By Lady Manager
เมื่อยามสาวสะพรั่ง ร่างกายก็เต่งตึงสดใส แต่เมื่อเข้าสู่วัยสาวใหญ่ เหล่ากระดังงาลนไฟ หลายคนต้องประสบปัญหาผิวพรรณ ขรุขระดั่งเปลือกส้ม เจอไขมันเซลลูไลท์เป็นลูกคลื่น มองเห็นชัดแจ๋วตามต้นแขน ต้นขา.. เยี่ยงนี้ยอมไม่ได้แน่ จะมาหมดสวย อดโชว์ขาเนียน แขนเรียวง่ายๆ ได้อย่างไร
ในงานเสวนาหัวข้อ “คลินิกความงามคือคำตอบสุดท้ายจริงหรือไม่” ที่จัดโดยไลฟ์เซ็นเตอร์ เราได้พบกับ ลายลักษณ์ ฮาเท็ม ผู้บริหารสาวแห่ง PLEROMA CLINIC เธอมาร่วมอัพเดทข้อมูลความงาม เกี่ยวกับปัญหาที่สาวแทบทุกคนต้องพบเจออย่าง “เซลลูไลท์” (Cellulite) หรือปรากฏการณ์ที่ผิวหนังมีลักษณะขรุขระ คล้ายผิวของเปลือกส้ม ซึ่งพบได้บ่อยตามต้นแขนต้นขา
ปัญหาชวนหนักใจนี้ แก้ไขได้อย่างไร คลินิกเสริมความงามสมัยนี้ เค้ามีวิธีจัดการกับเจ้าผิวเปลือกส้มนี้อย่างไร ที่สำคัญถ้าไม่อยากเสียเงินเข้าคลินิกเสริมความงามล่ะ มีวิธีใดบ้างหนอที่สาวเราจะกำจัดเจ้าเซลล์ไขมันนี้ได้เองแบบไม่ต้องสิ้นเปลือง
“เซลลูไลท์เกิดขึ้นจากอะไร ทำไมตอนเด็กๆ ไม่ค่อยมี แต่พอโตขึ้นทำไมถึงมี คำตอบคือ เวลาเราทานอาหาร ทุกอย่างที่เหลือจากที่ร่างกายต้องใช้ จะถูกเก็บเป็นไขมัน ซึ่งไขมันที่เราทานเข้าไปใหม่ จะถูกเก็บติดกับชั้นกล้ามเนื้อ เมื่อทานไขมันเข้าไปในวันถัดมา ไขมันเก่าของเมื่อวานก็จะเขยิบขึ้นไป อยู่เหนือไขมันที่เพิ่งทานเข้าไปใหม่ในวันนี้ เป็นการเขยิบขึ้นไปเรื่อยๆ และเจ้าตัวไขมันชั้นบนสุดนั่นแหละ เรียกว่า เซลลูไลท์”
ส่วนสาเหตุที่เซลลูไลท์ไม่สามารถกำจัดออกไปจากต้นแขนต้นขาคุณสาวๆ ได้ง่าย ก็เพราะร่างกายของเราจะเผาผลาญไขมันที่ได้รับเข้าไปใหม่ก่อนเสมอ ทำให้ไขมันชั้นบนอย่างเจ้าเซลลูไลท์ ถูกอัดแน่น และเก็บไว้นานปี จนยากแก่การสลายไป
“เซลลูไลท์เป็นเซลล์ไขมันที่อัดแน่นมาก เพราะเมื่อเราทานอาหารเข้าไป ไขมันที่เข้าไปใหม่จะถูกร่างกายใช้ก่อนเสมอ ที่เหลือก็จะถูกสะสมอัดเข้าไปเรื่อยๆ ทำให้เซลลูไลท์ หรือไขมันชั้นบนสุด เป็นไขมันที่เกาะตัวกันเหนียวแน่น เพราะร่างกายเก็บสะสมมานานหลายปี เซลลูไลท์นี้จะเป็นเซลล์ไขมันที่หากผ่าออกมาจะเห็นเป็น สีเหลืองเข้มถึงสีน้ำตาล มีกลิ่น เป็นเซลล์ไขมันที่ตาย ร่างกายเอาไปใช้ไม่ได้”
