>> เป็นข่าวกับดาราหนุ่มๆ มาถี่ยิบเลยทีเดียว สำหรับสาวนักบริหารคนเก่ง สุภี พงษ์พานิช ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและส่งเสริมการขาย ธนาคารไทยพาณิชย์ ไล่เรียงมาตั้งแต่ ฟิล์ม-รัฐภูมิ, โดม-ปกรณ์ ลัม กระทั่งล่าสุดพระเอกเขี้ยวเสน่ห์อย่าง อ๊อฟ-ชนะพล สัตยา ก็มีข่าวลือว่า คุณสุภีเธอทุ่มทุนซื้อรถยนต์หรูให้หนุ่มอ๊อฟเลยเชียว!
ท่ามกลางกระแสข่าวเม้าท์มอยหมุนเวียนไป น้อยครั้งนักที่นักบริหารคนดังฉายา “เจ้าแม่รูดปรื๊ด” จะเปิดใจให้สัมภาษณ์เรื่องราวคาราคาซังเหล่านี้แบบหมดเปลือก ชนิดคำต่อคำ
คุณสุภีหรือชื่อเล่น "คุณเป็ด" ออกตัวทันทีที่พบเราว่า “ปกติถ้าพี่ไม่ยิ้ม คนเขาว่าหน้าพี่ดุน่ะ พี่เลยชอบยิ้มไว้ก่อน” เมื่ออธิบายมูลเหตุที่มาของใบหน้าเปื้อนยิ้มกันแล้ว การสนทนาที่เราขอถามจริง เธอขอตอบตรง! ก็เริ่มขึ้น
ถาม: ไม่ได้เป็นดารา แต่มีข่าวฉาวเนืองๆ รู้สึกอย่างไร
ตอบ: จริงๆ ตัวพี่ไม่ค่อยอ่านข่าวที่ถูกพาดพิงนะ ที่รู้ข่าวก็คือ มีคนมาเล่าให้ฟังมากกว่า ซึ่งพอรู้ข่าวว่าโดนพาดพิงกับคนโน้นคนนี้ พี่ก็งงๆ คิดว่าตัวพี่ไม่ใช่ดารานะ ทำไมถึงเป็นข่าวขึ้นมาได้ หลังจากมีข่าวก็มีคนโทรมาให้กำลังใจเยอะมาก ซึ่งทำให้เราปลื้มใจว่า ในขณะที่ด้านนึงเราถูกพาดพิงเสียหาย แต่คนที่รู้จักตัวตนของเราจริงๆ เขาไม่เชื่อ และพร้อมให้กำลังใจเรา แค่นี้มันก็ทำให้มีกำลังใจมากขึ้นแล้ว
ถาม: ทำไมถูกพาดพิงบ่อยๆ คะ
ตอบ: นั่นสิ พี่ก็งง (หัวเราะ) แต่ถ้าให้เดา คงเป็นเพราะเราทำงานด้านการตลาดด้วย การพบเจอดารา มันจึงเป็นเรื่องปกติ แล้วพี่เป็นคนเข้ากับเด็กๆ ง่าย เพราะพี่มีลูกที่เป็นวัยรุ่น 2 คน พี่จะทำตัววัยรุ่นเหมือนลูก เปรี้ยวเหมือนลูกเลย เพราะเราอยากให้ลูกคุยกับเราได้ทุกเรื่อง ให้เราเป็นทั้งแม่ ทั้งเพื่อนของเขา ดังนั้นเพื่อนของลูกๆ จะสนิทกับพี่หมด ทีนี้พอมาเจอน้องๆ ที่เป็นดารา พี่ก็ให้ความสนิทสนมกับเขา พอสนิทกันมันก็เลยเป็นข่าวขึ้นมา พี่สนิทกับน้องๆ ในวงการบันเทิงหลายคนอย่าง นุ่น-วรนุช(ภิรมย์ภักดี), หนิง-ปณิตา(พัฒนาหิรัญ), บุ๋ม-ปนัดดา(วงศ์ผู้ดี), สนิทกันมาก แต่ก็ไม่เป็นข่าวนะ เป็นข่าวแต่กับน้องๆ ผู้ชาย ดวงพี่มันคงเป็นอย่างนั้นมั้ง
พี่อยู่ในส่วนงานโฆษณาและส่งเสริมการขาย ดังนั้นเราก็ต้องเจอกับน้องๆ ในวงการบันเทิงบ่อยเพราะต้องติดต่อเรื่องงาน ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต หรืออีเว้นท์ของธนาคาร และพี่เป็นคนไม่ชอบทำหน้านิ่งๆ หรือดุจนใครเข้าไม่ถึง งานพี่ต้องติดต่อพบปะใครต่อใครมากมาย รวมทั้งดารา นักร้อง ที่ต้องร่วมงานกัน ซึ่งเดี๋ยวนี้ทุกบริษัทจะใช้ศิลปินมาสร้างสีสันให้กับองค์กร พี่คิดว่า ถ้าเราให้ใจเขา คบกับเขาด้วยใจมันจะทำงานออกมาได้ดีกว่า ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะศิลปินดาราที่มาช่วยงานพี่ น่ารักทุกคน หลายคนจะบอกเลยว่ายินดีช่วยงานให้ ขอให้พี่เป็ดบอก อย่าง กฤษณ์(ศรีภูมิเศรษฐ์) กับมาช่า ทั้งสองคนเป็นน้องที่พี่สนิทและน่ารักทั้งคู่ พอพี่ขอให้ช่วยเขาก็โอเค ซึ่งนี่มันเป็นผลมาจากการที่พี่ให้ใจกับเขา เราไม่ได้คบกันแค่เรื่องงาน แต่เราคบกันเหมือนพี่ เหมือนเพื่อนมากกว่าค่ะ
ถาม: บุคลิกการแต่งตัวบวกอำนาจบารมี อาจทำให้มีคนหมั่นไส้อยู่พอสมควร?
