xs
xsm
sm
md
lg

ลำแต้ๆ ณ “เอื้องดอย” อาหารเหนือบรรยากาศรีสอร์ตล้านนา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลายคนคงเคยคิดอยากเดินทางไปแอ่วเมืองเหนือ สัมผัสอากาศเย็นยะเยือก ทิวทัศน์สวยสด รวมไปถึงลิ้มรสอาหารเด็ดแห่งเมืองล้านนากันบ้าง ..เพื่อเอาอกเอาใจหลายท่านที่ ณ วันนี้ยังง่วนทำงานอยู่ในเมืองใหญ่ แต่ใจอยากไปลิ้มชิมรสอาหารพื้นถิ่นเมืองเหนือ ขอบอกว่าไม่ต้องเหนื่อยขับรถไปไกลแล้วหล่ะ

เพราะ “เอื้องดอย” ร้านอาหารบรรยากาศดีริมถนนราชพฤกษ์ เขายกครัวขนวัตถุดิบสารพัดมาจากเมืองเหนือ ให้คุณได้ลิ้มลอง พร้อมซึมซับวัฒนธรรมการกินในแบบล้านนาแท้ๆ ท่ามกลางบรรยากาศ สไตล์รีสอร์ต (resort) แสนร่มรื่น น่านั่งพักผ่อนหย่อนใจ ทานอาหารอร่อยให้พุงกาง!

อาหารเหนือต้นตำรับแห่งเมือง “ลำพูน”

ร้านเอื้องดอยแห่งนี้เป็นสาขา2 ของร้านเฮือนลำพูนที่โด่งดัง ด้วยรสชาติที่อร่อยล้ำ ผู้คนจึงไปใช้บริการแน่นขนัด จนพื้นที่รองรับไม่ไหว เจ้าของร้านจึงต้องเปิดร้านเอื้องดอย มารองรับลูกค้ามิให้ต้องรอคิวกันนาน

“ร้านนี้เกิดมาจากการที่หลังเปิดร้านเฮือนลำพูนได้ 5-6 ปี ก็อยากมาเปิดอีกร้าน เพื่อให้ลูกค้าเดินทางสะดวก เพราะร้านเฮือนลำพูนอยู่ในซอยสวนผัก ไม่สะดวกเรื่องการเดินทาง รวมถึงพื้นที่ร้านเฮือนลำพูนก็ไม่กว้างขวางนัก พอถึงช่วงที่ลูกค้าแน่น ก็จะแทบไม่พอรองรับลูกค้า รวมทั้งพื้นที่ครัวก็ไม่มาก จึงตัดสินใจมาเปิดร้านเอื้องดอยนี้ขึ้น โดยยังคงเป็นร้านที่เน้นอาหารเหนือที่มีรสชาติดั้งเดิม เหมือนกับที่เฮือนลำพูน แล้วยังเพิ่มอาหารจีน, ไทย, ใต้ เข้ามา เพื่อให้มีความหลากหลายมากขึ้น” จันทร์หอม ศรีตะเขตต์ เจ้าของร้านเอื้องดอย ให้ข้อมูลที่มาของร้าน
บรรยากาศร่มรื่น สไตล์รีสอร์ตล้านนา

บรรยากาศภายในร้าน ตกแต่งในสไตล์รีสอร์ตล้านนา พื้นที่กว้างขวาง แบ่งเป็นหลายโซนให้เลือกนั่งทานตามชอบ ทั้งโซนเก้าอี้ใต้ร่มไม้ใหญ่ซึ่งปลูกไว้แน่นขนัด โซนขันโตกที่จัดไว้ให้นั่งลิ้มรสอาหารเหนือริมน้ำ มีน้ำลำธารเล็กๆ ไหลเอื่อยให้มองเล่นสบายตา หรือจะให้อาหารปลาที่แหวกว่ายอยู่ในลำคลอง ทางร้านก็มีบริการค่ะ ส่วนโซนห้องปรับอากาศ มีให้บริการแบบจัดเต็มอีกเช่นกัน ทั้งห้องใหญ่ที่จุได้กว่า 100 คน รองรับงานเลี้ยงสังสรรค์ได้แบบสบายๆ ส่วนห้องปรับอากาศขนาดเล็กรองรับกลุ่มสังสรรค์เล็กอีกนิด จุได้ราว 30-40 คน

ด้วยความที่มีทั้งต้นไม้ และสายน้ำ บรรยากาศภายในร้านจึงดูร่มรื่น สบายตา แถมเอาใจคออาหารเหนือด้วยการประดับประดา ด้วยโคมไฟ และภาพวาดสไตล์ล้านนา เปิดเพลงพื้นเมืองภาคเหนือ ให้คุณได้นั่งฟังสะล้อซอซึง คลอไปเบาๆ กับอาหารมื้ออร่อย เรียกได้ว่าไม่ต้องไปไกลถึงเมืองเหนือ คุณก็ได้สัมผัสมนต์เสน่ห์ล้านนาได้ง่ายๆ
รสชาติต้นตำรับ ลำแต้ๆ