1) “เมโสเธอราปี” เห็นผลเร็ว แต่ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ
ผู้เชี่ยวชาญของเราเล่าว่าแท้จริงแล้ว เมโสเธอราปี (Mesotherapy) แปลว่าการ ใช้เข็มเล็กๆ ฉีดตัวยาเข้าไปในชั้นผิว ซึ่งใช้กับเรื่องความงามได้หลากหลาย ทั้งลดรอยด่างดำ เพิ่มความขาวใส (ขึ้นอยู่กับตัวยาที่ใช้) แต่ในบ้านเรามักเคยชินกับการฉีดเมโสเธอราปี เพื่อลดไขมัน จนกลายเป็นที่คำฮิต (ปนเข้าใจผิด) ว่าการฉีดเมโสเธอราปีคือ การฉีดลดไขมัน
“จริงๆ เมโสฯ แปลว่าเข็ม แต่พอมีการนำมาใช้ฉีดเข้าไปในชั้นเซลลูไลท์ ก็เลยเรียกการฉีดแบบนั้นว่า เมโสฯ ทุกคนรู้กันว่าเมโสฯ คือการฉีดไขมัน แต่จริงๆ ไม่ใช่ การแทงเข็มลงไป ก็เรียกเมโสฯ แล้ว ส่วนการฉีดเมโส สำหรับการลดไขมันก็คือ การฉีดสารสกัดจากถั่วเหลือ และวิตามินต่างๆ ลงไปในชั้นไขมัน เมื่อฉีดลงไปมันจะทำให้เซลล์ไขมันบีบตัว ร่ายกายจึงเผาผลาญและ ขับไขมันออกมาได้โดยง่าย”
จุดเด่นของการฉีดเมโสเธอราปีลดไขมันก็คือ เห็นผลได้ค่อนข้างเร็ว และมีผลข้างเคียงน้อย ส่วนเรื่องที่ว่า ไขมันเปลือกส้มจะกลับมาปรากฏอีกเมื่อไหร่ ผู้เชี่ยวชาญของเราว่า แล้วแต่ไลฟ์สไตล์การกินของแต่ละคนแล้วหล่ะ
“การทำฉีดเมโสฯ เห็นผลค่อนข้างรวดเร็ว ประมาณ 2 สัปดาห์ เซลลูไลท์ก็หายไปเยอะเลย ช่วงที่ฉีดแรกๆ อาจจะบวมนิดหน่อย ระหว่างนั้นก็ควรทานน้ำมากๆ และออกกำลังกายอย่างพอเหมาะเพื่อช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดียิ่งขึ้น ถามว่าฉีดแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน ต้องบอกว่า เมโสฯ จะไปดึงเอาไขมันเก่าๆ ออกจากร่างกาย ดังนั้นของใหม่ จึงแล้วแต่การกินใหม่ของแต่ละคน ว่าเราจะควบคุมอาหารการกินได้ดีแค่ไหน”
ผู้บริหารสาวแห่ง PLEROMA CLINIC เตือนว่า หากคิดจะฉีดเมโสเธอราปี ต้องเลือกคลินิกที่ไว้ใจได้ แพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญ มิฉะนั้นจะเกิดอันตรายได้
“ข้อสำคัญคือ แพทย์ที่รักษาต้องมีความเชี่ยวชาญ เพราะการฉีดเมโสฯ เพื่อสลายไขมันนั้น หากไม่ได้ปักเข็มลงไปในชั้นผิวที่ถูกต้อง อาจจะส่งผลให้ผิวเกิดอาการไหม้ได้ ฉะนั้นการฉีดต้องฉีดลงไปในชั้นที่ถูกต้อง สารเหล่านั้นจึงจะไปทำปฏิกิริยา ช่วยเรื่องการเผาผลาญไขมัน ชั้นเซลลูไลท์ได้”
2) “คาร์บอกซี่” เห็นผลช้า อาจเกิดผลข้างเคียงชวนผวา !