ตอบ: มันคงมีแน่ ในบรรดาคนรักก็ต้องมีคนชัง พี่เป็นคนแต่งตัวเปรี้ยว คือ หน้าพี่น่ะเป็นป้าอยู่แล้ว พี่ก็อยากแต่งตัวให้มันเปรี้ยว จะได้ดูดีขึ้นมาบ้าง และที่มันเปรี้ยวจนเป็นข่าว ก็คงเพราะพี่สนิทกับดาราเยอะ เจอใครก็เป็นลูกเป็นน้องไปหมด ทีนี้พอเราเดินกับดารานักร้องหนุ่มๆ คนก็คงสงสัยว่า เอ๊ะ ทำไมดาราคนโปรดของฉันถึงมาเดินกับป้าคนนี้ แล้วก็อาจคิดไปต่างๆ นาๆ ทั้งที่จริงแล้วไม่มีอะไรเลย สนิทกันเหมือนลูก เหมือนน้องทั้งนั้น
พี่อยากบอกว่า คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจนะ เห็นพี่แต่งตัวเยอะ บางคนอาจไม่ถูกชะตา นึกว่าเป็นสาวนักเที่ยว แต่เชื่อมั้ยว่าตั้งแต่พี่เกิดจนทุกวันนี้พี่ดื่มแต่นม และเป็นคนไม่เคยเที่ยวดึกดื่น แอลกอฮอล์สักหยดไม่เคยตกถึงท้องพี่เลยนะ ดังนั้นพี่ถึงอยากบอกว่า คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ คุณเห็นภายนอกเป็นอย่างไร แท้จริงแล้วข้างในมันอาจไม่ได้เป็นอย่างนั้น เหมือนอย่างพี่ บางคนคิดว่าเป็นเจ้าแม่แต่งตัวเปรี้ยว แต่งตัวแรง แต่ตัวจริงพี่ออกห้าวๆ แมนๆ ด้วยซ้ำ
ถาม: ฉายาเจ้าแม่บุญทุ่ม มาได้ไงล่ะคะ
ตอบ: ขอปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง มันไม่ใช่เลย พี่จะเป็นคนที่ให้ใจมากกว่า แต่ถ้าเรื่องเงินทอง ไม่มีใครได้เงินจากพี่เลยนะ พี่เป็นคนประหยัดยืนยันได้ น้องๆ เสียอีกที่มีน้ำใจกับเรา อย่างวาเลนไทน์ปีก่อน ฟิล์ม-รัฐภูมิ เขาพาแฟนคลับมาอุดหนุนที่ร้านพี่ (ร้านน้ำแข็งใสและไอศกรีม) พอแฟนคลับทานเสร็จ ฟิล์มก็จ่ายค่าน้ำแข็งใสหมดเลย ยังแซวเขาเลย ว่าถ้ารู้ว่าเธอจ่ายจะเชียร์ให้น้องๆ กินเยอะกว่านี้
ถาม: แล้วข่าวที่ซื้อรถให้อ๊อฟ - ชนะพล?
