึกว่า มีผลกระทบหรือเรื่องขัดแย้งอะไรกัน ไม่ควรรอนาน เช่น การทะเลาะ ต้องรีบเคลียร์ ไม่ควรสะสมปัญหา แต่ถ้าเคลียร์ไม่ได้ ก็ควรจะควบคุมอารมณ์ให้ดี และอาจจะต้องหาที่อยู่ใหม่ แต่ส่วนใหญ่คนที่เราเลือกอยู่ด้วย น่าจะเป็นคนที่เราไว้ใจอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องจิตใจของเราเองก็ควรระวัง เราต้องลดความคาดหวังลง เช่น บางคนไปอยู่บ้านคนอื่น จะนึกว่าเหมือนอยู่บ้านตัวเอง ทำได้ทุกอย่าง นอนตื่นสาย หรือกลับบ้านตีสาม เขาต้องลงมาเปิดประตูให้ ลดความคาดหวังของตัวเอง และเห็นอกเห็นใจเขาด้วย นี่คือปัจจัยในตัวเราเอง ไม่คาดหวังมาก จะได้ไม่ผิดหวังมาก
บางคนคิดว่า เขาเป็นญาติเราต้องดูแลเรา ทว่าคนที่เราไปอยู่เขาอาจจะมีปัญหาส่วนตัว โรงงานอาจจะถูกน้ำท่วม เขาก็มีปัญหาของเขา เราก็ต้องเข้าใจด้วย คิดถึงใจเขาใจเรา
หากมีปัญหา เราควรมีการผ่อนคลายแบบไม่รบกวนใคร เช่น ออกกำลังกาย ถ้าไม่มีเวลาก็ทำสมาธิในห้อง ฟังเพลง แต่ต้องไม่ดังมาก เล่นอินเตอร์เน็ตในมือถือ
หรืออีกปัญหาหนึ่งซึ่งพบเจอได้บ่อย หากเราชอบดูทีวีช่องนี้ติดละครเรื่องนี้ รายการช่องนั้น แต่ทางญาติเราดูอีกช่อง เราควรจะงดดูละครเรื่องนั้นไปก่อน จะช่วยลดความขัดแย้งซึ่งกันและกัน เราควรตามใจเขาไปก่อน เพราะเราไปอยู่บ้านเขา พยายามเลี่ยงความขัดแย้งให้ได้มากที่สุด แต่ถ้าชอบเรื่องเดียวกันก็โชคดีไป
นอกจากการดูหนัง พูดคุยกันแล้ว การแบ่งปันทุกข์สุขกันก็จำเป็น เราควรระบายออกมา และหัดฟังเขาด้วย เป็นแบบ Give and Take ให้เขาพูดด้วย แล้วเราพูดด้วย ผลัดกัน ระบายในส่วนที่ว่าเราเจออะไรมาบ้างในชีวิต แชร์ประสบการณ์ที่เราเจอมา เพื่อจะสร้างความเห็นอกเห็นใจต่อกันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น
ทว่าเราต้องถามเขาด้วยว่า เขาเจออะไรมาบ้าง มีอะไรที่กระทบไหม บางคนไปอยู่บ้านเขาอย่างเดียว แต่ไม่เคยถามสารทุกข์สุขดิบ ธุรกิจอะไรเขาเลย"
# ท่านผู้อ่านสามารถฝากคำถามสารพันปัญหาคาใจหญิงเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ ความงาม และแน่นอน เรื่องเซ็กซ์กับความสัมพันธ์ มาได้ที่ lady@astvmanager.com เราจะเชิญผู้เชี่ยวชาญมาเคลียร์ให้หายคลางแคลงใจเลยค่ะ *_*
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
Question: อพยพหนีน้ำท่วมอาศัยบ้านญาติ ต้องปรับตัวอย่างไร?
