xs
xsm
sm
md
lg

‘ปาลาวี บุนนาค อิสสระ’ ...หญิงสาวผู้สยบ ‘ปลาวาฬ’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
     ‘ฉันรักเธอมานาน’
     ‘ในสายตาฉัน...เธอสวยที่สุดเสมอ’
 
     ไม่ใช่แค่ส่งsmsหวานจับจิตไปให้หญิงสาวที่ตนหมายปอง
     แต่ชายหนุ่มสุดเฮี้ยว ทายาทโรงแรมหรูบนเกาะภูเก็ต ยังตามไปร่วมงานปาร์ตี้ของสาวเจ้าถึงฮ่องกง ทั้งที่เจ้าตัวเขาไม่ได้เชิญ
 
     ทำตัว ‘เนียน’ กลมกลืนกับเพื่อนฝูงของหญิงสาวที่ตนแอบรัก ทั้งผูกมิตรกับเจ้าพ่อมาเก๊า ซึ่งเป็นญาติกับเพื่อนชาวฮ่องกงของหญิงสาวผู้นั้นได้อย่างสนิทใจ แม้จะเพิ่งเจอะเจอกับ ‘เจ้าพ่อ’ แห่งเกาะมาเก๊าคนนั้นเพียงครั้งแรก
 
     ส่งร่างสัญญาทางธุรกิจแบบประหลาดๆ มาขอคำแนะนำจากเธอ...ผู้มีอาชีพเป็นนักกฎหมายที่คอยให้คำปรึกษาด้านการลงทุน

 
     ตัวอย่างที่หยิบยกมาเป็นเพียงแค่ ‘น้ำจิ้ม’ เพราะยังมีอีกหลายมุกเด็ดที่ชายหนุ่มสุดเฮี้ยวอย่าง
‘ปลาวาฬ-วรสิทธิ์ อิสสระ’ ทายาทมหาเศรษฐีชื่อดัง คอยป้อนใส่หัวใจห้าวๆ ของเธอคนนี้ ‘แพร์-ปาลาวี บุนนาค’ สาวนักกฎหมายเจ้าของรอยยิ้มสวยหวานที่แลดูขัดแย้งกับเสียงหัวเราะดังก้องแบบ ‘แมนๆ’

 
     “แพร์กับวาฬเรารู้จักกันตั้งแต่ตอนที่อยู่อังกฤษแล้วค่ะ เป็นนักเรียนอังกฤษด้วยกัน ก็เจอกันตั้งแต่เด็กเลย เพราะบ้านแพร์เหมือนจะเป็นศูนย์กลางอยู่ที่เคนซิงตัน ใครมาลอนดอนก็จะแวะมาที่บ้านแพร์ เด็กไทยมักจะแวะมาแฮงก์เอาต์ที่บ้าน มานั่งเล่นกันที่บ้านแพร์ แต่ต่อมาวาฬเขาก็ไปเรียนต่อที่อเมริกา ก็ไม่ค่อยได้แวะมาบ้านแล้ว จากนั้นเราก็จะมาเจอกันที่เมืองไทย บางทีก็เจอกันโดยบังเอิญ” 
    

 
      ‘ไปทำอะไรมา สวยขึ้นนะเนี่ย’
     ‘คุณเป็นผู้หญิงในดวงใจ แอบหลงรักมานานแล้ว’
     สารพัดคำหวานและคำบอกรัก คือสิ่งยืนยันว่าฝ่ายชายเดินหน้า ‘จีบ’ แบบเต็มสตีม ทว่า ในสายตาของนักกฎหมายคนเก่งอย่างปาลาวีทีท่าของปลาวาฬก็แลดูไม่ต่างจากเด็กแก่นเซี้ยว ผู้ชายขี้เล่น ที่คงเย้าแหย่เฮฮาไปตามประสาคนอารมณ์ดี ทั้งในระยะแรก แต่ละมุกที่ฝ่ายชายหมั่นหยอด...ก็ไม่ทำให้สาวเจ้าเกิดอาการวาบหวามแม้แต่น้อย สาเหตุก็เนื่องมาจาก...
    
