>>สาวหวานหน้าสวย ลูกสาวคนกลางจากสามพี่น้องทายาท บริษัทอสังหาริมทรัพย์ “ชดานินทร์” ตัดสินใจพลิกที่ดินผืนเปล่ายานประชาชื่นให้กลายเป็นคอมมิวนิตี้มอลล์สุดเก๋ “เออร์เบิน สแควร์” ที่เจ้าตัวบอกว่า “อยากให้เป็นบ้านหลังที่สาม รองจากบ้านและที่ทำงาน”
ผู้หญิงกับงานด้านตัวเลขที่อาศัยความละเอียดรอบคอบนั้นก็ดูเข้ากันดี แต่เมื่อเราพูดถึงผู้หญิงกับงานด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพพย์ ที่ต้องอาศัยทั้งความละเอียด ความแกร่ง และความมั่นใจคือความท้าทายที่สาวๆ หลายคนอยากพิสูจน์ฝีมือ เช่นเดียวกับ “ปุ้ย-นีรดา ชูพจน์เจริญ” ที่ขอพิสูจน์ฝีมือตัวเองด้วยคอมมิวนิตี้มอลล์ “เออร์เบิน สแควร์”
หลังจากที่เธอเรียนจบปริญญาโทคณะบริหารธุรกิจ สาขาการเงิน จากบอสตัน คอลเลจ ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอเลือกที่จะสร้างความท้าทายครั้งใหม่ให้กับตัวเอง และธุรกิจดั้งเดิมของครอบครัว ด้วยการแปลงที่ดินเปล่าขนาด 3.5 ไร่ ย่านประชาชื่น ของบริษัทชดานินทร์ให้กลายเป็นพลาซ่าสุดฮิพขนาดย่อม
ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองเห็นโอกาสว่า ณ ขณะนั้นย่านประชาชื่นที่เต็มไปด้วยโครงการที่อยู่อาศัยมากมาย แต่กลับไม่มีแหล่งหรือศูนย์รวมเหมือนพลาซ่า หรือที่เขาเรียกกันว่าคอมมิวนิตี้มอลล์ให้ผู้คนพักผ่อนหย่อนใจแม่แต่ที่เดียว นีรดาจึงตัดสินใจลงมือเริ่มต้นโครงการ์ “เออร์เบิน สแควร์” โดยทันที
เธอเล่าถึงการเริ่มต้นโครงการนี้ว่าไม่ได้เกิดขึ้นจากเพียงแค่ความอยากคิดอยากทำเฉยๆ แต่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบที่มีการทำวิจัย-วิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางธุรกิจของโครงการเป็นอย่างดี นั่นมาจากประสบการณ์ที่เธอเคยร่วมงานกับสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่างกสิกรไทยอยู่เกือบสองปี และความรู้ที่ได้จากปริญญาโทด้านการเงินที่อเมริกา ก็นำมาประยุกต์ใช้ในฐานะผู้บริหารโครงการอย่างเต็มที่
อีกสิ่งหนึ่งที่เธอใช้เป็นหลักสำหรับการบริหารโครงการ “เออร์เบิน สแควร์” มาโดยตลอดนั่นก็คือแนวคิดที่ว่า “การดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดจากเจ้าของสำคัญมากที่จะพาธุรกิจเดินไปข้างหน้าได้” ความใกล้ชิดที่เธอมอบให้กับโครงการนี้ก็เรียกได้ว่าตั้งแต่ยังไม่เริ่มลงเสาเข็มด้วยซ้ำที่เธอเฝ้าติดตามทุกขั้นตอนไม่ว่าจะเป็นเริ่มต้นด้วยการทำวิจัย วิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางธุรกิจ สรรหาคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง หาผู้ค้าสำหรับมาเช่าพื้นที่ ไปจนถึงการดูแลควบคุมการก่อสร้างโดยตลอดทุกสัปดาห์ อย่างต่อเนื่องจนกลายเป็น “เออร์เบิร์น สแควร์” อย่างที่เราเห็นในทุกวันนี้ก็ใช้เวลาไปทั้งหมดร่วมสองปีทีเดียว
ผู้หญิงตัวเล็กๆ กับโครงการอสังหาริมทรัพย์มูลค่าเหยียบสองร้อยล้านนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะแม้ตัวโครงการจะก่อสร้างเสร็จแล้วก็ตามแต่งานของปุ้ย-นีรดา นั้นยังไม่จบแถมยังเป็นความท้าทายอีกขั้นที่เธอจะตองพิสูจน์ฝีมือ ที่จะให้โครงการประสบความสำเร็จได้ในระยะยาว
โดยเธอบอกกับเราว่า อาจจะเป็นคนเริ่มต้นโครงการนี้ และเป็นคนวางคอนเซ็ปต์หลักว่าจะต้องออกมาเป็นอย่างไร แตอีกสิ่งที่เธอให้ความสำคัญนั่นคือ “ทีมงาน” เพราะเธอมีความคิดอยู่ตลอดเวลาว่าไม่ว่างานจะขนาดไหนก็ตาม เล็ก หรือใหญ่ ถ้าหากขาดผู้ร่วมงานหรือทีมงานที่ดีแล้ว งานนั้นก็ยากที่จะสำเร็จ ดังนั้นเธอจึงพิถีพิถันเป็นอย่างมากในการเลือกทีมงานแต่ละคน แต่เธอก็รับประกันว่า ใครก็ตามที่ได้รับเลือกเข้ามาเป็นหนึ่งในทีมงานแล้ว เธอก็จะดูแลทีมงานนั้นด้วยความเข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดี
นอกจากความละเอียด ความเอาใจใส่ และการเฟ้นหาทีมงานที่รู้ใจแล้ว นีรดายังนำเอาหลักพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ในการทำงานอีกด้วย “งานทุกงานก็ต้องมีปัญหาเกิดขึ้นทั้งนั้น ซึ่งตัวเองก็พยายาจัดการปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ด้วยหลักทางพุทธศาสนา นั่นคือ รู้จักเหตุของปัญหา ก็จะทำให้เรารู้วิธีแก้ปัญหา และทางสายกลางกับสมาธิจะช่วยให้เราแก้ปัญหาได้สำเร็จ”
แม้ในวันนี้โครงการเออร์เบิร์น สแควร์ จะเป็นรูปเป็นร่างให้ผู้คนที่ผ่านไปแถวประชาชื่นได้สัมผัสกันแล้ว แต่นีรดากลับบอกกับเราว่ายังมีความท้าทายอีกหลายอย่างที่รอพิสูจน์ฝีมือการบริหารของเธออยู่ ซึ่งเธอเองก็พร้อมที่จะพิสูจน์เพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่าเส้นทางธุรกิจที่เธอตัดสินใจเริ่มต้นนั้นจะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างที่ตั้งใจไว้ :: Text by FLASH mag.
Fact File
ชื่อเล่น :: ปุ้ย
อายุ :: 30 ปี
การศึกษา ::
:: ปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจ ภาคภาษาอังกฤษ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
:: ปริญญาโท สาขาการเงิน คณะบริหารธุรกิจ บอสตัน คอลเลจ ประเทศสหรัฐอเมริกา
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net