หลังจากเก็บสะสมสิ่งละอันพันละน้อย ที่ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับทุกๆ จังหวะของชีวิตมาตลอด 60 ปี ก็ถึงเวลาที่ของสะสมในกรุแห่งความรักผูกพัน และเต็มไปด้วยคุณค่าทางใจของ โชคชัย บูลกุล เจ้าของตำนานคาวบอยไทย ผู้บุกเบิกฟาร์มโชคชัยอันเลื่องชื่อ จะถูกรวบรวมมาไว้ในที่เดียวกันอย่างมีความหมาย เพื่อถ่ายทอดถึงแนวทางการใช้ชีวิตเยี่ยงคาวบอย ตามแบบฉบับโชคชัย บูลกุล สู่สายตาสาธารณชน
โอกาสนี้ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธานเปิด พิพิธภัณฑ์โชคชัย อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงทรงกดปุ่มเปิดพิพิธภัณฑ์ ทรงปลูกต้นประดู่แดงเพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมทอดพระเนตรนิทรรศการชุด “หนึ่งชีวิต พลิกโชค ลิขิตชัย” ทรงลงพระนามและฉายพระรูปร่วมกับครอบครัวบูลกุล นำโดย โชคชัย บูลกุล,โชค-สู่ขวัญ บูลกุล,ชัย-ปริม บูลกุล และคณะผู้บริหารกลุ่มบริษัทฟาร์มโชคชัย และพิพิธภัณฑ์โชคชัย ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ
บนอาคาร 5 ชั้น อัดแน่นไปด้วยของรักของหวงที่วันนี้ โชคชัย บูลกุล ในวัย 74 ปี ผู้เป็นเจ้าของยินดีเรียงร้อยเรื่องราวในชีวิตของตัวเอง บอกเล่าประสบการณ์และความเป็นตัวตนผ่านของสะสมทุกชิ้นพร้อมเปิดประตูให้ทุกคนได้เข้าไปสัมผัส ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีทั้งของใช้ของลูกๆ โชค, อร และ ชัย บูลกุล ภาพถ่ายของครอบครัว ของสะสมแสนรักอย่างปืนผาหน้าไม้ขนาดต่างๆ กล้องและเลนส์ที่หาชมได้ยาก คริสตัลขนาดใหญ่ รถยนต์โบราณที่สะสมไว้ตั้งแต่วัยหนุ่มขนาดจริง และโมเดลรถในรุ่นเดียวกันที่หวงแหน ไปจนถึงการสตาฟฟ์ม้าตัวโปรด (เจ้ากลางดง) ที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุข เมื่อครั้งเดินเข้าป่าไปคนเดียว กับเงินติดตัวเพียงไม่กี่บาทเพื่อเข้าไปบุกเบิกกิจการ ให้ยังคงสภาพเหมือนจริงที่สุด และการจำลองสภาพชีวิตความเป็นอยู่แบบคาวบอย ที่ต้องพกปืนติดตัวตลอดเวลา พร้อมกับคำย้ำเตือนที่ว่า “ผมมีปืนเอาไว้ป้องกันตัวเองเท่านั้น” เพื่อยืนยันว่า ในชีวิตของผู้ชายที่ชื่อ โชคชัย บูลกุล ไม่เคยใช้ปืนฆ่าใคร แม้แต่สัตว์ก็ไม่เคยฆ่าแม้แต่ตัวเดียว
“ทั้งหมดนี้เป็นความตั้งใจของคุณพ่อ” โชค บูลกุล กล่าวว่า ถ้าเราอยู่ในครอบครัวนี้ทุกคนทราบดีว่า ความใฝ่ฝันสูงสุดของคุณพ่อคือ ทุกอย่างถูกรวบรวมไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้
“ทุกอย่างในชีวิตที่คุณพ่อผมทำมาทั้งหมด ก็เพื่อเป้าหมายตรงนี้คือ พิพิธภัณฑ์ที่จะบอกเล่าเรื่องราวในชีวิตของท่าน ให้เป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลัง ว่าแต่ละอย่างกว่าจะได้มาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องอาศัยเวลาและความพยายาม ซึ่งวันนี้ความฝันของท่านสำเร็จและเป็นจริงขึ้นมาได้ ทุกอย่างถูกรวบรวมไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้”
ด้าน ลูกชายคนเล็กก็ชื่นชมกับความฝันที่เป็นจริงของคุณพ่อไม่แพ้กัน และเมื่อต้องเอ่ยถึงความรู้สึกที่มีต่อพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ชัย บูลกุล กล่าวว่า ดีใจกับคุณพ่อที่ความฝันของท่านเป็นจริง ของหลายชิ้นในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เป็นของที่เราเห็นมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยสนใจ ประทับใจที่สุด คือ เรายังเห็นรองเท้าบู๊ตคู่นั้นที่เราเคยใส่มันตอนอายุไม่กี่ขวบ เราประทับใจที่พ่อรักเรา แม้แต่รองเท้าท่านก็ไม่อยากทิ้ง ยังเก็บมันเอาไว้
“เห็นสิ่งที่คุณพ่อทำ ตอนเล็กๆ เราไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเก็บ ต้องถ่ายรูปเราเยอะขนาดนี้ แต่พอโตขึ้นมา ผมเองก็ยังอยากจะทำแบบนี้ให้ลูกเลย เก็บของเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ไว้เตือนความทรงจำ ซึ่งผมคิดว่าของแบบนี้ ไม่มีใครเข้าใจ นอกจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์”
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net