     “วาฬไม่ใช่สเป็ค ไม่ใช่เลย (หัวเราะ) ตัวเตี้ยๆ เดินเร็วๆ พูดเยอะ พูดเยอะมากๆ เขาค่อนข้างแอ็คทีฟ แต่ไม่ใช่สเป็คน่ะค่ะ สเป็คของแพร์ต้องสูงกว่าแพร์ บึ้ก สมาร์ท นิ่ง เงียบ แล้วก็เป็นผู้ชายที่เก่ง ฉลาดกว่าเรา ไม่กลัวอะไรเลย สามารถดูแลเราได้ เพราะแพร์จะเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก ถ้าเจอผู้ชายที่อ่อนแอกว่าเราจะไม่ชอบ
 
     "แต่แม้วาฬแม้ไม่ใช่สเป็ค แต่นิสัยเขาก็เข้ากับเราได้เพราะแพร์เป็นคนไม่อยู่นิ่ง แพร์ไม่ชอบคนเฉื่อยๆ ชอบคนที่ป้องกันเราได้ ถ้าเจอแมลงสาบวาฬเขาก็สามารถหยิบไปทิ้งได้ เพราะแพร์เคยเดทกับผู้ชายที่พอเจอแมลงสาบแล้วร้องกรี๊ด”

 
     นั่นคือ ‘เรื่องเล่า’ ถึงความหลังอันหอมหวานปนซ่าส์ ซึ่งหากเปรียบเป็นบทภาพยนตร์หรือละครเวที ก็คงไม่ต่างจากช่วงโหมโรง ที่พาผู้ชมย้อนความทรงจำแหววหวานพร้อมเพลงประกอบสุดโรแมนติก
แต่ขึ้นชื่อว่า ‘ชีวิต’ กว่าจะเดินทางมาถึงฉากรักอันสวยงาม ทั้งเธอและเขา ปาลาวีและปลาวาฬ ต่างก็ต้องร่วมกันฟันฝ่าบทพิสูจน์ ‘รักแท้’
 
     เพราะเหตุนั้น บทเรียนแห่งรักและชีวิตคู่ที่ปาลาวีบอกเล่า จึงเปี่ยมด้วยแง่คิดที่ไม่อาจมองข้าม
 
     “วาฬเขาจีบแพร์มาตั้งแต่เด็กแล้ว เราก็รู้นะว่าเขาชอบเรา เพราะเขาจะฝากน้องสาวมาบอกเราเสมอ
แต่ก็ตอนที่เขาตามไปฮ่องกงนั่นแหละ ที่ทำให้เราเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์ เพราะรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ น่ารักดี เราอยู่ด้วยแล้วไม่เกร็ง เข้ากันได้ กัดกันได้ จนใครเห็นก็รู้สึกว่าคู่เราเหมือนสามีภรรยาที่รักกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
 
     “เวลารักเราก็รักกัน แต่เวลากัดก็กัดกัน ไม่มีฟอร์ม แล้วเขาก็บอกเราว่าเราเป็นคนแรกที่เวลาเดทด้วยแล้วทำให้เขารู้สึกสบายใจ เขาจะทำอะไรก็ได้ จะตด จะเรอก็ทำได้โดยไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องวางมาด”


 
     ครั้นถามว่า เธอมั่นใจผู้ชายคนนี้แค่ไหน? จึงพร้อมจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกับเขา คำตอบจากปาลาวีก็คือ
 
     “ถ้าเราจะแต่งงานกับใคร เราก็ต้องมั่นใจ แต่คนเรามันก็เปลี่ยนแปลงได้ใช่ไหมคะ? แต่เราก็ต้องปรับเข้าหากัน
 
     "เราคบกันมา 4 ปี ขณะที่บางคนคบกัน 3 เดือน ก็แต่งงานกันแล้ว เราก็ต้องบอกตรงๆ ว่า ช่วงปีแรกคือช่วงปรับตัวนะ มีทะเลาะกันบ้าง ช่วง 6 เดือนแรกนี่เหมือนเป็นช่วงโปรโมชั่นเลย รักกันมาก แต่พอคบกันถึงช่วงปีที่ 2 นี่เชื่อเลยว่าหลายคู่คงต้องทะเลาะกัน เพราะมันเป็นช่วงที่เราต้องปรับตัวเข้าหากันมากขึ้นกัน แล้วเราแต่ละคนก็มาจากคนละที่ คนละครอบครัว
 