อีกวิธีที่หลายท่านคุ้น นั่นคือการทำ “คาร์บอกซี่” (Carboxy ) วิธีการนี้ เชี่ยวชาญคนสวยอธิบายว่า แท้จริงแล้วคือการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon dioxide) เข้าไปในร่างกาย
“การฉีดคาร์บอกซี่คือ การฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เข้าไปในร่างกาย วิธีการคือ จะให้คนไข้นอนลง พยาบาลจะเข็นถังสักอย่างมาที่เตียง คลินิกบางที่อาจจะปิดมามิดชิด แต่ข้างในก็คือถังคาร์บอนไดออกไซด์นั่นเอง
วิธีการก็คือ แพทย์จะเอาเข็มเกี่ยวที่ชั้นไขมัน ซึ่งการเกี่ยวเข็มจะไม่ได้รู้สึกเจ็บมาก จากนั้นจะกดบริเวณข้างเคียงไว้ สมมุติต้องการทำที่แขน ก็จะบีบที่รักแร้เอาไว้ ไม่ให้ก๊าซวิ่งไปถึงบริเวณอื่น เมื่อปล่อยก๊าซแล้ว บริเวณนั้นๆ จะพองขึ้นเรื่อยๆ เพราะคาร์บอนไดออกไซด์จะวิ่งสอดแทรกเข้าไปในร่างกาย ทำให้เส้นเลือดขยายตัว ไขมันแตกตัว เมื่อไขมันแตกตัวก็จะมีไขมันบางส่วนทำปฏิกิริยากับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แล้วสลายตัวไป แต่การสลายตัวก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ ต้องทำประมาณ 10 ครั้งขึ้นไป อย่าง สม่ำเสมอถึงจะเห็นผลชัดเจน”
ทว่าในปัจจุบัน การทำคาร์บอกซี่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก เนื่องจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ช่างร้ายแรงชวนขนหัวลุก!
“ปัจจุบันไม่ค่อยนิยมทำคาร์บอกซี่นัก เพราะผลข้างเคียงของมันค่อนข้างอันตราย ถ้าคนไข้ทำคาร์บอกซี่ แล้วไปบีบนวด สมมุติ ทำคาร์บอกซี่ได้เพียง 1-2 วัน ก๊าซยังออกจากขาไม่หมด แล้วไปนวด การบีบกดแรงมากๆ อาจทำให้เส้นเลือดแตกได้ เมื่อเส้นเลือดแตก ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเส้นเลือด ก็จะวิ่งเข้าสมอง แบบนั้นก็อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
ฉะนั้นหากทำคาร์บอกซี่แล้ว จะต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะทำให้เส้นเลือดแตก จากการบีบกด หรือนวดด้วย ที่สำคัญอีกอย่างคือ การเห็นผลของมันค่อนข้างนาน ทำครั้งแรกไม่เห็นผล แต่บริเวณที่ทำจะใหญ่ขึ้น เพราะมีแก๊สอยู่ในส่วนนั้น รวมถึงยังทำให้ผิวหนังยืดออกด้วย นี่เป็นอีกเหตุผลที่ปัจจุบันวิธีการนี้ไม่เป็นที่นิยมนัก”
3) บีบนวดขัดถูแบบหมุนวน อีกวิธีง่ายๆ ที่ช่วยขจัดเซลลูไลท์
บอกวิธีกำจัดเซลลูไลท์ตามแบบฉบับคลินิกเสริมความงามไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญของเราขอแถมท้ายด้วย วิธีกำจัดเซลลูไลท์ที่ทำได้เองง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งพาเหล่าคลินิกมาว่า
