>>จากเด็กสาวผู้สนุกสนานกับชีวิตไปวันๆ ไม่รู้จักโต ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่เมื่อเธอได้ค้นพบสิ่งที่ใช่ งานที่ชอบ จากการชักนำของเพื่อนสนิท เหมือนพลิกชีวิตให้เธอมุ่งหน้าสู่หนทางชีวิตที่ลิขิตให้เธอได้เรียนรู้คุณค่าของตัวเองจากการทำงาน และเติบโตกลายเป็นผู้ใหญ่ในช่วงเวลาข้ามคืน กลายเป็น “แอรอนนา โทณะวณิก” ผู้หญิงที่สนุกกับการทำงานอย่างทุกวันนี้
:: งานสารพัดแบบ
วันนี้เรามีนัดกับสาวสวยวัย 27 ปี หน้าตาคมคาย รูปร่างเพรียวบาง ผู้มีบุคลิกสนุกสนาน “แอร์-แอรอนนา โทณะวณิก” ด้วยเวลานัดหมายที่ถือได้ว่าเป็นยังอยู่ในช่วงสาย ทำให้คำแรกที่เธอเอ่ยหลังจากการทักทายคือ “หนูอาจจะดูงงๆ หน่อยนะคะ เพราะไม่ค่อยได้ตื่นเช้าเท่าไร หนูไม่ใช่ Morning Person”
นั่นไม่เป็นที่น่าแปลกใจ ด้วยงานของเธอที่มักจะลากยาวถึงเช้าวันใหม่อยู่เป็นประจำ เพราะสาวแอร์เป็นหุ้นส่วนคนสำคัญของ Viceversa Cocktail Catering ทีมงานที่อยู่เบื้องหลังเครื่องดื่มและอาหารที่เสิร์ฟในงานอีเวนต์และปาร์ตี้ที่น่าประทับใจทั้งหลาย เวลาทำงานและไลฟ์สไตล์ของเธอจึงมักอยู่ในช่วงกลางคืนเสียเป็นส่วนใหญ่
แต่นั่นไม่ใช่งานเดียวที่สาวร่างบางคนนี้รับผิดชอบอยู่ เพราะถ้าให้นับนิ้วถึงธุรกิจที่เธอดูแลอยู่มือเพียงข้างเดียวคงจะไม่พอเป็นแน่ ทั้งธุรกิจที่เธอสร้างขึ้นเอง และการสานต่อธุรกิจของครอบครัวที่มีมากมายหลายแขนง
“ทางครอบครัวของคุณพ่อ (อาภรณ์ โทณะวณิก) และคุณแม่ (อรนภา ควรตระกูล) ทำธุรกิจหลายอย่าง โดยฝั่งคุณพ่อจะเน้นออกทางฟาร์ม การเกษตร อสังหาริมทรัพท์ โดยมีฟาร์มไก่อยู่ที่จังหวัดสระบุรี ตอนนี้แอร์ก็ไปช่วยดูบ้าง กำลังมองหาลู่ทางทำการตลาดให้กับไก่ดำพันธุ์ดีที่ได้สายพันธุ์มาจากเมืองจีนอยู่
โดยเป็นไก่ที่มีขนสีขาวทั้งตัวเหมือนกระต่ายทั้งตัว แต่ผิวหนังสีม่วงเข้ม จะมีสารอาหารสูงมากกว่าไก่พันธุ์ทั่วไป เนื้อมีคุณภาพ เพราะต้องมีวิธีเลี้ยงแบบเพื่อสุขภาพ ไม่ได้ใช่สารเคมี ไม่ฉีดฮอร์โมน และจะเลี้ยงแบบปล่อยแบบอิงธรรมชาติ เพื่อให้ได้ไก่ที่คุณภาพดีที่สุด เหมาะกับอาหารเพื่อนสุขภาพ ทำเป็นยา หรือการทำไก่ตุ๋นยาจีน ซึ่งสายพันธุ์ที่ว่านี้ มีอยู่ที่ฟาร์มของเธอเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย เนื่องด้วยหลังจากฟาร์มของเธอนำเข้าสายพันธุ์ได้ไม่นาน ทางรัฐบาลจีนได้สั่งสงวนไม่ให้นำสายพันธุ์ออกนอกประเทศ
นอกจากนี้ เธอยังกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจเมล็ดกาแฟ ซึ่งเป็นผลผลิตจากไร่กาแฟของคุณพ่อที่อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์โดยเธอเล็งที่จะเปิดตลาดในแบรนด์ชื่อ Kartimor
“ส่วนทางฝั่งคุณแม่นอกจากหมู่บ้านปัญญาแล้ว ก็มีร้านอาหาร ร้านเฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ อย่างร้านขนม ของน้าต๊อบ-ปฏิญญา ควรตระกูล (สาวทอมรุ่นใหญ่ที่ชอบควงดาราสาวๆ) และร้าน Room Interior Products ชั้น 4 สยามดิสคัฟเวอรี่ ขายของตกแต่งบ้าน...