    “พอคบกันถึงปีที่ 3 ก็เริ่ม 'นิ่ง' รู้แล้วว่าใครชอบอะไร ไม่ชอบอะไร พอมาปีที่ 4 เราก็นิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะเมื่อเรารู้แล้วว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เขาก็รู้เช่นกันว่าอะไรที่เราไม่ชอบ เขาก็ต้องไม่ทำ มันเหมือนกับว่าเมื่อเราโตขึ้น เราก็ต้องเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ ตอนเด็กๆ เราอาจจะเอาแต่ใจตัวเอง แต่เมื่อเป็นชีวิตคู่ก็จะมีทั้งคุณแม่วาฬ คุณแม่แพร์ พ่อแม่เราทั้ง 2 ฝ่าย จะคอยสอนวิธีการใช้ชีวิตคู่ 
 
    
     "คุณตาคุณยายแล้วครอบครัววาฬก็น่ารักมาก ทุกคนจะอยู่ข้างแพร์ตลอด แล้วทุกคนก็จะบอกว่า 'ทุกคนอยู่ข้างแพร์นะ' พี่น้องวาฬทุกคนก็น่ารัก โดยเฉพาะคุณตาน่ารักมาก เช่น เวลาเราอยู่ด้วยกันวาฬเขาจะชิน เขาจะชอบหยอก ชอบตบหัวเรา คุณตาก็จะบอกว่า ‘ทำอย่างนี้ไม่ได้นะ จะมาตบตีภรรยาได้ยังไง!' วาฬก็จะเถียงว่าทำแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว คือผู้ใหญ่ท่านจะคอยสอนเราอยู่ตลอดเวลา วาฬเขาก็จะฟังบ้างไม่ฟังบ้าง แต่เรารู้ว่าลึกๆ แล้วเขาจำคำสอนของผู้ใหญ่ไว้"

 
 
     ใช่เพียงอารมณ์กุ๊กกิ๊กหรือพ่อแง่แม่งอนใส่กันแบบน่าเอ็นดู แต่เหตุการณ์ทะเลาะกันรุนแรง ทั้งคู่ก็ผ่านมาแล้ว เพราะทั้งด้วยไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง คนหนึ่งรักการปาร์ตี้เป็นชีวิตจิตใจขณะที่อีกคนไม่ใช่คอปาร์ตี้ขั้นเทพแบบนั้น หรือทัศนคติเห็นแย้งในบางเรื่องเมื่อมองจากคนละมุม, การเก็บกักความเครียดจากงานมาระเบิดอารมณ์ใส่กันโดยไม่ตั้งใจ
 
     แต่ทั้งหลายทั้งปวงนั้น ปลาวาฬและปาลาวี ก็สามารถจัดการได้ ด้วยเคล็ดไม่ลับที่คู่รักหลายๆ คู่อาจถือเป็นเยี่ยงอย่าง นั่นก็คือ
 
     “เวลาที่ทะเลาะกัน ถ้าแพร์ไม่พอใจแพร์จะยังไม่พูดเดี๋ยวนั้น จะทนไว้ก่อน จนกว่าจะถึงเวลาที่วาฬเขาร่าเริงแล้วแพร์ก็จะค่อยๆ พูดกับเขา ว่า ‘ตอนนั้น เค้าไม่ชอบนะ ทีหลังอย่าทำ’ วาฬเขาก็จะเข้าใจ
คือวาฬอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็กๆ เขาก็จะรู้สึกว่าเขาอิสระ ทำงานตั้งแต่เด็กๆ ไม่ขอเงินพ่อแม่ เหมือนนามสกุลเขานั่นแหละค่ะ แล้วเขาก็จะชอบพูดว่า ‘ไอ แอม อิสสระ’ (หัวเราะ) ดังนั้น เราจะไปบังคับ ไปจู้จี้ จุกจิกกับเขาไม่ได้ เราก็ต้องใช้วิธีค่อยๆ พูดกับเขา ต้องใช้ความอดทนเยอะ จนเพื่อนๆ แพร์ก็จะบอกว่า ‘แกนี่อดทนเยอะเนอะ’ คือช่วงแรกๆ น่ะใช่ ต้องอดทน แต่พอถึงวันนี้มันคือการใช้ความเข้าใจ มันคือการพยายามเข้าใจอีกฝ่าย ถ้าใช้แค่ความ ‘อดทน’ วันหนึ่งก็คงเลิกกัน ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ เราต้องพยายามเข้าใจอีกฝ่าย”

