ใช้เวลานานร่วม 40 ปี ที่ ติ๋ม-สุภาพรรณ พิชัยรณรงค์สงคราม ประธานกรรมการบริหาร บจก.เรือด่วนเจ้าพระยา หล่อหลอมประสบการณ์และงานบริหารกิจการของครอบครัว ให้อยู่คู่สังคมไทยมาอย่างมั่นคง
การได้รับรางวัล นายจ้างดีเด่นประจำปี 2554 จาก สมาคมเลขานุการสตรีและนักบริหารจัดการแห่งประเทศไทย ถือเป็นของขวัญสุดเซอร์ไพรส์ให้ชีวิตผู้บริหาร เมื่อรู้ว่ารางวัลอันทรงเกียรตินี้ตกเป็นของตัวเอง สิ่งแรกที่เจ้าของรางวัลย้อนนึกถึงกลับไม่ใช่ผลงานชิ้นโบแดง แต่กลับเป็นลูกน้องทุกคนที่ทำงานร่วมกันมาคู่สายน้ำเจ้าพระยา เพื่อรับ-ส่งผู้โดยสารทุกคน ให้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย
เธอเล่าว่า งานแรกในชีวิต เริ่มต้นจากตำแหน่งเลขาฯ บริษัทผลิตยางรถยนต์ไฟร์สโตน จากนั้นย้ายไปอยู่กองเลขาฯ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท.ในปัจจุบัน ในสมัยที่ พล.ท.เฉลิมชัย จารุวัสตร์ นั่งเป็นผู้อำนวยการ ผ่านงานทั้งองค์กรเอกชนและภาครัฐมาก่อน
“ก่อนจะมารับช่วงดูแลกิจการของครอบครัว การทำงานกับฝรั่งก็เป็นอีกแบบ กับภาครัฐและภาคเอกชนก็เป็นอีกแบบ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความรับผิดชอบของเราที่ต้องมีในการทำงานกับทุกองค์กร แต่การทำงานกับที่บ้านให้อิสระมากกว่า เป็นกันเอง เพราะมันเป็นของครอบครัว ขณะเดียวกัน ความรับผิดชอบของเราก็มากขึ้นตามไปด้วย ไม่ใช่แค่พอเลิกงานเดินออกไปแล้วก็จบ ยิ่งเป็นธุรกิจขนส่ง เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ทั้งสภาพดินฟ้าอากาศ หรือ เรือเสียวิ่งไม่ได้ ซึ่งของพวกนี้มันอยู่กับเราตลอดเวลา”
สิ่งที่ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นในการดูแลการกิจการ เป็นสิ่งที่บอสติ๋มไม่เคยลืม นั่นคือ ความซื่อสัตย์ ทั้งต่อตนเอง ต่อลูกน้องและต่อลูกค้า ทุกอย่างที่ทำต้องเป็นประโยชน์และไม่เอาเปรียบใคร ดังคำสอนที่ถูกปลูกฝังมาจากผู้ก่อตั้งบริษัท คุณหญิงสุภัทรา สิงหลกะ คุณแม่ของเธอเอง เพื่อให้สมกับเป็นบริษัทคนไทยเพื่อคนไทยอย่างแท้จริง
“เราเป็นบริษัทคนไทย สร้างโดยคนไทย อุตสาหกรรมนี้เป็นของคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การต่อเรือ เราต่อเรือเอง ออกแบบเรือเอง วิ่งเรือเอง และลูกค้าของเราก็เป็นคนไทย ถือได้ว่าเป็นโอท็อปโดยคนไทยเพื่อคนไทยเต็มรูปแบบ ที่มีคนให้ความเชื่อมั่นในตัวเรา เราถึงได้อยู่มานยาวนาน”
สไตล์การทำงานของบอสแต่ละคนย่อมแตกต่าง แต่สิ่งที่บอสทุกคนพึงมีในมุมมองของเธอ นั่นคือ จริยธรรม และคุณธรรมในจิตใจ การเป็นบอสที่ดี นอกจากเรื่องวิสัยทัศน์แล้ว สิ่งที่สำคัญมากคือ การครองสติและภาวะความเป็นผู้นำ ซึ่งต้องโน้มน้าวจิตใจคนอื่นให้ร่วมทำในสิ่งที่ต้องการ และสิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งดี ที่ช่วยผลักดันให้ทุกคนในองค์กรได้พัฒนาตัวเอง เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายได้เหมือนอย่างเรา
“คำว่า “เจ้านาย” แทบทุกคนต้องเรียนรู้จากการเป็นลูกน้องมาก่อน เราเองเริ่มต้นที่ตำแหน่งเลขาฯ จึงอยากฝากถึงคนที่เป็นเลขาฯ ว่า คุณสามารถก้าวไปสู่ระดับสูงสุดของงานบริหารได้ ขอให้หมั่นฝึกที่จะคิดและบริหารงานอย่างนายจ้าง ใช้โอกาสที่ได้อยู่กับเบอร์หนึ่งขององค์กร เพื่อซึมซับความรู้ความสามารถของเจ้านาย เพราะเลขาฯ ในวันนี้ก็สามารถก้าวไปเป็นผู้บริหารในอนาคตได้”
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net