รวมไปถึงธุรกิจที่แอร์ทำเอง คือร้านขายเสื้อผ้าและเครื่องประดับสุนัขที่ลงทุนกับเพื่อนสนิทอย่าง “จุ๋ย-จรัสพรรณ สวัสดิวัฒน์ ณ อยุธยา” ที่ซอยทองหล่อ 13 ในชื่อ Sniffany & Co.”
:: พี่สาวคนโตรับภาระหนัก
ที่เธอต้องรับบทหนักในธุรกิจครอบครัว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแอรอนนาเป็นลูกสาวคนโต เรียนจบเป็นคนแรก ก็เลยเดินรอยตามธรรมเนียมจีน ที่ลูกคนโตจะมีบทบาทสำคัญที่ดูแลทั้งธุรกิจและเรื่องในบ้าน
“เราเอาธุรกิจเดิมที่มีอยู่แล้วมาสานต่อ ขยายต่อยอด พัฒนามากขึ้น เพราะด้วยความที่เราโตที่สุดก็จะรับทุกอย่างเต็มๆ ส่วนน้องอีกสองคนเขาจะอิสระกว่าหน่อย อย่างน้องสาว (อแมนดา โทณะวณิก) เนี่ยที่บ้านปล่อยตามสบาย ซึ่งเขาเป็นคนเรียนเก่ง จบทางด้านสถาปนิก การเรียนระดับเกียรตินิยม เขาก็จะดูแลร้านเฟอร์นิเจอร์เป็นหลัก เขามีหัวทางด้านนี้ ส่วนน้องชายคนเล็ก(อานนท์ โทณะวณิก) ยังศึกษาอยู่ ก็เลยยังไม่ต้องรับผิดชอบอะไร...
ด้วยความเป็นพี่คนโต นอกจากเรื่องธุรกิจแล้ว เรื่องในบ้านก็ยังมาตกหนักที่เรา อย่างถ้าน้องเล่นเกมส์มากไป ไม่อ่านหนังสือ แม่ก็จะมาบ่นกับแอร์ ว่าทำไมไม่ดูแล ค่าใช้จ่ายในบ้านสูง ก็จะมีบ่นว่าทำไมไม่คุมมั้ง บ่นนั่นบ่นนี่ใส่ แอร์ก็มีหงุดหงิดบ้างว่าอะไรๆ ก็เรา แต่ที่จริงแล้วแอร์ก็เข้าใจ เพราะเราไม่เหมือนแค่เป็นลูก แต่ยังเหมือนเป็นเพื่อนเขา เป็นผู้ช่วย แม่มีอะไรก็มาปรึกษา บางที่ไม่ได้บ่นไม่ได้ว่า แต่แค่อยากระบาย มาแบ่งทุกข์สุขกับเราเท่านั้นเอง”
:: สาวผู้รักสัตว์
อย่างที่บอกคือ ทางครอบครัวฝ่ายพ่อของเธอ มีธุรกิจฟาร์ม และการเกษตร จึงไม่น่าแปลกใจที่แอรรอนนาเป็นสาวรักธรรมชาติ รักสัตว์ โดยสัตว์เลี้ยงของเธอมีนานาชนิด เธอเคยเพาะพันธุ์กระต่ายขาย เคยทำฟาร์มสุนัขโกลเดน แต่สุดท้ายก็ต้องเลิก เพราะตัดใจขายน้องหมาไม่ลง อยากเก็บไว้เลี้ยงเองเสียทุกตัว
“แต่ก่อนเลี้ยงสัตว์เยอะมาก แต่ตอนนี้ลดลงเพราะไม่ค่อยมีเวลาให้เขา ทำงานหนัก แอร์ว่าถ้าคิดจะเลี้ยง ก็ต้องเลี้ยงให้ดีที่สุด มีเวลาให้เขา ตอนนี้เลยหลืออยู่แค่ สุนัขชิวาวา นก และที่ฟาร์มที่สระบุรีมีม้าอยู่ 5 ตัว เพราะแอร์รักม้าและชอบขี่ม้ามาก แอร์จะใช้เวลาอยู่ที่บ้านคุณแม่ในเมืองครึ่งหนึ่งและอีกครึ่งหนึ่งไปอยู่ที่ฟาร์มคุณพ่อ คือถ้าไม่มีงานจะตรงไปที่ฟาร์มอยู่กับม้าทั้งวันเลย“