 
     ได้ยินคำอธิบายของเธอในการทำความเข้าใจ ชายหนุ่มหัวใจอิสระผู้แสนจะเป็นตัวของตัวเองแล้ว ให้นึกสงสัยว่า แล้วตัวเธอเล่า? มีนิสัยข้อไหนบ้าง ที่ไม่น่ารัก และไม่น่าจะเข้ากันได้ เธอตอบว่า
 
     “นิสัย แย่ๆ ของแพร์ก็คือ ถ้าแพร์ไม่พอใจอะไร แพร์ก็จะสแนป (Snap) ขึ้นมา บางทีวาฬเขาอารมณ์ดี พูดเล่นกับเรา แต่ถ้าแค่เผลอพูดอะไรไม่ถูกใจเราก็จะสแนปเสียงดังกลับไปทันที แล้วเขาก็จะไม่ชอบนิสัยแบบนี้ของเรา เราก็จะกลับมานึก เอ๊ะ! ทำไมเขาถึงโกรธ เพราะบางทีแพร์ก็เครียดจากงาน ส่วนเขาเองบางทีก็เครียดเรื่องงานเหมือนกัน แล้วพอเราต่างเครียดแล้วก็ต่างโทรศัพท์คุยกันเราก็ขึ้นเสียงใส่กัน ซึ่งส่วนมากเป็นเรื่องเครียดเวลาทำงาน แต่เรื่องอื่นแพร์ไม่ทำขึ้นเสียง ไม่ตะคอกใส่เขา ไม่จู้จี้จุกจิก เพราะแพร์ก็ไม่ชอบคนนิสัยแบบนี้ ทั้งหมดมันคือเรื่องของอารมณ์ที่เราต้องปรับเข้าหากัน”
 
     การที่ทั้งคู่เรียนรู้ เติบโต ทั้งก้าวไปพร้อมๆ กันได้อย่างมั่นคง จึงอาจเปรียบได้กับ 'นาวา' อันแข็งแกร่งที่ย่อมต้องสร้างขึ้นอย่างตั้งใจ เชื่อมั่นและเปี่ยมแรงศรัทธาในกัน

 
     ปาลาวีบอกว่าปลาวาฬยินดีและเต็มใจให้เธอทำหน้าที่ ‘เวิร์กกิ้ง วูแมน’ ส่วนตัวเขา จะขอเป็น ‘พ่อบ้าน’ ที่ดี และหากเธอมีลูก เขาก็พร้อมจะเป็นพ่อผู้คอยทำหน้าที่เลี้ยงดูลูกของตนให้ดีที่สุด
 
     ไม่ต่างจากทุกวันนี้ที่เขายินดีทำอาหารอร่อยๆ ให้เธอรับประทาน ซักชุดชั้นในให้เธออย่างพิถีพิถัน
 
     เขายินดีและเต็มใจทำอะไรต่อมิอะไรให้เธออีกมากมาย
     เหตุผลเดียวอันชัดเจน...นั่นเพราะเขารักเธอ หญิงสาวเจ้าของเสียงหัวเราะเปิดเผยจริงใจ
 
     เธอคือเวิร์กกิ้งวูแมน คือศรีสะใภ้ คือศรีภรรยา และในอนาคต ...เธอจะเป็นแม่ของลูกน้อย สมดังที่เธอและเขาวางแผนครอบครัวไว้ร่วมกัน
 
     ณ ตอนนี้ เธอจึงเปรียบเสมือนหญิงสาวผู้เป็นจุดศูนย์กลางและศูนย์รวมแห่งรักของทั้งสองตระกูล เป็นบุตรสาวผู้สืบต่อ ‘เลือดนักกฎหมาย’ ของ ‘บุนนาค’ ให้คงอยู่ เป็นศรีสะใภ้ที่พ่อปู่-แม่ย่า รักใคร่เอ็นดูราวกับลูกในสายเลือด เป็นศรีภรรยาที่สามีห่วงหาอาทร

