คอลัมน์ Sexociety โดย Dr.DEN
5. ถ้าไม่มีซู่ซ่า ก็ลืมได้เลย
เมื่อพูดถึงเรื่องของค่านิยมร่วม ก็ต้องไม่ลืมความจริงข้อสำคัญนี้ คือ มันจำเป็นต้องมีความซู่ซ่า
“ในยุคเศรษฐกิจอันไม่แน่นอนเช่นนี้ มันก็ง่ายสำหรับผู้หญิงที่จะบอกตัวเองว่า ความมั่นคงสำคัญกว่าความเสน่หา แต่คุณจำเป็นต้องมีปฏิกิริยาเคมีสำหรับทำให้ความสัมพันธ์มันได้ผล” เจนนิเฟอร์ โกเวน กล่าว
แน่ละ ถ้าคุณทั้งสองอยู่ด้วยกันมาเป็นปีๆ คุณก็ไม่จำเป็นต้องปล้ำฟัดอีกฝ่ายอย่างเร่าร้อนในทันทีที่เข้าประตูบ้าน แต่แรงกระตุ้นที่จะเปลื้องเสื้อผ้าของกันและกันออกนั้น ควรจะเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว
“การแต่งงานที่ประสบความสำเร็จ หมายถึง การเป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อนสนิท” ดร.เอลิซาเบธ บอก “แม้ว่าเซ็กซ์อันเยี่ยมยอดจะไม่ทำให้ปัญหาต่างๆ หมดไปก็จริงอยู่ แต่มันสามารถเป็นเบาะลดแรงกระแทกในความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองในช่วงเวลาอันยากลำบากได้”
เพราะฉะนั้น ถ้าคุณไม่รู้สึกซู่ซ่าทางเซ็กซ์กับผู้ชายของคุณ ก็ลืมเขาได้เลยเช่นกัน
6. ฉีกปฏิทินวันแต่งงานของคุณทิ้งซะ
“ถ้าคุณสะกิดถามผู้หญิงคนหนึ่งว่า คิดจะแต่งงานเมื่ออายุเท่าไร เธอมักจะยอมรับว่ามีตัวเลขอยู่ในใจแล้ว ซึ่งนั่นก็คือ อายุที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเธอ” เจนนิเฟอร์กล่าว ไม่ว่าตัวเลขนั้นจะอยู่บนพื้นฐานของการแข่งกับเวลาในชีวิตของคุณ หรือด้วยเหตุผลอื่นๆ เช่น พี่สาวของคุณแต่งงานเมื่ออายุเท่านั้นเท่านี้ก็ตาม
ความคิดที่จะต้องแต่งงานให้ได้ตามกำหนดเวลาของคุณเช่นนี้แหละที่จะมีอิทธิพลครอบงำคุณตลอดเวลา และทำให้คุณมีความเสี่ยงสูงในการแต่งงานกับผู้ชายผิดตัว ขณะที่กำหนดวันในปฏิทินของคุณใกล้เข้ามาทุกที บางคนถึงขนาดลดสเป็คลงมาเหลือแค่ “ใครก็ได้วะที่เป็นผู้ชาย”
“เมื่อผู้หญิงรู้สึกว่าพวกเธอเลยกำหนดการเป็นเจ้าสาวที่ตั้งไว้แล้ว พวกเธอก็มีแนวโน้มว่าจะลงเอยกับผู้ชายเกือบดี” เจนนิเฟอร์บอก “พวกเธอกลัวการสูญเสียเวลาอันมีค่าไป จึงมักเลือกเอาผู้ชายใกล้มือ ซึ่งตามปกติแล้วพวกเธอจะไม่เลือก”
เพื่อให้แน่ใจว่า ความกลัวเช่นนั้นจะไม่ผลักดันการตัดสินใจของคุณ ก็ให้ถามตัวเองว่า คุณจะยังอยู่กับเขาไหม ถ้าคุณสาวกว่านี้ ถ้าคำตอบของคุณไม่หนักแน่นอย่าง “อยู่แน่นอนค่ะ” ละก็ โปรดระลึกไว้ว่า การอยากแต่งงานของคุณมันก็แค่กลัวว่าจะพลาดนาทีทอง แล้วจะต้องอยู่คานทองนิเวศตามลำพังไปตลอดชีวิต เท่านั้นเอง
ถ้าคุณปรารถนาที่อยากจะมีลูกจนตัวสั่น ก็ให้รู้ไว้ว่า การแต่งงานตามประเพณี แล้วจะทำให้พวกคุณอยู่กินกันจนแก่เฒ่านั้น มันใช้ไม่ได้ในยุคนี้แล้ว และในที่สุดลูกๆ ของคุณนั่นแหละที่น่าสงสารที่สุด เมื่อพ่อ-แม่ ของพวกเขาต้องแยกทางกัน เพราะความใจเร็วด่วนได้ของคุณเองแท้ๆ ที่ทำให้เลือกแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ใช่
*ท้ายแถม สำรวจความกังวลใจของคุณให้ถ่องแท้
คุณจะบอกได้ไงว่า ความกระวนกระวายใจของคุณมันเป็นแค่เรื่องประเดี๋ยวประด๋าว หรือว่าเป็นญาณทัศน์ของคุณที่กำลังพยายามบอกคุณว่าคุณกำลังตัดสินใจผิดพลาด?
