>> สาวๆ ที่รักสุขภาพ มักจะเลือกทาน "ผัก-ผลไม้" เป็นพิเศษ เพราะทำให้ไม่อ้วนและสามารถช่วยระบบขับถ่ายได้ดี แต่ก็ยังมีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับผัก-ผลไม้อยู่อีกเยอะ ถ้าอยากเป็นสาวที่ดูแลตัวเอง รักษาสุขภาพอย่างถูกวิธีแล้วละก็ ควรที่จะทำความเข้าใจเรื่องการรับประทานอาหารให้ถูกต้องด้วยเช่นกัน
หลายๆ คนมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของผลไม้ โดยคิดว่าผลไม้มีปริมาณน้ำตาลสูงมาก ซึ่งไม่เกิดผลดีต่อร่างกาย ทำให้เกิดแนวคิดและมีความเชื่ออย่างแพร่หลายเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาว่า “การบริโภคผลไม้เป็นเรื่องไม่ดี และควรหันมามุ่งเน้นบริโภคเฉพาะอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำดีกว่า” ซึ่งการหลีกเลี่ยงบริโภคผลไม้ด้วยเหตุผลที่ว่า ผลไม้อุดมด้วยน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตนั้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะจริงๆ แล้ว “ผลไม้สด” นั้นจัดเป็นหนึ่งในอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายมากที่สุดในโลกเลยทีเดียว
ผลไม้ - สุดยอดอาหารที่มากคุณประโยชน์
สำหรับความคิดว่า ผลไม้มีแต่น้ำตาล นับเป็นความคิดที่ผิดมาก เพราะผลไม้สดให้คุณค่าทางอาหารหลากหลายประเภทมากกว่าแค่มีน้ำตาลธรรมชาติ แต่อุดมไปด้วยน้ำ วิตามิน เกลือแร่ ไฟเบอร์ และไฟโต
นิวเทรียนท์ หรือ สารธรรมชาติจากผักผลไม้ที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย เช่นนี้แล้ว ลองคิดดูสิว่า จะมีอาหารชนิดไหนที่ให้สารอาหาร หลากหลายประเภทพร้อมๆ กัน โดยมีแคลอรี่เพียง 75 แคลอรี่ต่อการบริโภค 1 ครั้ง
และคุณรู้หรือไม่ว่า เมื่อเราบริโภคผลไม้ เราจะได้รับแคลอรี่จาก “คาร์โบไฮเดรต” โดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปของ “ฟรุคโตส” ซึ่งเป็นน้ำตาลธรรมชาติในผลไม้ แต่ คาร์โบไฮเดรตไม่ได้มีเฉพาะในผลไม้เท่านั้น แต่พบในอาหารจำพวกพืช (plant foods) ทุกชนิด ดังนั้น เมื่อเราพูดถึงคาร์โบไฮเดรตดจึงไม่ได้หมายถึงเฉพาะน้ำตาลธรรมชาติ แต่ยังครอบคลุมถึงแป้งสตาร์ช(starch) ซึ่งเป็นส่วนผสมเพื่อเพิ่มความหนืดในพุดดิ้ง เค้ก หรือขนมปัง
ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งเกิดจากการคัดแยกเอาเฉพาะสารอาหารคาร์โบไฮเดรตออกมาเพื่อให้
มีองค์ประกอบอื่นๆ น้อยที่สุด และเซลลูโลสที่เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างเซลล์เพื่อสร้างไฟเบอร์อีกด้วย
ดังนั้น เมื่อเรารับประทานผัก แคลอรี่ที่เราได้รับโดยส่วนใหญ่จึงมาจากคาร์โบไฮเดรต แต่คนส่วนใหญ่มักจะไม่คิดว่า ผักอุดมด้วย “คาร์โบไฮเดรต”
ก่อนที่คุณจะเลิกบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลหรือมีคาร์โบไฮเดรตสูง ขอให้คิดทบทวนถึงรูปแบบและประเภทของคาร์โบไฮเดรตที่คุณบริโภคด้วย เพราะ “คาร์โบไฮเดรต” จากธรรมชาติ ซึ่งพบมากในผลไม้ และอาหารจำพวกพืชชนิดต่างๆ เช่น น้ำตาล ไฟเบอร์ และแป้งสตาร์ช ล้วนแต่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีเยี่ยม แตกต่างอย่างเด่นชัดจากแคลอรี่ที่ได้รับจากการบริโภคน้ำตาลเพิ่มขึ้นในอาหารประเภทอื่นๆ ตั้งแต่ขนมหวานอย่างบราวนี่จนไปถึงบาร์บิคิวซอส
ถ้าเช่นนั้น...การบริโภคผลไม้ทำให้เราได้รับน้ำตาลเท่าไรแน่?
ลองมองผลไม้ใกล้ตัวอย่างส้ม คุณทราบหรือไม่ว่าส้มเพียง 1 ผลจะให้น้ำตาลธรรมชาติประมาณ 12 กรัม หรือราวๆ 3 ช้อนชา ขณะที่สตรอเบอร์รี่ 1 ถ้วย มีน้ำตาลเพียง 7 กรัม หรือน้อยกว่า 2 ช้อนชาเสียอีก นอกจากนี้ การรับประทานส้มหรือสตรอเบอร์รี่อย่างใดอย่างหนึ่งยังทำให้เราได้รับ “ไฟเบอร์”ประมาณ 3 กรัม และวิตามินซีในปริมาณพอเหมาะกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน ร่วมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
ที่ดีต่อสุขภาพอย่างกรดโฟลิคซึ่งมีมากในผักโขม บร็อคโคลี่ กะหล่ำดาว และโปแตสเซียมที่พบได้โดยทั่วไป
ในแคนตาลูปและกล้วย ซึ่งมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย โดยให้แคลอรี่เพียง 50 - 60 แคลอรี่เท่านั้น ดังนั้น ผลไม้จึงไม่ได้มีแต่ “น้ำตาล” อย่างเดียวอย่างที่หลายคนเข้าใจ
ขณะที่ ถ้าหากเราดื่มน้ำอัดลมขนาด 20 ออนซ์ จะมีแคลอรี่สูงถึง 225 แคลอรี่ โดยเราจะไม่ได้รับสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน เกลือแร่ หรือไฟเบอร์ เหมือนที่ได้จากการบริโภคผลไม้ ซึ่งเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่ปรุงแต่งด้วยสีและรสนั้น
มีส่วนผสมของน้ำตาลเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 60 กรัม หรือประมาณ 1/3
ถ้วยตวง นับเป็นการบริโภคที่มี ”น้ำตาลสูง” อย่างแน่นอน
ข้อมูลโดยโภชนากรซูซาน โบเวอร์แมน
ที่ปรึกษาของเฮอร์บาไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net