 
    “เคล็ดลับในการใช้ชีวิตคู่ สำหรับแพร์สิ่งสำคัญที่สุดคือความเข้าใจ เพราะเราถูกเลี้ยงดูมาคนและแบบ โตมาจากคนละครอบครัว ผู้หญิงมักคิดว่า ‘ผู้ชายต้องทำอย่างนั้น-อย่างนี้ให้เรา’ ขณะที่ผู้ชายก็มักจะคิดว่า ‘ผู้หญิงต้องอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้’ คือแพร์อยากให้เข้าใจในสิ่งที่แต่ละคนเป็น ถ้าเขาไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เราก็ต้องคิดว่าทำไมเขาชอบทำอย่างนี้ ? ทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ เราต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราตลอดเวลา แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องพยายามทำความเข้าใจกันทั้ง 2 ฝ่ายนะคะ ไม่ใช่พยายามอยู่ฝ่ายเดียว แล้วอีกฝ่ายเอาแต่คิดว่าเขาจะทำอะไรก็ได้ แบบนี้ก็ไม่ใช่ ทั้งสองฝ่ายต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด”
 
     เธอคือหญิงสาวยุคใหม่ ที่กำลังก่อร่างสร้างครอบครัวร่วมกับสามีหนุ่ม ด้วยความรักความอบอุ่นเท่าที่หัวใจทั้งสองดวงจะมอบให้แก่กันได้ ผ่านการเฝ้ามองอย่างเชื่อมั่นของผู้หลักผู้ใหญ่...ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างและให้คำปรึกษา ‘ต้นรัก’ ที่เธอและเขา ร่วมกันรดน้ำ พรวนดิน เติมปุ๋ย
 
    “แพร์กับวาฬมีผู้หลักผู้ใหญ่คอยให้คำแนะนำมากมายค่ะ เช่นตอนที่วาฬมาสู่ขอแพร์ คุณพ่อคุณแม่แพร์ท่านก็สอนว่า การใช้ชีวิตคู่ หมายความว่า ‘ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม เราต้องนึกถึงอีกฝ่ายตลอดเวลา ไม่ใช่นึกถึงแต่ตัวเอง ส่วนคุณแม่วาฬก็น่ารักมาก ท่านจะส่งอีเมล์การใช้ชีวิตคู่มาให้แพร์อ่านเยอะมาก เช่น ‘อยู่ห่างกันก็ต้องโทรศัพท์หากันทุกวัน ห้าม ‘ไม่เจอกัน’ เกินหนึ่งอาทิตย์’
 
     “แล้วคุณแม่ก็จะคอยบอกวาฬว่าถ้าแพร์ไปหาวาฬที่ภูเก็ตไม่ได้ วาฬก็ต้องมาหาแพร์ หรือถ้าวาฬมาหาแพร์ไม่ได้ แพร์ก็ต้องไปหาวาฬ ต้องสลับกัน เพราะถ้าแพร์มีงานยุ่งมากที่กรุงเทพฯ แพร์ก็ไปภูเก็ตไม่ได้
 
     "หรือแม้แต่คุณหมอที่เป็นคนทำคลอดวาฬ คือเป็นคนที่ ‘ดึง’ วาฬออกมาจากท้องคุณแม่ ก็ยังมาคอยให้คำปรึกษาเราเรื่องการวางแผนมีลูก ท่านก็จะคอยให้คำแนะนำว่าถ้าเราตั้งใจจะมีลูก เราทั้งคู่ต้องมีส่วนร่วมในการเลี้ยงลูกนะ ต้องคิดไว้ได้แล้วว่าจะอยู่ที่ไหนกัน จะอยู่กรุงเทพฯ หรือภูเก็ต
 
 
     "ดังนั้น วาฬเขาก็คิดไว้แล้วว่าถ้ามีลูกก็อาจจะขึ้นมาทำธุรกิจที่กรุงเทพฯ แล้วเราก็วางแผนกันไว้อีกด้วยว่าจะให้ลูกเรียนโรงเรียน ‘ทอสี’ ซึ่งเป็นโรงเรียนของตระกูลอิสสระที่ตั้งชื่อตามคุณยายของวาฬ ที่นี่มีตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษา เราตั้งใจให้ลูกเรียนที่โรงเรียนนี้ เพราะเป็นโรงเรียนวิถีพุทธ และเมื่อลูกโตพอถึงระดับหนึ่ง เราจะให้เขาไปเรียนเมืองนอก แต่แรกเริ่มที่สุด คือเราอยากให้ลูกได้รับการปลูกฝังทางจิตใจ ได้รู้ผิดรู้ชอบ รู้ว่าอะไรดี-ไม่ดี ตอนนี้แพร์กับวาฬก็ ‘ปล่อย’ แล้วค่ะ (ไม่คุมกำเนิด) เพราะคุณพ่อคุณแม่ของเราก็อยากมีหลาน แล้วเราเองก็อยากลูกสัก 2 คน”