จงไตร่ตรองให้ถ่องแท้เมื่อคุณเกิดความกังวลใจขึ้นมา ว่ามันเกิดขึ้นในระหว่างการพูดถึงงานแต่ง หรือในตอนที่คุณกำลังพูดถึงว่าที่เจ้าบ่าวของคุณ
“เมื่อใกล้จะถึงวันวิวาห์ การพูดถึงคู่หมั้นของคุณควรทำให้ใจของคุณสงบและมีความสุข” ดร.เอลิซาเบธ กล่าว “มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณกังวลเรื่องพิธีสมรส หรืองานเลี้ยงฉลองอันเอิกเกริก ไม่ใช่กังวลเกี่ยวกับตัวเจ้าบ่าวของคุณ”
และอีกอย่าง “คุณไม่ควรถามตัวเอง หรือเพื่อนๆ ของคุณว่า “ฉันจะรู้ได้ไงว่าเขาคือ ผู้ชายที่ใช่หรือเปล่า?”
เพราะมันก็คล้ายๆ กับ orgasm นั่นแหละ ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าบรรลุจุดสุดยอดไปแล้วหรือยัง ก็แสดงว่าคุณยังไม่ได้บรรลุหรอก
เธอเสริมว่า “ถ้าหลังจากคิดดูแล้ว คุณก็ยังไม่แน่ใจว่า เขาคือผู้ชายที่ใช่ เขาก็น่าจะไม่ใช่”
ตามกฎของเมอร์ฟี (Murphy's law) เป๊ะ
เพราะฉะนั้น VOTE NO ให้เขาไปเล้ย พี่น้องเอ๊ย!
6 วิธีพิจารณา.. เขาคือผู้ชายที่สมควรแต่งงานด้วยหรือไม่(2)
6 วิธีพิจารณา.. เขาคือผู้ชายที่สมควรแต่งงานด้วยหรือไม่(1)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
5. ถ้าไม่มีซู่ซ่า ก็ลืมได้เลย
เมื่อพูดถึงเรื่องของค่านิยมร่วม ก็ต้องไม่ลืมความจริงข้อสำคัญนี้ คือ มันจำเป็นต้องมีความซู่ซ่า
“ในยุคเศรษฐกิจอันไม่แน่นอนเช่นนี้ มันก็ง่ายสำหรับผู้หญิงที่จะบอกตัวเองว่า ความมั่นคงสำคัญกว่าความเสน่หา แต่คุณจำเป็นต้องมีปฏิกิริยาเคมีสำหรับทำให้ความสัมพันธ์มันได้ผล” เจนนิเฟอร์ โกเวน กล่าว
แน่ละ ถ้าคุณทั้งสองอยู่ด้วยกันมาเป็นปีๆ คุณก็ไม่จำเป็นต้องปล้ำฟัดอีกฝ่ายอย่างเร่าร้อนในทันทีที่เข้าประตูบ้าน แต่แรงกระตุ้นที่จะเปลื้องเสื้อผ้าของกันและกันออกนั้น ควรจะเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว
“การแต่งงานที่ประสบความสำเร็จ หมายถึง การเป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อนสนิท” ดร.เอลิซาเบธ บอก “แม้ว่าเซ็กซ์อันเยี่ยมยอดจะไม่ทำให้ปัญหาต่างๆ หมดไปก็จริงอยู่ แต่มันสามารถเป็นเบาะลดแรงกระแทกในความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองในช่วงเวลาอันยากลำบากได้”
เพราะฉะนั้น ถ้าคุณไม่รู้สึกซู่ซ่าทางเซ็กซ์กับผู้ชายของคุณ ก็ลืมเขาได้เลยเช่นกัน
6. ฉีกปฏิทินวันแต่งงานของคุณทิ้งซะ
“ถ้าคุณสะกิดถามผู้หญิงคนหนึ่งว่า คิดจะแต่งงานเมื่ออายุเท่าไร เธอมักจะยอมรับว่ามีตัวเลขอยู่ในใจแล้ว ซึ่งนั่นก็คือ อายุที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเธอ” เจนนิเฟอร์กล่าว ไม่ว่าตัวเลขนั้นจะอยู่บนพื้นฐานของการแข่งกับเวลาในชีวิตของคุณ หรือด้วยเหตุผลอื่นๆ เช่น พี่สาวของคุณแต่งงานเมื่ออายุเท่านั้นเท่านี้ก็ตาม