“อีกวิธีที่รักษาเซลลูไลท์ได้และทำง่ายด้วยตัวเองคือ การขัดผิว โดยใช้ฟองน้ำ หรือใยบวบ ขัดหมุนวน ตรงไหนที่รู้สึกว่ามีเซลลูไลท์เยอะ ก็ให้ขัดบริเวณนั้นเป็นลักษณะวงกลม เพราะการขัดลักษณะวงกลม จะไปกระตุ้น ให้การไหลเวียนของโลหิต และน้ำเหลืองดีขึ้น ก็สามารถช่วยกระตุ้นการสลายไขมันได้บ้าง ซึ่งก็ควรทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดี”
ส่วนการบีบนวดหรือใช้ครีมสลายไขมันทาถูนั้น คุณลายลักษณ์บอกว่าได้ผลเช่นกันค่ะ
“การทาครีมสลายไขมัน หรือการนวดสลายไขมัน ก็ช่วยได้บ้างเล็กน้อย เพราะครีมต่างๆ สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้เล็กน้อย ส่วนการนวดนั้น มีการวิจัยแล้วว่า การนวดไทยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง จะช่วยลดไขมัน และเซลลูไลท์ได้ด้วย”
*เก็บตก
ภาพบรรยากาศ งานเสวนา“คลินิกความงามคือคำตอบสุดท้ายจริงหรือไม่” จัดโดยไลฟ์เซ็นเตอร์
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
เมื่อยามสาวสะพรั่ง ร่างกายก็เต่งตึงสดใส แต่เมื่อเข้าสู่วัยสาวใหญ่ เหล่ากระดังงาลนไฟ หลายคนต้องประสบปัญหาผิวพรรณ ขรุขระดั่งเปลือกส้ม เจอไขมันเซลลูไลท์เป็นลูกคลื่น มองเห็นชัดแจ๋วตามต้นแขน ต้นขา.. เยี่ยงนี้ยอมไม่ได้แน่ จะมาหมดสวย อดโชว์ขาเนียน แขนเรียวง่ายๆ ได้อย่างไร
ในงานเสวนาหัวข้อ “คลินิกความงามคือคำตอบสุดท้ายจริงหรือไม่” ที่จัดโดยไลฟ์เซ็นเตอร์ เราได้พบกับ ลายลักษณ์ ฮาเท็ม ผู้บริหารสาวแห่ง PLEROMA CLINIC เธอมาร่วมอัพเดทข้อมูลความงาม เกี่ยวกับปัญหาที่สาวแทบทุกคนต้องพบเจออย่าง “เซลลูไลท์” (Cellulite) หรือปรากฏการณ์ที่ผิวหนังมีลักษณะขรุขระ คล้ายผิวของเปลือกส้ม ซึ่งพบได้บ่อยตามต้นแขนต้นขา
ปัญหาชวนหนักใจนี้ แก้ไขได้อย่างไร คลินิกเสริมความงามสมัยนี้ เค้ามีวิธีจัดการกับเจ้าผิวเปลือกส้มนี้อย่างไร ที่สำคัญถ้าไม่อยากเสียเงินเข้าคลินิกเสริมความงามล่ะ มีวิธีใดบ้างหนอที่สาวเราจะกำจัดเจ้าเซลล์ไขมันนี้ได้เองแบบไม่ต้องสิ้นเปลือง
“เซลลูไลท์เกิดขึ้นจากอะไร ทำไมตอนเด็กๆ ไม่ค่อยมี แต่พอโตขึ้นทำไมถึงมี คำตอบคือ เวลาเราทานอาหาร ทุกอย่างที่เหลือจากที่ร่างกายต้องใช้ จะถูกเก็บเป็นไขมัน ซึ่งไขมันที่เราทานเข้าไปใหม่ จะถูกเก็บติดกับชั้นกล้ามเนื้อ เมื่อทานไขมันเข้าไปในวันถัดมา ไขมันเก่าของเมื่อวานก็จะเขยิบขึ้นไป อยู่เหนือไขมันที่เพิ่งทานเข้าไปใหม่ในวันนี้ เป็นการเขยิบขึ้นไปเรื่อยๆ และเจ้าตัวไขมันชั้นบนสุดนั่นแหละ เรียกว่า เซลลูไลท์”
ส่วนสาเหตุที่เซลลูไลท์ไม่สามารถกำจัดออกไปจากต้นแขนต้นขาคุณสาวๆ ได้ง่าย ก็เพราะร่างกายของเราจะเผาผลาญไขมันที่ได้รับเข้าไปใหม่ก่อนเสมอ ทำให้ไขมันชั้นบนอย่างเจ้าเซลลูไลท์ ถูกอัดแน่น และเก็บไว้นานปี จนยากแก่การสลายไป
