xs
xsm
sm
md
lg

คือสายใยและไออุ่น...ในหัวใจ ‘ณัฐอร ลิมปิชาติ’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
     แดดยามบ่ายไม่เพียงขับเน้นประตูไม้บานโตให้แลดูขึ้นเงา หากความร้อนแรงจัดจ้าของไอแดดยังช่วยเน้นให้หญิงสาวในเสื้อสีเหลืองอ่อนกับกางเกงผ้าลายดอกไม้แลดูโดดเด่นเกินใคร

 
     เธอคือ ณัฐอร ลิมปิชาติ หรือ พาย หลานสาวคนสวยของหม่อมราชวงศ์ ศรี โสณกุล หรือ ท่านผู้หญิงศรี ลิมปิชาติ ที่ปรึกษาองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO (Food and Agriculture Organization of the Uniteds Nations) สตรีผู้เป็นคู่ชีวิตของ ประพจน์ ลิมปิชาติ สุภาพบุรุษสูงอายุที่ร่วมกันปกปักดูแลบุตรหลานทั้ง 12 ชีวิตในบ้านหลังใหญ่ให้มีแต่ความร่มเย็น และพายก็คือหนึ่งในนั้น ลูกนกตัวน้อยที่เริ่ม ‘หัดบิน’ สู่แวดวงสังคมอันเปรียบเสมือนโลกกว้างซึ่งต่างไปจากรั้วรอบขอบบ้านซึ่งมีพ่อแม่ปู่ย่าคอยดูแล 
 
    
     “บ้านของพายมีสมาชิกในบ้าน 14 คน มีพายเป็นหลานคนโต พายเป็นลูกคนเดียวของคุณพ่อคุณแม่ค่ะ แต่ที่บ้านก็มีครอบครัวของคุณอาและลูกๆ ของคุณอาด้วย ทุกคนเป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทสนมกับพายเหมือนพี่น้องแท้ๆ เลยค่ะ มีคุณปู่คุณย่าที่ทุกคนในครอบครัวรักและเคารพ บางวันสมาชิกบางคนในบ้านอาจไม่ว่างทานข้าวเย็นด้วยกัน แต่ไม่ว่ายังไงคุณปู่คุณย่าก็จะมารอทานข้าวกับลูกหลานทุกวัน”


 
     เธอบอกว่าความเป็นครอบครัวใหญ่ที่แน่นแฟ้น มีคุณปู่คุณย่าคอยห่วงใย มีคุณพ่อคุณแม่คอยให้ความรักความเอาใจใส่ มีคุณอาคอยถามไถ่ถึงการเรียน มีลูกพี่ลูกน้องที่รักใคร่กลมเกลียวราวกับพี่น้องร่วมสายเลือด ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ ทำให้เธอเติบโตขึ้นเป็นคนที่ไม่เคยรู้สึกว่า ตนเอง ‘ขาด’ อะไร เธอบอกกล่าวอย่างหนักแน่นว่าจิตใจของเธอ ‘อิ่ม’ และ ‘เต็ม’ ทั้งรู้จักใจตนเองอย่างดีชนิดที่ว่าเมื่อไหร่รู้สึกกังวล ไม่สบายใจ เธอไม่จำเป็นต้องใช้วิธีปาร์ตี้แบบแฮงก์เอาต์ ไม่ต้องเมามาย ไม่ต้องพึ่งพาผับบาร์หรือตะลอนหาแสงสียามค่ำคืนเพื่อให้ลืมเลือนเรื่องยุ่งยากใจหรือแม้จะมีเป้าหมายเพื่อความสนุกสนานครื้นเครงตามประสาวัยรุ่นก็ตามที
 
     พายยืนยันว่า นั่นไม่ใช่ ‘วิถี’ ของเธอ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอรู้สึกมีเรื่องไม่สบายใจ เมื่อนั้น...

 
     “พายจะไปขี่ม้าค่ะ พายเริ่มขี่ม้าตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เพราะที่บ้านพาไป บ้านพายขี่ม้ากันมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณย่าแล้ว ทุกคนในบ้านขี่ม้าเป็นหมด ทำให้พายชอบขี่ม้าไปด้วย และทุกครั้งที่พายขี่ม้าพายจะรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย จนถึงทุกวันนี้ ถ้ามีเวลาว่างพายก็ยังไปขี่ม้า รู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อนที่คุ้นเคย พายผูกพันกับม้านะคะ เวลาที่เราขี่ม้าเรากับม้าต้องสื่อใจถึงกัน เราสื่อถึงใจเขา เขาสื่อถึงใจเรา เราต้องมีจิตใจที่ผ่อนคลายแล้วก็ต้องใส่ใจเขาด้วย คงเพราะแบบนี้ พายก็เลยรู้สึกจิตใจสงบทุกครั้งที่ได้ขี่ม้า
     
     "การขี่ม้าไม่ใช่แค่กีฬา แต่เราต้องรับผิดชอบอีกชีวิตหนึ่ง ต้องมีวินัย ต้องดูแลเขา ป้อนอาหารให้เขาใช้เวลาด้วยกัน คลุกคลี ผูกพัน เพราะฉะนั้น เวลาที่พายเรียนหนัก หรือทะเลาะกับคนนั้นคนนี้ เวลาที่ไม่สบายใจแล้วได้อยู่กับม้า พายจะรู้สึกสงบ เหมือนเขาเป็นเพื่อนที่รับฟังเรา ฟังอย่างเดียวนะ ไม่พูด"