รสชาติอาหารเหนือในแบบเอื้องดอย มาจากต้นตำรับของคุณแม่เจ้าของร้านค่ะ เป็นรสชาติตำรับชาวลำพูน ซึ่งคุณจันทร์หอมให้ข้อมูลว่า รสชาติอาหารแบบลำพูนนี้เป็นรสอาหารที่ไม่จำเป็นต้องปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงให้ถูกปากกับชาวภาคกลาง เพราะอาหารเหนือมีรสชาติกลางๆ ไม่เผ็ด หรือจืดเกินไปอยู่แล้ว

“อาหารเหนือแต่ละจังหวัด แต่ละเมนู อาจจะมีผิดเพี้ยนบ้างนิดหน่อย แต่ไม่ต่างกันมาก แต่ละครอบครัวก็มีเมนู มีรสชาติไม่เหมือนกัน เช่น น้ำเงี้ยว ของเชียงราย จะใส่ถั่วเน่าเยอะเลย น้ำจะเป็นสีออกดำ แต่ของลำพูน สูตรที่บ้านพี่ก็ใส่ถั่วเน่าเหมือนกัน แต่อาจไม่ได้ใส่เท่ากับของเชียงราย

ส่วนเรื่องรสชาติอาหาร เราคงรสชาติเหนือดั้งเดิมที่เป็นสูตรของคุณแม่พี่เองค่ะ ไม่มีการปรับเลย ซึ่งการที่เราคิดว่าไม่ต้องมีการปรับรสชาติอาหาร ก็เพราะเรามองว่าอาหารเหนือไม่ได้รสจัดเหมือนอย่างอีสาน หรือใต้ แต่จะเป็นรสชาติจะกลางๆ ไม่เผ็ดมาก และไม่จืดเกินไป จึงไม่ต้องปรับให้เข้ากับคนภาคกลาง” คุณพี่เจ้าของร้าน อธิบายถึงคอนเซ็ปต์รสชาติอาหารของร้านเอื้องดอย

เปิดเมนูเด็ด

เมนูเด็ดที่ร้านเอื้องดอยภูมิใจนำเสนอเราในโอกาสนี้มีทั้งสิ้น 4 รายการ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเมนูเด็ดอาหารเหนือที่หน้าตาน่าทาน แถมเปี่ยมคุณประโยชน์ด้วยสารพัดผัก และเครื่องเทศ
 

ออเดิร์ฟเหนือ (120 บาท)

ภายในออเดิร์ฟเหนือชุดนี้ หลากหลายไปด้วย เมนูที่เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของอาหารเหนือ ทั้งน้ำพริกหนุ่ม และแคบหมูติดมัน ที่ทานแล้วเข้ากั๊นเข้ากัน ตามติดมาด้วยไส้อั่ว สูตรเฉพาะของทางร้าน ที่แค่มองแว้บเดียวก็เห็นชัด ว่าอุดมไปด้วยสมุนไพร และเครื่องเทศหลากหลาย ทานแล้วหอมฉุยขึ้นจมูกเชียวค่ะ เรียกน้ำย่อยให้เต็มสูตรอีกนิดด้วยแหนมหนังหมู ทานกรุบกรับ หมูยอทอด กรอบนอกนุ่มใน และเครื่องเคียงอย่าง ถั่ว, หอมแดง, พริกขี้หนู, และขิง ชุดนี้แค่เห็นก็น้ำลายสอ ได้ทานยิ่งอร่อย เป็นเมนูทานออเดิร์ฟที่ห้ามพลาดเชียว

ไก่ย่างเอื้องดอย (ตัวละ 260 บาท)

เมื่อเริ่มจากหลัก ขอจัดหนักกันด้วยไก่ย่างเอื้องดอย ซึ่งพิเศษสุดๆ ตรงที่ทางร้านเลือกใช้ “ไก่ตะนาวศรี” ที่มีชื่อเสียง และคุณภาพระดับส่งออกจำหน่ายต่างประเทศ ด้วยเพราะเลี้ยงแบบฟาร์มพื้นบ้าน หากไก่ป่วยจะให้ทานพืชสมุนไพร มิได้ใช้ยาหรือสารเคมีใดๆ ทำให้ได้ไก่พันธุ์พื้นบ้านที่ทานแล้วชัวร์ว่าปลอดภัย ส่วนลักษณะเนื้อไก่ เรียกว่าเป็น “ไก่ชานเมือง” คงไม่ผิดนัก เพราะรสสัมผัสก้ำกึ่ง ผสานกันระหว่าง ไก่เลี้ยง (ตามฟาร์มขนาดใหญ่) เนื้อนุ่ม และไก่บ้านเนื้อแน่น กลายเป็นไก่เนื้อละมุนกำลังดี ไม่เหนียวเกิน ไม่นุ่มไป ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของไก่พันธุ์นี้เท่านั้น