ตอบ: ประเด็นนี้ขอเล่าก่อนว่า ครั้งแรกที่รู้จักอ๊อฟ (ชนะพล สัตยา) ก็คือ มีน้องคนหนึ่งที่รู้จักกับพี่ เขาเป็นแฟนคลับอ๊อฟ ก็โทรมาเล่าให้ฟังว่า พี่เป็ด น้องอ๊อฟเข้าโรงพยาบาล (ช่วงที่อ๊อฟผ่าตัดปอด) เสียค่ารักษาหลายแสนแล้ว สงสารน้องเค้าครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยอะไร พี่เป็ดรู้จักคนเยอะ ช่วยหน่อยได้มั้ย ตอนนั้นทั้งที่เราไม่ได้รู้จักอ๊อฟด้วยซ้ำ แต่ฟังเขาพูดแล้วสงสาร พี่เป็นคนอย่างนี้ไง ชอบช่วยเขาไปหมด จนมีคนให้ฉายาว่า “คิดไม่ออก บอกสุภี”
จากนั้น พี่ก็วานให้น้องสาว ที่รู้จักกับทางผู้บริหารโรงพยาบาลที่อ๊อฟรักษาอยู่ ช่วยเป็นธุระให้ สุดท้ายหลายฝ่ายก็เห็นใจ ช่วยลดค่ารักษาพยาบาลให้น้องเขา หลังออกจากโรงพยาบาล น้องเขาก็มาขอบคุณ เขาพูดกับพี่คำนึงว่า “ขอบคุณพี่มากครับ คนใกล้ตัวผมยังไม่มีใครช่วยด้วยซ้ำ แต่พี่ไม่รู้จักผม พี่กลับช่วยผมเต็มที่” คือ เขาซึ้งใจเรามาก ซึ่งเราก็คิดแค่นี้แหละ อะไรช่วยได้เราก็ช่วย ถึงไม่ได้ช่วยเป็นเงินแต่เราก็พยายามช่วยด้วยใจ กระทั่งแฟนคลับอ๊อฟรู้ข่าว เขาก็ขอบคุณเรา ยังทำป้ายไฟรูปเป็ดมาให้ด้วย บอกว่าแทนน้ำใจที่ช่วยอ๊อฟ นั่นแหละคือ จุดเริ่มต้นที่รู้จักน้องเขา
ส่วนประเด็นซื้อรถ อันนี้เกิดจากแฟนคลับคนเดิมที่สนิทกับอ๊อฟนี่แหละ โทรศัพท์มาถามว่า พี่เป็ด ถ้าอ๊อฟจะซื้อรถ โดยกู้เงินกับธนาคารที่พี่ทำอยู่ ดอกเบี้ยจะถูกกว่ามั้ย ดีกว่ามั้ย ซึ่งมันประจวบเหมาะกับที่สินเชื่อรถยนต์กับไทยพาณิชย์ กำลังจะทำแคมเปญประชาสัมพันธ์ เราก็เลยคุยกันว่า ถ้าได้อ๊อฟมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็ลงตัวนะ เพราะตรงกับกลุ่มเป้าหมายเลย คือ เป็นคนที่เพิ่งทำงาน แล้วต้องการรถไว้ใช้งาน แต่ไม่มีเงินก้อน พอสรุปลงตัวว่าอ๊อฟจะมาช่วยด้านประชาสัมพันธ์ให้ จึงแจ้งกับทางต้นสังกัด (ดัชชี่) โดยธนาคารให้ส่วนลดราคารถยนต์เป็นพิเศษ ส่วนที่เหลือน้องอ๊อฟก็ผ่อนต่อเอง เรื่องเป็นอย่างนี้ ดังนั้นยืนยันได้ว่า อ๊อฟไม่ได้รถฟรีแน่นอน ทุกวันนี้ยังผ่อนตามสัญญาสินเชื่อรถยนต์กับธนาคารอยู่ค่ะ
ถาม: เรื่องกิ๊กกับโดมล่ะคะ
ตอบ: เรื่องโดมนี่ยิ่งขำเลย จากที่ไม่เคยรู้จักกันเลย เลยได้รู้จักกัน จนสนิทกันทั้งโดมกับคุณแม่ ซึ่งการรู้จักกันครั้งแรก ก็จากข่าวนี่แหละ เมื่อมีโอกาสเจอกัน น้องก็เข้ามาขอโทษที่มีข่าวพาดพิงในทำนองนั้น นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่รู้จักกัน และโดมเองเป็นเด็กน่ารัก เขาเคารพเราในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง จากนั้นเราก็มีโอกาสทำงานร่วมกันตอนธนาคารไทยพาณิชย์ทำสินเชื่อบ้าน เราก็เชิญโดมกับแม่มาสัมภาษณ์ ว่าแม่ลูกมีวิธีการเลือกซื้อบ้านอย่างไร ก็เลยเป็นจุดที่ทำให้โดมและแม่ของโดมสนิทกับพี่
เรื่องที่เป็นกิ๊กกัน มันไร้สาระมากนะ พี่เองก็มีครอบครัว มีสามี มีลูก มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ แล้วพี่เป็นผู้ใหญ่แล้วรุ่นแม่เขาเลยนะ ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอก และถ้าถามคนที่ไทยพาณิชย์จะรู้เลยว่า ขนาดน้องเพ้นท์ (แฟนสาวของโดม) เขายังมาฝึกงานกับพี่เลย คือ เราสนิทกันหมด น้องเขาเป็นเด็กน่ารักทั้งคู่ แต่แค่คนเห็นว่าโดมมาสนิทกับคนที่มีอายุมากกว่า มันก็เป็นข่าวแล้ว โดยที่อาจจะลืมคิดไปว่า เด็กที่นิสัยดี นิสัยน่ารัก ก็สามารถสนิทกับผู้ใหญ่ได้