 
     แต่นอกจากขี่ม้าแล้วเธอยังหลงใหลกีฬาปีนหน้าผาจำลอง สนุกกับการหัดยิงปืน ทั้งยังหาเวลาไปเรียนรำไทยที่ ‘วังปลายเนิน’ ทุกๆ สัปดาห์ด้วย

 
     พายบอกว่ากีฬาที่แลดูผาดโผนในสายตาใครๆ นี้ กลับทำให้เธอรู้สึกสนุก ผ่อนคลาย และมีความสุขกับมันโดยไม่ต้องตระเวนไปปาร์ตี้แฮงก์เอาต์เช่นวัยรุ่นคนอื่นๆ เพราะเธอสนุกกับกีฬาเหล่านี้จนไม่คิดสนใจริลองเป็นผีเสื้อราตรีที่ดูเย้ายวนน่าสนุก แม้เพื่อนๆ วัยเดียวกันหลายคนอาจชื่นชอบวิถีที่ว่านั้น แต่พายก็ยืนยันว่า เธอพอใจกับความสนุกและความสุขในรูปแบบนี้ ซึ่งไม่เพียงเฉพาะกีฬาที่ใช้แรงกายหรือสัญชาติญาณอันผาดโผนเท่านั้น หากการฝึกฝนท่วงท่าอันอ่อนช้อย ฝึกปรือลมหายใจให้สอดประสานกับท่วงทำนองอันไพเราะ อย่างการ ‘รำไทย’ ก็เป็นสิ่งที่เธอเน้นย้ำว่า มีส่วนอย่างยิ่งในการควบคุมอารมณ์และจิตใจของเธอให้เปี่ยมไปด้วยสมาธิ เป็นความจดจ่อที่ตั้งมั่นและหลอมรวมอยู่กับรากเหง้าซึ่งบรรพบุรุษของไทยนับแต่โบราณกาลได้ถ่ายทอดไว้



 
 
     พายบอกว่า ในบรรดากิจกรรมยามว่างทั้งหมดทั้งมวลที่เธอสนใจ การรำไทย นับเป็นศาสตร์อันเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณที่ลึกซึ้งที่สุด ไม่เพียงการเรียนรู้เรื่องมารยาท ความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้หลักผู้ใหญ่ แต่เธอยังได้เรียนรู้ว่า ในแต่ละท่วงท่า ในแต่ละจังหวะของการก้าวย่าง ลมหายใจ ท่วงทำนองของดนตรีและความอ่อนช้อยของวงแขน การวางปลายเท้า ทุกประสาทสัมผัสต้องสอดประสานอย่างกลมกลืนไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่นิด
 
     “การรำไทยเป็นสิ่งที่ทำให้พายรู้สึกภูมิใจมาก ที่ได้เรียน พายว่านี่เป็นสิ่งที่เป็นไทย เป็นรากเหง้าของเรา ไม่มีอยู่ในชาติไหน และฝรั่งคนไหนๆ ก็รำไทยไม่ได้อย่างที่คนไทยรำ เพราะทุกจังหวะ ทุกทำนองของดนตรีไทย ต้องสอดรับกับแต่ละท่า และพายเชื่อว่ามีแต่คนไทยเท่านั้นที่ฟังแล้วเข้าใจ มีแต่คนไทยเท่านั้นที่สามารถเข้าใจได้ว่า ทำนองนี้ เราจะวางปลายเท้าไว้ตรงไหน วาดวงแขนไว้แค่ไหน ปลายนิ้ววางอยู่ระดับไหน เป็นศาสตร์ที่มีแต่คนไทยเท่านั้น ที่ทำได้ และพายภูมิใจที่พายมีส่วนสืบต่อภูมิปัญญานี้ ได้เรียนรู้ศาสตร์แขนงนี้”

 
     แดดยามบ่ายทอแสงจัดจ้าตามเข็มนาฬิกาที่หมุนเคลื่อน หญิงสาวตรงหน้าดูเก๋และสวยในแบบของเธอ ตามแบบฉบับของสาวรุ่นใหม่ที่เหมาะสมกันดีกับการศึกษาในคณะนิเทศศาสตร์และการฝึกงานในบริษัทโฆษณาที่เธอกำลังเรียนรู้
 
     แต่สิ่งที่ทำให้เธอแตกต่าง คือโลกภายในใจที่แสนสงบ ผ่อนคลาย ทั้งเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณอันหนักแน่นที่เธอได้รับมาจากการปลูกฝังของครอบครัวและทั้งที่ได้รับจากการเรียนรู้โลกหลากหลายมุม 
    
     ....ผ่านสายตาของเธอเอง                                   
 
                                   ..........
                           
                                 เรื่องโดย : นางสาวยิปซี
                                ภาพโดย :  ศิวกร เสนสอน
 
*ขอขอบคุณ สยามพารากอนและร้านคาเฟ่ ชิลลี่ เอื้อเฟื้อสถานที่  
กำลังโหลดความคิดเห็น