มีโอกาสเจอะเจอ ‘ปณต สิริวัฒนภักดี’ ลูกชายคนเล็กของ เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี
ในงานแถลงข่าวเปิดตัวโปรเจ็กต์บิ๊กเบิ้มที่เพียงเฟสแรกก็มีมูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทแล้ว นั่นคือโครงการ ‘เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์’ ( ASIATIQUE The Riverfront ) คอมมูนิตี้มอลล์ขนาดใหญ่กินพื้นที่ 70 กว่าไร่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในย่านเก่าแก่อย่างเจริญกรุง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ราวปี 2012
การประกาศกร้าวของปณตต่อวิสัยทัศน์ที่มุ่งหวังให้ ‘เอเชีย ทีคฯ’ แห่งนี้ เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของภูมิภาคเอเชีย ทั้งหลายทั้งปวงทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า อะไร? ทำให้ลูกชายคนเล็กของเจ้าสัวเจริญ มั่นอกมั่นใจถึงเพียงนั้น เห็นทีเจ้าสัวเจริญคงหยิบยื่น ‘คัมภีร์ธุรกิจฉบับอภิมหารวย’ ให้ลูกชายคนนี้เป็นแน่
แล้วก็จริงดังว่า เพราะเมื่อมีโอกาสสอบถามปณตถึงวิสัยทัศน์หรือแนวคิดใดที่ผู้เป็นพ่อมอบให้แก่เขาในการทำโปรเจกต์สำคัญนี้ คำตอบที่ได้รับก็คือ
“โครงการนี้คนต้นคิดคือคุณพ่อเลยครับ วิสัยทัศน์ทั้งหมดเริ่มต้นจากท่านเลย”
ปณตเล่าว่าย้อนกลับไปเมื่อราว 2 ปีก่อน คุณพ่อหรือท่านประธานที่เขาเคารพรัก ได้เล็งเห็นถึงคุณประโยชน์อันมหาศาลของพื้นที่ริมน้ำย่านเจริญกรุงแห่งนี้ที่ตระกูลสิริวัฒนภักดีครอบครองอยู่ แต่จะเพิ่มมูลค่าหรือพัฒนาอย่างไร? ให้มีความน่าสนใจ โดดเด่น ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน
นั่งขบคิดไม่นาน ท่านประธานก็ระบุลงไปแบบชัดๆ ว่า สิ่งที่จะทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใหม่สดซิงนี้แห่งนี้ เรียกความสนใจในระดับแลนด์มาร์คแห่งเอเชียได้ก็ย่อมต้องนำเสนอจุดขายที่แสดงให้เห็นชัดเจนถึงความเป็น ‘สยาม’ ที่พร้อมเปิดรับนานาอารยประเทศ
และแน่นอนว่า เมื่อสืบค้นลงไปในประวัติศาสตร์ชาติไทย ก็พบว่าย่านดังกล่าวเป็นประตูแห่งการค้าที่เป็นท่าส่งออกสำคัญในช่วงที่ไทยเริ่มติดต่อทำการค้ากับเดนมาร์ค ในรัชสมัยของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง
และนั่น คือที่มาของโปรเจ็กต์พันล้านที่ปณตในฐานะรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส แห่ง บริษัท ทีซีซี แลนด์ ซึ่งรับหน้าที่ดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดของตระกูล ตอบรับนโยบายของบิดาบังเกิดเกล้าเพื่อพัฒนาให้เป็นรูปเป็นร่างร่วมกับทีมงานที่เขาเชื่อมือ
ก่อเกิดเป็นโครงการซึ่งยังคงความตั้งใจของเจ้าสัวเจริญไว้อย่างครบถ้วน นั่นคือ การก่อสร้างด้วยสไตล์โคโลเนียล ในสมัยรัชกาลที่ 5 ทั้งต่อยอดด้วยการจำลองบรรยากาศย่านการค้าสำคัญของสยามยุคนั้นมาไว้อย่างน่าสนใจ โดยแบ่งเป็น 4 ย่าน 4 คอนเซ็ปต์ คือย่านเจริญกรุง ย่านกลางเมือง ย่านโรงงาน และย่านริมน้ำ ซึ่งแต่ละย่านจะมีร้านค้าที่จำแนกกันไปตามกลุ่มเป้าหมาย
ปณตกล้าที่จะยอมรับว่าโปรเจ็กต์นี้ ‘ขายความเป็นไทย’ เพื่อดึงความสนใจจากชาวต่างชาติให้หลั่งไหลเข้ามาไม่น้อยกว่าคนไทยทุกเพศ-วัย
เขามั่นใจว่า คอมมูนิตี้ มอลล์ ที่รวมความเป็นสยามยุคเก่าก่อนเอาไว้โดยผสานกับความทันสมัยนี้ จะก้าวสู่การเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์ที่ไม่เพียง ‘เป็นหนึ่งในไทย’ แต่ยัง ‘เป็นหนึ่งในเอเชีย’ ด้วยมูลค่ารวมทั้งโครงการไม่น้อยกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณสำหรับเฟสแรกก็ทุ่มไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท
แม้ทุกสิ่งที่ว่ามาจะยังไม่มีสิ่งใดแล้วเสร็จสมบูรณ์เป็นรูปธรรม แต่ความเชื่อมั่นที่เขาเน้นย้ำก็แสดงให้เห็นว่า ลูกชายคนสุดท้องของแลนด์ลอร์ดเมืองไทยผู้นี้ ไม่เพียงเชื่อมั่น-เชื่อใจในทีมงานที่ร่วมกันดูแลโปรเจ็กต์เอเชีย ทีค ฯ
แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ปณตเชื่อมั่นอย่างยิ่งก็คือ วิสัยทัศน์ของท่านประธานผู้มีนามว่า ‘เจริญ สิริวัฒนภักดี’ นั่นเอง
..............
เรื่องโดย : นางสาวยิปซี
ภาพโดย : ศิวกร เสนสอน