ถาม: มีอีกค่ะ ข่าวแอบปิ๊งตูมตาม เดอะสตาร์ 7 ล่ะคะ
ตอบ: ตูมตามนี่ไม่ค่อยรู้นะ เขาพาดพิงถึงพี่ว่าไงเหรอ? (เห็นบอกว่ากำลังเป็นกิ๊กใหม่) สงสารน้องเขานะ (หัวเราะ) สงสัยเหตุการณ์มันเกิดจากตอนที่พี่ต้องขึ้นไปมอบของที่ระลึกร่วมกับทุกสปอนเซอร์ ให้กับผู้เข้ารอบเดอะสตาร์นี่แหละ แล้วน้องแฟรงค์ (ภคชนก์ โวอ่อนศรี) ที่เป็นพิธีกรบนเวทีเดอะสตาร์ เขาแซวว่า ให้จับตาดูดีๆ ถ้าพี่เป็ดกอดใคร คนนั้นดังหมด เพราะปีที่แล้วกอดโตโน่ (ภาคิน คำวิลัยศักดิ์) โตโน่ก็ดังไง ตอนขึ้นเวทีพี่ก็เลยแกล้งด้วยการกอดน้องแฟรงค์ซะเลย คนก็เฮกันใหญ่ พอหลังมอบของที่ระลึกทุกคนเสร็จ ก่อนลงจากเวทีพอดีน้องตูมตามอยู่ข้างๆ ก่อนเดินลง พี่ก็กอดแสดงความยินดี บอกว่ายินดีด้วยนะ แล้วก็ลงจากเวทีเลย เพราะมันอยู่ใกล้กันแค่นั้น ไม่ได้มีอะไร ก็เท่านั้นเองค่ะ จริงๆ พี่แอบเชียร์สาวๆ เสียงดีทั้งนั้นเลยค่ะ
ทุกครั้งที่มีข่าวแบบนี้ น้องๆ ที่โดนพาดพิงกับพี่ ก็โทรให้กำลังใจกัน ก็ทั้งโดม ทั้งอ๊อฟ แหละ เพราะอย่างที่บอกว่าเราสนิทกันอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องของข่าว แต่กับน้องคนที่พี่ไม่รู้จักเขา อย่างตูมตาม พี่ก็อยากฝากบอกผ่านตรงนี้ด้วยว่า นี่แหละวงการมายา และนี่คือ สิ่งที่เราต้องเผชิญ ในการย่างก้าวเข้ามาทำงานตรงนี้ ขนาดพี่ไม่ได้อยู่ในวงการนี้ด้วยซ้ำ แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิต คิดเสียว่าเป็นการเรียนรู้การยืนอยู่บนเส้นทางนี้แล้วกัน มันเป็นการเรียนรู้ที่ดีนะ ทำใจยิ้มรับกับมัน แล้วเราก็จะพัฒนาความเข้มแข็งจิตใจของตัวเองได้
ถาม: ข่าวแรงอย่างนี้ ครอบครัวว่าไงคะ
ตอบ: ทั้งสามี (คุณจ้อย-เจตนา พงษ์พานิช) และลูก ไม่สนใจเรื่องแบบนี้เลย เขาพูดกับเราเสมอว่า แม่ไม่ต้องไปสนใจนะ เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง คือ สามีพี่เขาอยู่ในวงการข่าวสารมาตลอด เขาเป็นอดีตหัวหน้าสำนักข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย เขารู้ว่าวงการข่าวเป็นอย่างไร ฉะนั้นเขาจะบอกพี่เอาไว้เลย ว่าถ้าเราก้าวมาอยู่ในจุดที่มีชื่อเสียง เราต้องทำใจ และรับให้ได้ ดังนั้นเขาจะบอกพี่เสมอว่าไม่ต้องไปสนใจ เพราะมันไม่ใช่ความจริง จุดนี้ด้วยที่ทำให้พี่สบายใจ เพราะแค่คนที่เรารักเข้าใจ เจ้านายเข้าใจ และให้กำลังใจเรา มันก็ไม่มีอะไรต้องหนักใจแล้ว
ถาม: ในเมื่อมีข่าวฉาวแนวนี้บ่อยๆ คิดว่าต้องปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างไรบ้างมั้ยคะ
ตอบ: พี่ก็ยังคงเป็นพี่เหมือนเดิมนะ ส่วนเรื่องสามี มีคนแนะนำพี่เยอะ ว่าสงสัยต้องพาสามีออกงานสังคมให้เยอะขึ้น จะได้สยบข่าว แต่พี่ไม่ค่อยคิดแบบนั้น เพราะตัวพี่จ้อยเป็นคนไม่ชอบออกงาน พี่ก็ไม่อยากบังคับเขา แต่ถ้างานไหนเขาอยากไป เราก็ไปด้วยกัน พี่ว่าแค่นี้มันก็พอแล้ว เราอยู่ด้วยกันมา 20 กว่าปี มันมีความสุขอยู่แล้ว ไม่อยากเปลี่ยนอะไรที่ทำให้เขาลำบากใจ
ถาม: สุดท้ายอยากฝากอะไรมั้ยคะ
