xs
xsm
sm
md
lg

ศรัยฉัตร ( กุญชรฯ ) จีระแพทย์ ‘เวิร์กกิ้งมัม’ กับพลังแห่งรัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
     “หนิงยอมรับค่ะ ว่าบางครั้งหนิงก็ปฏิเสธความเป็นวัตถุนิยมไม่ได้ เห็นกระเป๋าหรือเสื้อผ้าสวยๆ บางครั้งเราก็อยากได้ แต่สุดท้ายแล้ว ความสุขของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัตถุ แต่ความสุขเกิดขึ้นได้ง่ายๆ ในจิตใจของเรานี่เอง เพราะฉะนั้น การแสดงความรักที่หนิงมอบให้ลูกจึงไม่ใช่การทุ่มให้เขาด้วยวัตถุ ไม่ใช่สิ่งของ ไม่ใช่ของเล่น แต่คือความรักที่แสดงออกผ่านการกอด การหอม
ทราบไหมคะ? เราซื้อของเล่นตั้งมากมายให้เขา จริงๆ แล้วเด็กเขายังไม่รู้เรื่องหรอกค่ะหลายๆ อย่างเขาไม่ได้อยากได้ด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เขาชอบที่สุด ดีใจที่สุด และทำให้เขามีความสุขที่สุดก็คืออ้อมกอดจากคนเป็นแม่นี่แหละ”
 
     ใครหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตาและคุ้นเคยกับน้ำเสียงเจื้อยแจ้วของสาวร่างเล็กตาคมคนนี้
หนิง-ศรัยฉัตร (กุญชรฯ) จีระแพทย์ จากหลากหลายบทบาทที่เธอรับผิดชอบ ไม่ว่า การเป็นพิธีกรตามงานอีเวนต์ต่างๆ ที่มีอย่างต่อเนื่องราวกับเป็นงานประจำของเธอ ทั้งยังรับหน้าที่พรีเซ็นเตอร์และแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับอีกหลากหลายผลิตภัณฑ์ ขณะเดียวกันเธอและลูกสาวตัวน้อย ก็ร่วมกันจัดรายการเกี่ยวกับแม่และเด็ก ชวนแม่ลูกหลายต่อหลายคู่มาพูดคุยถึงเรื่องราวความรักในครอบครัว

 
     วันนี้...ไม่มีแม่ลูกคู่ไหนมาร่วมสนทนา เพราะเราไม่ได้ชวนเธอมาทำหน้าที่พิธีกรงานอีเวนต์หรือดำเนินรายการโทรทัศน์ แต่สิ่งที่ผู้มาเยือนต้องการจากเธอก็คือ เรื่องราวของตัวเธอเองซึ่งนอกเหนือไปจากบทบาทความเป็น ‘เวิร์กกิ้งวูแมน’ และนอกเหนือไปจากการเป็นภรรยาคนสวยของสามีสุดรัก
 
     สิ่งที่ชักนำให้เรามาพบกับเธอในวันนี้ไม่ใช่เพียงเพราะบทบาทเหล่านั้น แต่เพราะความสนใจที่มีต่อบทบาทสำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ นั่นคือ การเป็น ‘แม่’ ผู้ให้กำเนิด อันถือเป็นบทบาทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิง
 
     “ตอนนี้น้องเบลล่า อายุ 3 ขวบครึ่งแล้ว เมื่อตอนที่หนิงคลอดน้องใหม่ๆ โดยเฉพาะช่วงสัปดาห์แรกที่คลอดเขาออกมา หนิงรู้สึกว่าลูกเป็น ‘ศูนย์กลาง’ ของชีวิตหนิง เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เข้าใจดีที่สุดตอนนั้นเลยว่าแม่เรารักเรามากแค่ไหน อ๋อ...แม่รักเรามากขนาดนี้เอง"






 
     “หนิงรักลูกมาก รักมากจนต้องเตือนตัวเองว่า เราจะรักเขาอย่างไร? จึงจะถือเป็นรักที่ไม่ใช่การครอบครอง เราจะรักเขาอย่างไร? จึงจะเป็นความรักที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ เราต้องเตรียมยอมรับเมื่อถึงวันหนึ่งเขาโตขึ้นเป็นวัยรุ่น เริ่มมีโลก มีมุมมองของตัวเอง มีทางเดินในชีวิตของเขาเอง ทุกวันนี้ หนิงจึงต้องเตือนตัวเองว่า เมื่อถึงวันนั้น เราต้องมองความเปลี่ยนแปลงของเขาด้วยความเข้าใจ วันหนึ่งเขาต้องเติบโตและมีชีวิตอยู่ด้วยตัวเองให้ได้"
 
    
     เธอบอกว่า เธอเชื่อในพลังของความรักความอบอุ่นในครอบครัว เชื่อว่าการที่พ่อและแม่กอดและหอมลูกด้วยความรัก ความเอาใจใส่ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ลูกเติบโตขึ้นเป็นคนที่มีความมั่นคงในจิตใจ และนอกจากความรักความอบอุ่นแล้ว เธอก็เลือกที่จะปลูกฝัง ‘ศีลธรรม’ ให้ลูกตั้งแต่วันที่เขายังเล็ก
 
 
    