“เซลลูไลท์เป็นเซลล์ไขมันที่อัดแน่นมาก เพราะเมื่อเราทานอาหารเข้าไป ไขมันที่เข้าไปใหม่จะถูกร่างกายใช้ก่อนเสมอ ที่เหลือก็จะถูกสะสมอัดเข้าไปเรื่อยๆ ทำให้เซลลูไลท์ หรือไขมันชั้นบนสุด เป็นไขมันที่เกาะตัวกันเหนียวแน่น เพราะร่างกายเก็บสะสมมานานหลายปี เซลลูไลท์นี้จะเป็นเซลล์ไขมันที่หากผ่าออกมาจะเห็นเป็น สีเหลืองเข้มถึงสีน้ำตาล มีกลิ่น เป็นเซลล์ไขมันที่ตาย ร่างกายเอาไปใช้ไม่ได้”
1) “เมโสเธอราปี” เห็นผลเร็ว แต่ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ
ผู้เชี่ยวชาญของเราเล่าว่าแท้จริงแล้ว เมโสเธอราปี (Mesotherapy) แปลว่าการ ใช้เข็มเล็กๆ ฉีดตัวยาเข้าไปในชั้นผิว ซึ่งใช้กับเรื่องความงามได้หลากหลาย ทั้งลดรอยด่างดำ เพิ่มความขาวใส (ขึ้นอยู่กับตัวยาที่ใช้) แต่ในบ้านเรามักเคยชินกับการฉีดเมโสเธอราปี เพื่อลดไขมัน จนกลายเป็นที่คำฮิต (ปนเข้าใจผิด) ว่าการฉีดเมโสเธอราปีคือ การฉีดลดไขมัน
“จริงๆ เมโสฯ แปลว่าเข็ม แต่พอมีการนำมาใช้ฉีดเข้าไปในชั้นเซลลูไลท์ ก็เลยเรียกการฉีดแบบนั้นว่า เมโสฯ ทุกคนรู้กันว่าเมโสฯ คือการฉีดไขมัน แต่จริงๆ ไม่ใช่ การแทงเข็มลงไป ก็เรียกเมโสฯ แล้ว ส่วนการฉีดเมโส สำหรับการลดไขมันก็คือ การฉีดสารสกัดจากถั่วเหลือ และวิตามินต่างๆ ลงไปในชั้นไขมัน เมื่อฉีดลงไปมันจะทำให้เซลล์ไขมันบีบตัว ร่ายกายจึงเผาผลาญและ ขับไขมันออกมาได้โดยง่าย”
จุดเด่นของการฉีดเมโสเธอราปีลดไขมันก็คือ เห็นผลได้ค่อนข้างเร็ว และมีผลข้างเคียงน้อย ส่วนเรื่องที่ว่า ไขมันเปลือกส้มจะกลับมาปรากฏอีกเมื่อไหร่ ผู้เชี่ยวชาญของเราว่า แล้วแต่ไลฟ์สไตล์การกินของแต่ละคนแล้วหล่ะ
“การทำฉีดเมโสฯ เห็นผลค่อนข้างรวดเร็ว ประมาณ 2 สัปดาห์ เซลลูไลท์ก็หายไปเยอะเลย ช่วงที่ฉีดแรกๆ อาจจะบวมนิดหน่อย ระหว่างนั้นก็ควรทานน้ำมากๆ และออกกำลังกายอย่างพอเหมาะเพื่อช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดียิ่งขึ้น ถามว่าฉีดแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน ต้องบอกว่า เมโสฯ จะไปดึงเอาไขมันเก่าๆ ออกจากร่างกาย ดังนั้นของใหม่ จึงแล้วแต่การกินใหม่ของแต่ละคน ว่าเราจะควบคุมอาหารการกินได้ดีแค่ไหน”
ผู้บริหารสาวแห่ง PLEROMA CLINIC เตือนว่า หากคิดจะฉีดเมโสเธอราปี ต้องเลือกคลินิกที่ไว้ใจได้ แพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญ มิฉะนั้นจะเกิดอันตรายได้
“ข้อสำคัญคือ แพทย์ที่รักษาต้องมีความเชี่ยวชาญ เพราะการฉีดเมโสฯ เพื่อสลายไขมันนั้น หากไม่ได้ปักเข็มลงไปในชั้นผิวที่ถูกต้อง อาจจะส่งผลให้ผิวเกิดอาการไหม้ได้ ฉะนั้นการฉีดต้องฉีดลงไปในชั้นที่ถูกต้อง สารเหล่านั้นจึงจะไปทำปฏิกิริยา ช่วยเรื่องการเผาผลาญไขมัน ชั้นเซลลูไลท์ได้”
2) “คาร์บอกซี่” เห็นผลช้า อาจเกิดผลข้างเคียงชวนผวา !