ตอบ: อยากฝากบอกไปยังผู้รับข่าวสารต่างๆ ว่าอย่าเชื่อในสิ่งที่คุณเห็นเพียงแวบเดียว หรือแม้แต่กระแสข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก็อยากให้ใช้วิจารณญาณในการตัดสินใคร พี่ไม่สามารถทำให้ทุกคนเชื่อในสิ่งที่พี่พูดได้ แต่ลึกๆ ก็อยากให้คนที่เกิดความสงสัย หรืออยากรู้จักตัวตนของพี่ เปิดโอกาสรับฟังในสิ่งที่พี่พูด หรือถ้าใครอยากรู้จัก อยากพูดคุยกับพี่ จะมาเจอกันที่ร้านปาร์ตี้ไอซ์ของพี่ที่เมเจอร์อเวนิวรัชโยธินก็ได้ ถึงจะไม่ได้มาอุดหนุนก็ไม่เป็นไร ถ้าเจอก็เข้ามาคุย เข้ามารู้จักตัวตนที่แท้จริงได้ค่ะ :: Text by LADY MANAGER
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
ท่ามกลางกระแสข่าวเม้าท์มอยหมุนเวียนไป น้อยครั้งนักที่นักบริหารคนดังฉายา “เจ้าแม่รูดปรื๊ด” จะเปิดใจให้สัมภาษณ์เรื่องราวคาราคาซังเหล่านี้แบบหมดเปลือก ชนิดคำต่อคำ
คุณสุภีหรือชื่อเล่น "คุณเป็ด" ออกตัวทันทีที่พบเราว่า “ปกติถ้าพี่ไม่ยิ้ม คนเขาว่าหน้าพี่ดุน่ะ พี่เลยชอบยิ้มไว้ก่อน” เมื่ออธิบายมูลเหตุที่มาของใบหน้าเปื้อนยิ้มกันแล้ว การสนทนาที่เราขอถามจริง เธอขอตอบตรง! ก็เริ่มขึ้น
ถาม: ไม่ได้เป็นดารา แต่มีข่าวฉาวเนืองๆ รู้สึกอย่างไร
ตอบ: จริงๆ ตัวพี่ไม่ค่อยอ่านข่าวที่ถูกพาดพิงนะ ที่รู้ข่าวก็คือ มีคนมาเล่าให้ฟังมากกว่า ซึ่งพอรู้ข่าวว่าโดนพาดพิงกับคนโน้นคนนี้ พี่ก็งงๆ คิดว่าตัวพี่ไม่ใช่ดารานะ ทำไมถึงเป็นข่าวขึ้นมาได้ หลังจากมีข่าวก็มีคนโทรมาให้กำลังใจเยอะมาก ซึ่งทำให้เราปลื้มใจว่า ในขณะที่ด้านนึงเราถูกพาดพิงเสียหาย แต่คนที่รู้จักตัวตนของเราจริงๆ เขาไม่เชื่อ และพร้อมให้กำลังใจเรา แค่นี้มันก็ทำให้มีกำลังใจมากขึ้นแล้ว
ถาม: ทำไมถูกพาดพิงบ่อยๆ คะ
ตอบ: นั่นสิ พี่ก็งง (หัวเราะ) แต่ถ้าให้เดา คงเป็นเพราะเราทำงานด้านการตลาดด้วย การพบเจอดารา มันจึงเป็นเรื่องปกติ แล้วพี่เป็นคนเข้ากับเด็กๆ ง่าย เพราะพี่มีลูกที่เป็นวัยรุ่น 2 คน พี่จะทำตัววัยรุ่นเหมือนลูก เปรี้ยวเหมือนลูกเลย เพราะเราอยากให้ลูกคุยกับเราได้ทุกเรื่อง ให้เราเป็นทั้งแม่ ทั้งเพื่อนของเขา ดังนั้นเพื่อนของลูกๆ จะสนิทกับพี่หมด ทีนี้พอมาเจอน้องๆ ที่เป็นดารา พี่ก็ให้ความสนิทสนมกับเขา พอสนิทกันมันก็เลยเป็นข่าวขึ้นมา พี่สนิทกับน้องๆ ในวงการบันเทิงหลายคนอย่าง นุ่น-วรนุช(ภิรมย์ภักดี), หนิง-ปณิตา(พัฒนาหิรัญ), บุ๋ม-ปนัดดา(วงศ์ผู้ดี), สนิทกันมาก แต่ก็ไม่เป็นข่าวนะ เป็นข่าวแต่กับน้องๆ ผู้ชาย ดวงพี่มันคงเป็นอย่างนั้นมั้ง
พี่อยู่ในส่วนงานโฆษณาและส่งเสริมการขาย ดังนั้นเราก็ต้องเจอกับน้องๆ ในวงการบันเทิงบ่อยเพราะต้องติดต่อเรื่องงาน ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต หรืออีเว้นท์ของธนาคาร และพี่เป็นคนไม่ชอบทำหน้านิ่งๆ หรือดุจนใครเข้าไม่ถึง งานพี่ต้องติดต่อพบปะใครต่อใครมากมาย รวมทั้งดารา นักร้อง ที่ต้องร่วมงานกัน ซึ่งเดี๋ยวนี้ทุกบริษัทจะใช้ศิลปินมาสร้างสีสันให้กับองค์กร พี่คิดว่า ถ้าเราให้ใจเขา คบกับเขาด้วยใจมันจะทำงานออกมาได้ดีกว่า ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะศิลปินดาราที่มาช่วยงานพี่ น่ารักทุกคน หลายคนจะบอกเลยว่ายินดีช่วยงานให้ ขอให้พี่เป็ดบอก อย่าง กฤษณ์(ศรีภูมิเศรษฐ์) กับมาช่า ทั้งสองคนเป็นน้องที่พี่สนิทและน่ารักทั้งคู่ พอพี่ขอให้ช่วยเขาก็โอเค ซึ่งนี่มันเป็นผลมาจากการที่พี่ให้ใจกับเขา เราไม่ได้คบกันแค่เรื่องงาน แต่เราคบกันเหมือนพี่ เหมือนเพื่อนมากกว่าค่ะ
ถาม: บุคลิกการแต่งตัวบวกอำนาจบารมี อาจทำให้มีคนหมั่นไส้อยู่พอสมควร?