Answer : โดย นพ.โยธิน วิเชษฐวิชัย จิตแพทย์ โรงพยาบาลสมิติเวช
"อันดับแรกต้องคิดก่อนว่า ญาติที่เราไปอยู่ด้วยสนิทระดับไหน ถ้ามีทางเลือกอื่นที่หาที่อยู่เองได้ และต้องเปรียบเทียบว่า ญาติที่เราต้องไปอยู่ด้วยนั้น เราไม่ได้สนิทมาก หมอก็แนะนำว่า หาที่อยู่เองก่อนดีกว่า
แต่หากจำเป็นจริงๆ ไม่มีใครเหลือแล้ว ที่อยู่ก็ไม่มี ต้องมาอยู่บ้านญาติ อย่างนั้นก็ต้องปรับใจ เราต้องเลือกคนที่รู้สึกคุ้นเคยกันมาก่อน จะปรับกันได้ง่ายหน่อย หรือหากไม่ใช่คนที่สนิทกันมาก หรือเป็นแค่ญาติห่างๆ อย่างน้อยต้องดูก่อนว่าเขาเป็นคนสไตล์อย่างไร
เราต้องใช้สุภาษิตโบราณ คือ เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม สังเกตเขาใช้ชีวิตอย่างไร อย่าไปรบกวนชีวิตประจำวันเขามาก
อีกสุภาษิต คือ อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดายปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น ถ้ามีอะไรช่วยเขาได้ เราควรช่วย เช่น ล้างจาน กวาดบ้านถูบ้าน และเราต้องมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เช่น หากเราไปอยู่บ้านคนอื่น อาจจะต้องช่วยแชร์ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายที่แม้ว่าเราไม่ได้ใช้ แต่เป็นส่วนที่เป็นสาธารณูปโภคทั้งหลาย ควรมีน้ำใจช่วยกันบ้าง
รวมทั้งค่าอาหาร ถึงแม้จะไม่ได้ทาน เราก็ควรจะช่วยเหลือตรงนี้บ้าง เราควรจะถือเป็นน้ำใจ ไม่ใช่การแชร์ มิฉะนั้นจะเป็นอเมริกันจนเกินไป ควรคิดว่าเป็นน้ำใจ
และถ้ารู้สึกว่า มีผลกระทบหรือเรื่องขัดแย้งอะไรกัน ไม่ควรรอนาน เช่น การทะเลาะ ต้องรีบเคลียร์ ไม่ควรสะสมปัญหา แต่ถ้าเคลียร์ไม่ได้ ก็ควรจะควบคุมอารมณ์ให้ดี และอาจจะต้องหาที่อยู่ใหม่ แต่ส่วนใหญ่คนที่เราเลือกอยู่ด้วย น่าจะเป็นคนที่เราไว้ใจอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องจิตใจของเราเองก็ควรระวัง เราต้องลดความคาดหวังลง เช่น บางคนไปอยู่บ้านคนอื่น จะนึกว่าเหมือนอยู่บ้านตัวเอง ทำได้ทุกอย่าง นอนตื่นสาย หรือกลับบ้านตีสาม เขาต้องลงมาเปิดประตูให้ ลดความคาดหวังของตัวเอง และเห็นอกเห็นใจเขาด้วย นี่คือปัจจัยในตัวเราเอง ไม่คาดหวังมาก จะได้ไม่ผิดหวังมาก
บางคนคิดว่า เขาเป็นญาติเราต้องดูแลเรา ทว่าคนที่เราไปอยู่เขาอาจจะมีปัญหาส่วนตัว โรงงานอาจจะถูกน้ำท่วม เขาก็มีปัญหาของเขา เราก็ต้องเข้าใจด้วย คิดถึงใจเขาใจเรา
หากมีปัญหา เราควรมีการผ่อนคลายแบบไม่รบกวนใคร เช่น ออกกำลังกาย ถ้าไม่มีเวลาก็ทำสมาธิในห้อง ฟังเพลง แต่ต้องไม่ดังมาก เล่นอินเตอร์เน็ตในมือถือ
หรืออีกปัญหาหนึ่งซึ่งพบเจอได้บ่อย หากเราชอบดูทีวีช่องนี้ติดละครเรื่องนี้ รายการช่องนั้น แต่ทางญาติเราดูอีกช่อง เราควรจะงดดูละครเรื่องนั้นไปก่อน จะช่วยลดความขัดแย้งซึ่งกันและกัน เราควรตามใจเขาไปก่อน เพราะเราไปอยู่บ้านเขา พยายามเลี่ยงความขัดแย้งให้ได้มากที่สุด แต่ถ้าชอบเรื่องเดียวกันก็โชคดีไป
นอกจากการดูหนัง พูดคุยกันแล้ว การแบ่งปันทุกข์สุขกันก็จำเป็น เราควรระบายออกมา และหัดฟังเขาด้วย เป็นแบบ Give and Take ให้เขาพูดด้วย แล้วเราพูดด้วย ผลัดกัน ระบายในส่วนที่ว่าเราเจออะไรมาบ้างในชีวิต แชร์ประสบการณ์ที่เราเจอมา เพื่อจะสร้างความเห็นอกเห็นใจต่อกันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น
ทว่าเราต้องถามเขาด้วยว่า เขาเจออะไรมาบ้าง มีอะไรที่กระทบไหม บางคนไปอยู่บ้านเขาอย่างเดียว แต่ไม่เคยถามสารทุกข์สุขดิบ ธุรกิจอะไรเขาเลย"
# ท่านผู้อ่านสามารถฝากคำถามสารพันปัญหาคาใจหญิงเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ ความงาม และแน่นอน เรื่องเซ็กซ์กับความสัมพันธ์ มาได้ที่ lady@astvmanager.com เราจะเชิญผู้เชี่ยวชาญมาเคลียร์ให้หายคลางแคลงใจเลยค่ะ *_*
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net