อีกวิธีที่หลายท่านคุ้น นั่นคือการทำ “คาร์บอกซี่” (Carboxy ) วิธีการนี้ เชี่ยวชาญคนสวยอธิบายว่า แท้จริงแล้วคือการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon dioxide) เข้าไปในร่างกาย
“การฉีดคาร์บอกซี่คือ การฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เข้าไปในร่างกาย วิธีการคือ จะให้คนไข้นอนลง พยาบาลจะเข็นถังสักอย่างมาที่เตียง คลินิกบางที่อาจจะปิดมามิดชิด แต่ข้างในก็คือถังคาร์บอนไดออกไซด์นั่นเอง
วิธีการก็คือ แพทย์จะเอาเข็มเกี่ยวที่ชั้นไขมัน ซึ่งการเกี่ยวเข็มจะไม่ได้รู้สึกเจ็บมาก จากนั้นจะกดบริเวณข้างเคียงไว้ สมมุติต้องการทำที่แขน ก็จะบีบที่รักแร้เอาไว้ ไม่ให้ก๊าซวิ่งไปถึงบริเวณอื่น เมื่อปล่อยก๊าซแล้ว บริเวณนั้นๆ จะพองขึ้นเรื่อยๆ เพราะคาร์บอนไดออกไซด์จะวิ่งสอดแทรกเข้าไปในร่างกาย ทำให้เส้นเลือดขยายตัว ไขมันแตกตัว เมื่อไขมันแตกตัวก็จะมีไขมันบางส่วนทำปฏิกิริยากับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แล้วสลายตัวไป แต่การสลายตัวก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ ต้องทำประมาณ 10 ครั้งขึ้นไป อย่าง สม่ำเสมอถึงจะเห็นผลชัดเจน”
ทว่าในปัจจุบัน การทำคาร์บอกซี่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก เนื่องจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ช่างร้ายแรงชวนขนหัวลุก!
“ปัจจุบันไม่ค่อยนิยมทำคาร์บอกซี่นัก เพราะผลข้างเคียงของมันค่อนข้างอันตราย ถ้าคนไข้ทำคาร์บอกซี่ แล้วไปบีบนวด สมมุติ ทำคาร์บอกซี่ได้เพียง 1-2 วัน ก๊าซยังออกจากขาไม่หมด แล้วไปนวด การบีบกดแรงมากๆ อาจทำให้เส้นเลือดแตกได้ เมื่อเส้นเลือดแตก ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเส้นเลือด ก็จะวิ่งเข้าสมอง แบบนั้นก็อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
ฉะนั้นหากทำคาร์บอกซี่แล้ว จะต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะทำให้เส้นเลือดแตก จากการบีบกด หรือนวดด้วย ที่สำคัญอีกอย่างคือ การเห็นผลของมันค่อนข้างนาน ทำครั้งแรกไม่เห็นผล แต่บริเวณที่ทำจะใหญ่ขึ้น เพราะมีแก๊สอยู่ในส่วนนั้น รวมถึงยังทำให้ผิวหนังยืดออกด้วย นี่เป็นอีกเหตุผลที่ปัจจุบันวิธีการนี้ไม่เป็นที่นิยมนัก”
3) บีบนวดขัดถูแบบหมุนวน อีกวิธีง่ายๆ ที่ช่วยขจัดเซลลูไลท์
บอกวิธีกำจัดเซลลูไลท์ตามแบบฉบับคลินิกเสริมความงามไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญของเราขอแถมท้ายด้วย วิธีกำจัดเซลลูไลท์ที่ทำได้เองง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งพาเหล่าคลินิกมาว่า
“อีกวิธีที่รักษาเซลลูไลท์ได้และทำง่ายด้วยตัวเองคือ การขัดผิว โดยใช้ฟองน้ำ หรือใยบวบ ขัดหมุนวน ตรงไหนที่รู้สึกว่ามีเซลลูไลท์เยอะ ก็ให้ขัดบริเวณนั้นเป็นลักษณะวงกลม เพราะการขัดลักษณะวงกลม จะไปกระตุ้น ให้การไหลเวียนของโลหิต และน้ำเหลืองดีขึ้น ก็สามารถช่วยกระตุ้นการสลายไขมันได้บ้าง ซึ่งก็ควรทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดี”
ส่วนการบีบนวดหรือใช้ครีมสลายไขมันทาถูนั้น คุณลายลักษณ์บอกว่าได้ผลเช่นกันค่ะ
“การทาครีมสลายไขมัน หรือการนวดสลายไขมัน ก็ช่วยได้บ้างเล็กน้อย เพราะครีมต่างๆ สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้เล็กน้อย ส่วนการนวดนั้น มีการวิจัยแล้วว่า การนวดไทยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง จะช่วยลดไขมัน และเซลลูไลท์ได้ด้วย”
*เก็บตก
ภาพบรรยากาศ งานเสวนา“คลินิกความงามคือคำตอบสุดท้ายจริงหรือไม่” จัดโดยไลฟ์เซ็นเตอร์
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net