ตอบ: มันคงมีแน่ ในบรรดาคนรักก็ต้องมีคนชัง พี่เป็นคนแต่งตัวเปรี้ยว คือ หน้าพี่น่ะเป็นป้าอยู่แล้ว พี่ก็อยากแต่งตัวให้มันเปรี้ยว จะได้ดูดีขึ้นมาบ้าง และที่มันเปรี้ยวจนเป็นข่าว ก็คงเพราะพี่สนิทกับดาราเยอะ เจอใครก็เป็นลูกเป็นน้องไปหมด ทีนี้พอเราเดินกับดารานักร้องหนุ่มๆ คนก็คงสงสัยว่า เอ๊ะ ทำไมดาราคนโปรดของฉันถึงมาเดินกับป้าคนนี้ แล้วก็อาจคิดไปต่างๆ นาๆ ทั้งที่จริงแล้วไม่มีอะไรเลย สนิทกันเหมือนลูก เหมือนน้องทั้งนั้น
พี่อยากบอกว่า คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจนะ เห็นพี่แต่งตัวเยอะ บางคนอาจไม่ถูกชะตา นึกว่าเป็นสาวนักเที่ยว แต่เชื่อมั้ยว่าตั้งแต่พี่เกิดจนทุกวันนี้พี่ดื่มแต่นม และเป็นคนไม่เคยเที่ยวดึกดื่น แอลกอฮอล์สักหยดไม่เคยตกถึงท้องพี่เลยนะ ดังนั้นพี่ถึงอยากบอกว่า คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ คุณเห็นภายนอกเป็นอย่างไร แท้จริงแล้วข้างในมันอาจไม่ได้เป็นอย่างนั้น เหมือนอย่างพี่ บางคนคิดว่าเป็นเจ้าแม่แต่งตัวเปรี้ยว แต่งตัวแรง แต่ตัวจริงพี่ออกห้าวๆ แมนๆ ด้วยซ้ำ
ถาม: ฉายาเจ้าแม่บุญทุ่ม มาได้ไงล่ะคะ
ตอบ: ขอปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง มันไม่ใช่เลย พี่จะเป็นคนที่ให้ใจมากกว่า แต่ถ้าเรื่องเงินทอง ไม่มีใครได้เงินจากพี่เลยนะ พี่เป็นคนประหยัดยืนยันได้ น้องๆ เสียอีกที่มีน้ำใจกับเรา อย่างวาเลนไทน์ปีก่อน ฟิล์ม-รัฐภูมิ เขาพาแฟนคลับมาอุดหนุนที่ร้านพี่ (ร้านน้ำแข็งใสและไอศกรีม) พอแฟนคลับทานเสร็จ ฟิล์มก็จ่ายค่าน้ำแข็งใสหมดเลย ยังแซวเขาเลย ว่าถ้ารู้ว่าเธอจ่ายจะเชียร์ให้น้องๆ กินเยอะกว่านี้
ถาม: แล้วข่าวที่ซื้อรถให้อ๊อฟ - ชนะพล?
ตอบ: ประเด็นนี้ขอเล่าก่อนว่า ครั้งแรกที่รู้จักอ๊อฟ (ชนะพล สัตยา) ก็คือ มีน้องคนหนึ่งที่รู้จักกับพี่ เขาเป็นแฟนคลับอ๊อฟ ก็โทรมาเล่าให้ฟังว่า พี่เป็ด น้องอ๊อฟเข้าโรงพยาบาล (ช่วงที่อ๊อฟผ่าตัดปอด) เสียค่ารักษาหลายแสนแล้ว สงสารน้องเค้าครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยอะไร พี่เป็ดรู้จักคนเยอะ ช่วยหน่อยได้มั้ย ตอนนั้นทั้งที่เราไม่ได้รู้จักอ๊อฟด้วยซ้ำ แต่ฟังเขาพูดแล้วสงสาร พี่เป็นคนอย่างนี้ไง ชอบช่วยเขาไปหมด จนมีคนให้ฉายาว่า “คิดไม่ออก บอกสุภี”
จากนั้น พี่ก็วานให้น้องสาว ที่รู้จักกับทางผู้บริหารโรงพยาบาลที่อ๊อฟรักษาอยู่ ช่วยเป็นธุระให้ สุดท้ายหลายฝ่ายก็เห็นใจ ช่วยลดค่ารักษาพยาบาลให้น้องเขา หลังออกจากโรงพยาบาล น้องเขาก็มาขอบคุณ เขาพูดกับพี่คำนึงว่า “ขอบคุณพี่มากครับ คนใกล้ตัวผมยังไม่มีใครช่วยด้วยซ้ำ แต่พี่ไม่รู้จักผม พี่กลับช่วยผมเต็มที่” คือ เขาซึ้งใจเรามาก ซึ่งเราก็คิดแค่นี้แหละ อะไรช่วยได้เราก็ช่วย ถึงไม่ได้ช่วยเป็นเงินแต่เราก็พยายามช่วยด้วยใจ กระทั่งแฟนคลับอ๊อฟรู้ข่าว เขาก็ขอบคุณเรา ยังทำป้ายไฟรูปเป็ดมาให้ด้วย บอกว่าแทนน้ำใจที่ช่วยอ๊อฟ นั่นแหละคือ จุดเริ่มต้นที่รู้จักน้องเขา