     “หนิงเชื่อว่ามันจะหล่อหลอมเขาได้ทีละนิด สอนให้เขาเป็นคนดี นึกถึงคนอื่น รู้จักแบ่งปัง และควบคุมจิตใจตัวเองได้ ทุกวันนี้ น้องเบลล่าก็ทำได้แล้วนะคะ บางอย่างก็กลายเป็นความเคยชินของเขาไปแล้ว เช่นเมื่อไหร่ที่มีคนมาแย่งของเล่น หนิงมักจะบอกลูกว่า ‘ถ้าเขาอยากเล่นก็ให้เขาไปนะลูก หนูกับเพื่อนจะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน’ "



 
     จากคำบอกเล่าของเธอ ทุกวันนี้ เมื่อน้องเบลล่าโดนแย่งของเล่น หรือเวลาเพื่อนๆ อยากได้ของเล่นของเขา น้องเบลล่าก็ยอมให้ยืม ไม่ทะเลาะกัน นี่เป็นสิ่งที่หนิงเห็นแล้วก็ภูมิใจในตัวลูก เขารับรู้ในสิ่งที่เราปลูกฝัง เธอถือว่านี่คือจุดเริ่มต้นของการเพาะนิสัยให้รู้จักแบ่งปัน รู้จักควบคุมจิตใจ ควบคุมอารมณ์ที่จะไม่โกรธ ไม่ทะเลาะ ไม่โมโหเพื่อน และเป็นจุดเริ่มต้นของการทำให้เขาเรียนรู้เรื่องการ ‘ปล่อยวาง’ ดังนั้น ทุกวันนี้ ไม่ว่าใครเห็นน้องเบลล่าก็มักจะชื่นชม ว่าน้องเป็นเด็กร่าเริง ช่างพูดช่างคุย และเป็นเด็กที่มีสุขภาพจิตดี
 
     “หนิงสอนให้ลูกรับรู้ว่าความสุขคืออะไร ความสุขไม่ได้เกิดจากการที่เราเป็นฝ่าย ‘ได้รับ’ เสมอไป ตั้งแต่ตอนที่ลูกอายุ 1 ขวบ หนิงพาเขาไปบ้านเด็กกำพร้า เพื่อปลูกฝังให้ลูกรู้จักการแบ่งปัน เพื่อให้ลูกได้เห็นว่ายังมีเพื่อนๆ น้องๆ อีกหลายคนที่เขาไม่มีของเล่น ไม่มีขนม ดังนั้น หนูก็ต้องแบ่งขนม แบ่งของเล่นให้เพื่อน ๆ บ้าง และหนิงบอกได้เลยว่า วันนั้น ลูกของหนิงสนุกมาก เขาสนุกกับการแบ่งของเล่นให้เพื่อนๆ ”


 
 
     เธอบอกว่าเธอเชื่อมั่นในความรัก ความอบอุ่นและศีลธรรม เมื่อเราค่อยๆ บ่มเพาะสิ่งเหล่านี้ลงไปในใจลูก จะทำให้ลูกเติบโตขึ้นเป็นคนดีและอยู่รอดในสังคมได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง
 
     “หนิงเชื่อว่า เมื่อถึงวันที่ลูกโตขึ้น ‘ศีลธรรม’ จะเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา เพราะศีลธรรมจะช่วยให้เขาสามารถควบคุมจิตใจตนเองได้ เช่น เมื่อเขาได้พบเจอสังคมที่เต็มไปด้วยวัตถุนิยมยิ่งกว่านี้ หรือได้เจอกับคนรอบตัวเขาที่มีแต่ของใช้แพงๆ การมีศีลธรรมอยู่ในใจ จะทำให้ลูกของเราไม่คิดแข่งขันกับใคร แน่นอน อาจจะรู้สึกชื่นชมยินดีด้วย แต่ลูกจะไม่เกิดความอิจฉาริษยา หรือหลงใหลไปกับวัตถุ หนิงเชื่อว่าความรัก ความอบอุ่นและศีลธรรมที่เราค่อยๆ ปลูกฝังลงในจิตใจของเขา จะทำให้ลูกเติบโตขึ้นเป็นคนดีและอยู่รอดในสังคมได้อย่างเข้มแข็ง”
 
    ‘เวิร์คกิ้งวูแมน’ ที่กลายเป็น ‘เวิร์คกิ้งมัม’ ของเจ้าหญิงตัวน้อยๆ วัยสามขวบครึ่ง บอกเล่าแนวคิดและวิธีการเลี้ยงดูลูกน้อยของเธอให้คู่สนทนารับฟังอย่างเพลิดเพลิน

 
     ในความเพลิดเพลินมีความชื่นชมและในความชื่นชมก็เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นว่า อนาคตข้างหน้า เมื่อถึงวันที่เด็กหญิงผู้เป็นแก้วตาดวงใจเติบโตขึ้น ความรัก ความเอาใจใส่ที่ได้รับ คงทำให้เธอเติบโตเป็นสาวน้อยที่น่าเอ็นดู ทั้งยังเฉลียวฉลาด รู้เท่าทันโลกและสังคมรอบข้าง
 
     เติบโตขึ้นเป็นหญิงสาวที่ทั้งสวยและเก่ง ไม่แพ้คุณแม่ของเธอผู้มีนามว่า
     ...หนิง-ศรัยฉัตร ( กุญชรฯ ) จีระแพทย์
 
                                ...........
                      เรื่องโดย : นางสาวยิปซี
                        ภาพโดย : วรงค์กรณ์ ดินไทย

*หมายเหตุ เอื้อเฟื้อสถานที่ โรงแรมสยามเคมปินสกี้
กำลังโหลดความคิดเห็น