 
     นอกจากการทำงานในฐานะนักกฎหมายของบริษัทที่ปรึกษากฎหมายสากล จำกัด (International Legal Consellors Thailand Ltd.) ทั้งยังรับหน้าที่เป็นพิธีกรรายการ true inside news ในแทบทุกวันหลังเลิกงานแล้ว เธอคนนี้ก็ยังหาเวลาไปเดินตามความฝันในวัยเด็กด้วยการก่อตั้งบริษัทรับออกแบบร่วมกับเพื่อนๆ ภายใต้ชื่อบริษัท DOT LINE PLANE CO.,LTD.
 
      ทั้งคอยร่วมแสดงความคิดเห็นกับเพื่อนพ้องเหล่าดีไซน์เนอร์ในแต่ละครั้งที่บริษัทรับผิดชอบเรื่องงานออกแบบอันหลากหลาย อาทิ การดีไซน์และตกแต่งหน้าร้านสินค้า ห้องอาหาร ห้องเสื้อ คอนโดรวมถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์อีกไม่น้อย 
     
     แต่ไม่ว่างานเหล่านั้นจะท้าทายหรือสนุกเพียงใด ทว่า บทบาทที่สำคัญที่สุดสำหรับปาลาวี ณ เวลานี้ก็คือ...การเป็นศรีภรรยาและศรีสะใภ้อย่างเต็มตัว
 
     และอีกไม่นาน เธอก็คงจะได้รู้จักกับบทบาทอันยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต
 
     นั่นคือการเป็น ‘แม่ของลูก’
 
     ทั้งเธอและสามีหนุ่ม กำลังเฝ้ารอ ‘วันนั้น’ ร่วมกัน พวกเขากำลังเฝ้ารอวันที่เธอจะตั้งท้อง วันที่ครอบครัวเล็กๆ ของคนหนุ่มสาวคู่หนึ่ง จักร่วมกันสร้างสายเลือดรุ่นใหม่ให้ถือกำเนิดขึ้นบนรากฐานแห่งรักอันมั่นคง...

 
 
    ‘รัก’ ที่เธอและเขา ร่วมกัน ‘ออกแบบ’ ....ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
 
     “ถ้าเปรียบความรักเป็นการออกแบบอะไรสักอย่าง ความรักมันก็เหมือนการที่เรา ‘ปั้น’ อะไรขึ้นมาอย่างหนึ่ง แล้วต้องปรับไปเรื่อยๆ ตามสถานการณ์ ไม่ใช่ว่าเมื่อเราวางโครงหรือตีกรอบทุกอย่างไว้เป็นเส้นตรงแล้วหมายความว่าทุกอย่างมันจะเป็นไปตามที่ตั้งใจ เพราะฉะนั้น เราก็ต้องค่อยๆ ตบแต่งให้มันเข้ารูปเข้ารอย เข้าที่เข้าทาง ค่อยๆ เป็นรูปเป็นทรง เป็นรูปร่างที่ดีขึ้นมา"

 
 
     “แต่การตบแต่งงานปั้น เราก็ต้องมีวิธีในการที่จะทำให้มันเป็นรูปร่างที่ดี ซึ่งก็เหมือนการดูแลครอบครัวที่เราต้องมีศิลปะในการเรียนรู้กัน ทำความเข้าใจกัน ต้องมีศิลปะในการใช้ชีวิตคู่ ซึ่งคนๆ เดียวทำไม่ได้หรอก ต้องช่วยกันทั้ง 2 ฝ่าย เราต้องช่วยกันสร้าง และแค่ ‘มือเดียว’ ทำไม่ได้หรอกค่ะ ไม่สวย ทั้งสองมือต้องช่วยกัน เราจึงจะได้งานปั้นที่ดี”
 
           ...คือ ‘ปาลาวี’ หญิงสาวผู้สยบหัวใจ ‘ปลาวาฬ’
 
                           .................
                     เรื่องโดย : นางสาวยิปซี
                     ภาพโดย : วชิระ สายจำปา
 
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net


กำลังโหลดความคิดเห็น