ได้ไก่ดี นำมาคลุกเคล้ากับเครื่องเทศ ที่ส่งตรงมาจากเมืองเหนือ ผสมขมิ้น ตะไคร้ กระเทียม เหล้าจีนอีกนิดหน่อย นำมาย่างจนหนังกรอบนิดๆ แหวกเนื้อดูควันฉุย กลิ่นหอม เห็นเนื้อขาวแน่น ทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วสูตรพิเศษของทางร้าน ที่นอกจากจะมีพริก มะนาว ข้าวคั่ว แล้ว ยังเพิ่มความหอม ด้วยข่า และงาขาว จนได้รสชาติและความหอมที่ไม่เหมือนใคร ...สำหรับเมนูนี้ แม้จะเป็นไก่ตัวเขื่อง แต่ไม่ว่าโต๊ะไหนสั่ง เผลอแป๊บก็เกลี้ยงทั้งจาน!

ลาบคั่วปลาดุก (60 บาท)

เป็นเมนูดีต่อสุขภาพสุดๆ ไปเลยสำหรับจานนี้ ที่ปกติเรามักคุ้นเคยกับลาบคั่วหมู ที่เป็นอีกเมนูเลื่องชื่อของเมืองเหนือ แต่ครอบครัวเจ้าของร้านได้พลิกแพลงลองนำ ‘ปลาดุก’ มาใช้แทนเนื้อหมู ปรากฏว่านอกจากได้รสอร่อยเลิศแล้ว ยังดีต่อสุขภาพอีกแน่ะ เมนูนี้เลยถือกำเนิดขึ้น และขายดิบขายดีมาตลอด

รสชาติลาบเหนือ กลมกล่อมพอเหมาะ ไม่มีรสเปรี้ยว เพราะไม่ใส่มะนาวเฉกเช่น ลาบอีสาน จานนี้จึงหอมเครื่องเทศ เปี่ยมไปด้วยสมุนไพรที่คลุกเคล้ามาในจาน เสิร์ฟพร้อมสารพัดผักพื้นบ้านทางเหนือที่หาทานได้ไม่บ่อย ทั้งยอดมะกอก, ลิ้นฟ้า, ผักชีลาว, ผักแพรว, กวางตุ้งขม ฯลฯ พร้อมโรยหน้าเพิ่มความหอมให้เต็มสูตรด้วยใบมะกรูดทอดกรอบ และหอมเจียว

น้ำพริกเห็ดหล่ม (120 บาท)

จานนี้ถือเป็นเมนูแนะนำสำหรับหน้าฝนเลยค่ะ เพราะน้ำพริกถ้วยนี้นอกจากจะใช้พริก หอม กระเทียม นำมาโขลกด้วยมือพร้อมปรุงตามสูตรของทางร้าน จนได้รสชาติคล้ายน้ำพริกหนุ่มแล้ว ยังเพิ่มความพิเศษด้วย “เห็ดหล่ม” เห็ดพื้นเมืองที่มีกลิ่นหอม แถมราคาแพง (เห็ดชนิดนี้จะขึ้นเฉพาะในภาคเหนือ และขึ้นในหน้าฝนเท่านั้น) มาโขลกผสมรวมเข้าไป จึงกลายเป็นอีกเมนูน้ำพริกภาคเหนือที่หอมอร่อยแบบไม่เหมือนใคร และหาทานได้ยากจริงๆ

กรณีมือใหม่หัดทานเผ็ด เราแนะนำเป็นน้ำพริกถ้วยนี้เลยจ้า เพราะรสชาติไม่เผ็ดเกินไป (รสอ่อนกว่าน้ำพริกหนุ่ม) แถมมีผักเครื่องเคียงให้ทานคู่กันอีกเพียบ ทานแล้วไม่ต้องกลัวอ้วน มีแต่ไฟเบอร์สูง เป็นมิตรต่อสุขภาพจริงเชียว
เปิดให้ลิ้มลองความอร่อย ทุกวันอังคาร-อาทิตย์ ตั้งแต่ 10.30-22.30 น. (และเปิดบริการในวันจันทร์ที่ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์)

ที่ตั้ง 45/2 ม.13 ถ.ราชพฤกษ์ แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กทม.

โทร. 02-884-4213, 084-529-3113

เรื่องโดย Lady Manager
ภาพโดย ณัฐพันธ์ ครุธทิน



>>
อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ 
 http://www.celeb-online.net
กำลังโหลดความคิดเห็น