ความคิดที่จะต้องแต่งงานให้ได้ตามกำหนดเวลาของคุณเช่นนี้แหละที่จะมีอิทธิพลครอบงำคุณตลอดเวลา และทำให้คุณมีความเสี่ยงสูงในการแต่งงานกับผู้ชายผิดตัว ขณะที่กำหนดวันในปฏิทินของคุณใกล้เข้ามาทุกที บางคนถึงขนาดลดสเป็คลงมาเหลือแค่ “ใครก็ได้วะที่เป็นผู้ชาย”
“เมื่อผู้หญิงรู้สึกว่าพวกเธอเลยกำหนดการเป็นเจ้าสาวที่ตั้งไว้แล้ว พวกเธอก็มีแนวโน้มว่าจะลงเอยกับผู้ชายเกือบดี” เจนนิเฟอร์บอก “พวกเธอกลัวการสูญเสียเวลาอันมีค่าไป จึงมักเลือกเอาผู้ชายใกล้มือ ซึ่งตามปกติแล้วพวกเธอจะไม่เลือก”
เพื่อให้แน่ใจว่า ความกลัวเช่นนั้นจะไม่ผลักดันการตัดสินใจของคุณ ก็ให้ถามตัวเองว่า คุณจะยังอยู่กับเขาไหม ถ้าคุณสาวกว่านี้ ถ้าคำตอบของคุณไม่หนักแน่นอย่าง “อยู่แน่นอนค่ะ” ละก็ โปรดระลึกไว้ว่า การอยากแต่งงานของคุณมันก็แค่กลัวว่าจะพลาดนาทีทอง แล้วจะต้องอยู่คานทองนิเวศตามลำพังไปตลอดชีวิต เท่านั้นเอง
ถ้าคุณปรารถนาที่อยากจะมีลูกจนตัวสั่น ก็ให้รู้ไว้ว่า การแต่งงานตามประเพณี แล้วจะทำให้พวกคุณอยู่กินกันจนแก่เฒ่านั้น มันใช้ไม่ได้ในยุคนี้แล้ว และในที่สุดลูกๆ ของคุณนั่นแหละที่น่าสงสารที่สุด เมื่อพ่อ-แม่ ของพวกเขาต้องแยกทางกัน เพราะความใจเร็วด่วนได้ของคุณเองแท้ๆ ที่ทำให้เลือกแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ใช่
*ท้ายแถม สำรวจความกังวลใจของคุณให้ถ่องแท้
คุณจะบอกได้ไงว่า ความกระวนกระวายใจของคุณมันเป็นแค่เรื่องประเดี๋ยวประด๋าว หรือว่าเป็นญาณทัศน์ของคุณที่กำลังพยายามบอกคุณว่าคุณกำลังตัดสินใจผิดพลาด?
จงไตร่ตรองให้ถ่องแท้เมื่อคุณเกิดความกังวลใจขึ้นมา ว่ามันเกิดขึ้นในระหว่างการพูดถึงงานแต่ง หรือในตอนที่คุณกำลังพูดถึงว่าที่เจ้าบ่าวของคุณ
“เมื่อใกล้จะถึงวันวิวาห์ การพูดถึงคู่หมั้นของคุณควรทำให้ใจของคุณสงบและมีความสุข” ดร.เอลิซาเบธ กล่าว “มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณกังวลเรื่องพิธีสมรส หรืองานเลี้ยงฉลองอันเอิกเกริก ไม่ใช่กังวลเกี่ยวกับตัวเจ้าบ่าวของคุณ”
และอีกอย่าง “คุณไม่ควรถามตัวเอง หรือเพื่อนๆ ของคุณว่า “ฉันจะรู้ได้ไงว่าเขาคือ ผู้ชายที่ใช่หรือเปล่า?”
เพราะมันก็คล้ายๆ กับ orgasm นั่นแหละ ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าบรรลุจุดสุดยอดไปแล้วหรือยัง ก็แสดงว่าคุณยังไม่ได้บรรลุหรอก
เธอเสริมว่า “ถ้าหลังจากคิดดูแล้ว คุณก็ยังไม่แน่ใจว่า เขาคือผู้ชายที่ใช่ เขาก็น่าจะไม่ใช่”
ตามกฎของเมอร์ฟี (Murphy's law) เป๊ะ
เพราะฉะนั้น VOTE NO ให้เขาไปเล้ย พี่น้องเอ๊ย!
6 วิธีพิจารณา.. เขาคือผู้ชายที่สมควรแต่งงานด้วยหรือไม่(2)
6 วิธีพิจารณา.. เขาคือผู้ชายที่สมควรแต่งงานด้วยหรือไม่(1)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net