ส่วนประเด็นซื้อรถ อันนี้เกิดจากแฟนคลับคนเดิมที่สนิทกับอ๊อฟนี่แหละ โทรศัพท์มาถามว่า พี่เป็ด ถ้าอ๊อฟจะซื้อรถ โดยกู้เงินกับธนาคารที่พี่ทำอยู่ ดอกเบี้ยจะถูกกว่ามั้ย ดีกว่ามั้ย ซึ่งมันประจวบเหมาะกับที่สินเชื่อรถยนต์กับไทยพาณิชย์ กำลังจะทำแคมเปญประชาสัมพันธ์ เราก็เลยคุยกันว่า ถ้าได้อ๊อฟมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็ลงตัวนะ เพราะตรงกับกลุ่มเป้าหมายเลย คือ เป็นคนที่เพิ่งทำงาน แล้วต้องการรถไว้ใช้งาน แต่ไม่มีเงินก้อน พอสรุปลงตัวว่าอ๊อฟจะมาช่วยด้านประชาสัมพันธ์ให้ จึงแจ้งกับทางต้นสังกัด (ดัชชี่) โดยธนาคารให้ส่วนลดราคารถยนต์เป็นพิเศษ ส่วนที่เหลือน้องอ๊อฟก็ผ่อนต่อเอง เรื่องเป็นอย่างนี้ ดังนั้นยืนยันได้ว่า อ๊อฟไม่ได้รถฟรีแน่นอน ทุกวันนี้ยังผ่อนตามสัญญาสินเชื่อรถยนต์กับธนาคารอยู่ค่ะ
ถาม: เรื่องกิ๊กกับโดมล่ะคะ
ตอบ: เรื่องโดมนี่ยิ่งขำเลย จากที่ไม่เคยรู้จักกันเลย เลยได้รู้จักกัน จนสนิทกันทั้งโดมกับคุณแม่ ซึ่งการรู้จักกันครั้งแรก ก็จากข่าวนี่แหละ เมื่อมีโอกาสเจอกัน น้องก็เข้ามาขอโทษที่มีข่าวพาดพิงในทำนองนั้น นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่รู้จักกัน และโดมเองเป็นเด็กน่ารัก เขาเคารพเราในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง จากนั้นเราก็มีโอกาสทำงานร่วมกันตอนธนาคารไทยพาณิชย์ทำสินเชื่อบ้าน เราก็เชิญโดมกับแม่มาสัมภาษณ์ ว่าแม่ลูกมีวิธีการเลือกซื้อบ้านอย่างไร ก็เลยเป็นจุดที่ทำให้โดมและแม่ของโดมสนิทกับพี่
เรื่องที่เป็นกิ๊กกัน มันไร้สาระมากนะ พี่เองก็มีครอบครัว มีสามี มีลูก มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ แล้วพี่เป็นผู้ใหญ่แล้วรุ่นแม่เขาเลยนะ ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอก และถ้าถามคนที่ไทยพาณิชย์จะรู้เลยว่า ขนาดน้องเพ้นท์ (แฟนสาวของโดม) เขายังมาฝึกงานกับพี่เลย คือ เราสนิทกันหมด น้องเขาเป็นเด็กน่ารักทั้งคู่ แต่แค่คนเห็นว่าโดมมาสนิทกับคนที่มีอายุมากกว่า มันก็เป็นข่าวแล้ว โดยที่อาจจะลืมคิดไปว่า เด็กที่นิสัยดี นิสัยน่ารัก ก็สามารถสนิทกับผู้ใหญ่ได้
ถาม: มีอีกค่ะ ข่าวแอบปิ๊งตูมตาม เดอะสตาร์ 7 ล่ะคะ
ตอบ: ตูมตามนี่ไม่ค่อยรู้นะ เขาพาดพิงถึงพี่ว่าไงเหรอ? (เห็นบอกว่ากำลังเป็นกิ๊กใหม่) สงสารน้องเขานะ (หัวเราะ) สงสัยเหตุการณ์มันเกิดจากตอนที่พี่ต้องขึ้นไปมอบของที่ระลึกร่วมกับทุกสปอนเซอร์ ให้กับผู้เข้ารอบเดอะสตาร์นี่แหละ แล้วน้องแฟรงค์ (ภคชนก์ โวอ่อนศรี) ที่เป็นพิธีกรบนเวทีเดอะสตาร์ เขาแซวว่า ให้จับตาดูดีๆ ถ้าพี่เป็ดกอดใคร คนนั้นดังหมด เพราะปีที่แล้วกอดโตโน่ (ภาคิน คำวิลัยศักดิ์) โตโน่ก็ดังไง ตอนขึ้นเวทีพี่ก็เลยแกล้งด้วยการกอดน้องแฟรงค์ซะเลย คนก็เฮกันใหญ่ พอหลังมอบของที่ระลึกทุกคนเสร็จ ก่อนลงจากเวทีพอดีน้องตูมตามอยู่ข้างๆ ก่อนเดินลง พี่ก็กอดแสดงความยินดี บอกว่ายินดีด้วยนะ แล้วก็ลงจากเวทีเลย เพราะมันอยู่ใกล้กันแค่นั้น ไม่ได้มีอะไร ก็เท่านั้นเองค่ะ จริงๆ พี่แอบเชียร์สาวๆ เสียงดีทั้งนั้นเลยค่ะ
ทุกครั้งที่มีข่าวแบบนี้ น้องๆ ที่โดนพาดพิงกับพี่ ก็โทรให้กำลังใจกัน ก็ทั้งโดม ทั้งอ๊อฟ แหละ เพราะอย่างที่บอกว่าเราสนิทกันอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องของข่าว แต่กับน้องคนที่พี่ไม่รู้จักเขา อย่างตูมตาม พี่ก็อยากฝากบอกผ่านตรงนี้ด้วยว่า นี่แหละวงการมายา และนี่คือ สิ่งที่เราต้องเผชิญ ในการย่างก้าวเข้ามาทำงานตรงนี้ ขนาดพี่ไม่ได้อยู่ในวงการนี้ด้วยซ้ำ แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิต คิดเสียว่าเป็นการเรียนรู้การยืนอยู่บนเส้นทางนี้แล้วกัน มันเป็นการเรียนรู้ที่ดีนะ ทำใจยิ้มรับกับมัน แล้วเราก็จะพัฒนาความเข้มแข็งจิตใจของตัวเองได้
ถาม: ข่าวแรงอย่างนี้ ครอบครัวว่าไงคะ
ตอบ: ทั้งสามี (คุณจ้อย-เจตนา พงษ์พานิช) และลูก ไม่สนใจเรื่องแบบนี้เลย เขาพูดกับเราเสมอว่า แม่ไม่ต้องไปสนใจนะ เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง คือ สามีพี่เขาอยู่ในวงการข่าวสารมาตลอด เขาเป็นอดีตหัวหน้าสำนักข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย เขารู้ว่าวงการข่าวเป็นอย่างไร ฉะนั้นเขาจะบอกพี่เอาไว้เลย ว่าถ้าเราก้าวมาอยู่ในจุดที่มีชื่อเสียง เราต้องทำใจ และรับให้ได้ ดังนั้นเขาจะบอกพี่เสมอว่าไม่ต้องไปสนใจ เพราะมันไม่ใช่ความจริง จุดนี้ด้วยที่ทำให้พี่สบายใจ เพราะแค่คนที่เรารักเข้าใจ เจ้านายเข้าใจ และให้กำลังใจเรา มันก็ไม่มีอะไรต้องหนักใจแล้ว
ถาม: ในเมื่อมีข่าวฉาวแนวนี้บ่อยๆ คิดว่าต้องปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างไรบ้างมั้ยคะ
ตอบ: พี่ก็ยังคงเป็นพี่เหมือนเดิมนะ ส่วนเรื่องสามี มีคนแนะนำพี่เยอะ ว่าสงสัยต้องพาสามีออกงานสังคมให้เยอะขึ้น จะได้สยบข่าว แต่พี่ไม่ค่อยคิดแบบนั้น เพราะตัวพี่จ้อยเป็นคนไม่ชอบออกงาน พี่ก็ไม่อยากบังคับเขา แต่ถ้างานไหนเขาอยากไป เราก็ไปด้วยกัน พี่ว่าแค่นี้มันก็พอแล้ว เราอยู่ด้วยกันมา 20 กว่าปี มันมีความสุขอยู่แล้ว ไม่อยากเปลี่ยนอะไรที่ทำให้เขาลำบากใจ
ถาม: สุดท้ายอยากฝากอะไรมั้ยคะ
ตอบ: อยากฝากบอกไปยังผู้รับข่าวสารต่างๆ ว่าอย่าเชื่อในสิ่งที่คุณเห็นเพียงแวบเดียว หรือแม้แต่กระแสข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก็อยากให้ใช้วิจารณญาณในการตัดสินใคร พี่ไม่สามารถทำให้ทุกคนเชื่อในสิ่งที่พี่พูดได้ แต่ลึกๆ ก็อยากให้คนที่เกิดความสงสัย หรืออยากรู้จักตัวตนของพี่ เปิดโอกาสรับฟังในสิ่งที่พี่พูด หรือถ้าใครอยากรู้จัก อยากพูดคุยกับพี่ จะมาเจอกันที่ร้านปาร์ตี้ไอซ์ของพี่ที่เมเจอร์อเวนิวรัชโยธินก็ได้ ถึงจะไม่ได้มาอุดหนุนก็ไม่เป็นไร ถ้าเจอก็เข้ามาคุย เข้ามารู้จักตัวตนที่แท้จริงได้ค่ะ :: Text by LADY MANAGER
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net