สาวคนนี้รักม้ามาตั้งแต่เด็กๆ เพราะตั้งแต่จำความ ในขณะที่เด็กคนอื่นเล่นตุ๊กตาหมี แต่สาวแอร์จะมีแต่ตุ๊กตาม้า เวลาคุณพ่อ คุณแม่ไปต่างประเทศ ก็จะซื้อตุ๊กตาม้ามาให้ตลอด ตลอด เด็กผู้หญิงคนอื่นเขานั่งหวีผมบาร์บี้ เธอก็จะนั่งแปรงขนตุ๊กตาม้า
จนกระทั่งอายุได้ 10 ขวบ เธอจึงเลื่อนระดับจากตุ๊กตาม้า ไปสู่ม้าของจริง ด้วยการอ้อนขอให้ที่บ้านพาไปเรียน และมีคุณพ่อที่ขี่ม้าเป็น ช่วยสอนด้วย เธอเคยคิดจริงจังขนาดอยากจะยึดเป็นอาชีพ แต่ด้วยเรื่องเวลาและภาระเรื่องการเรียน ทำให้ไม่สามารถสานฝันนั้นได้
“ตอนเด็กๆ ฝึกหนักมาก ถึงขนาดลงแข่งขันด้วย แต่มันไม่ค่อยมีเวลาได้ไปซ้อม เพราะตัวเราเรียนอยู่กรุงเทพฯ แต่ม้าอยู่นครนายก เดินทางไปกลับที่ก็หลายชั่วโมง ไม่สะดวกเลยจึงไม่ได้สานต่อ ได้แต่ขี่เป็นงานอดิเรกไว้ผ่อนคลาย ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ
ปัจจุบันนี้เวลาไปอยู่ฟาร์มจะตื่นมาขี่ม้าตั้งแต่ 9 โมงเช้า ขี่เสร็จก็มาดูแล ทำความสะอาดเขา ให้อาหาร อาบน้ำ ตักขี้ม้า แปรงขน แคะกีบ ตัดเล็บ เพราะมีหลายตัว ทำนู่นนี่ ที่ละตัว แป๊ปๆ ก็บ่ายสามได้เวลาขี่อีกรอบ พอเย็นก็หมดแรงแล้วเข้านอนแล้ว แต่จะเป็นวันที่มีความสุขมาก”
:: บทบาทบาร์เทนดี้สาว
ในด้านหนึ่งเธอเป็นสาวรักสัตวร์ รักธรรมชาติ แต่ในอีกด้านกับบทบาทของสาวสังคมเมือง นิสิตสาวผู้จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยผู้นี้ เลือกสิ่งที่เธอทำเป็นงานหลัก แทบจะเรียกได้ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับธรรมชาติ สัตว์และหลักสูตรที่ศึกษาเล่าเรียนมาเลย กับธุรกิจส่วนตัวที่เธอกับเพื่อนสนิท 7-8 คน ร่วมหุ้นกันเปิดบริษัท Viceversa Cocktail Catering จำกัด ที่เธอทำมากว่าสองปีแล้ว
Viceversa รับจัดงานเลี้ยง งานปาร์ตี้ เน้นตรงที่เป็น คอกเทล คาเตอริ่ง ที่มีเครื่องดื่มมากมาย บริษัทเธอมีทั้งงานใหญ่แบบปาร์ตี้อีเวนต์ ไปจนถึงงานปาร์ตี้แบบเอ็กคลูซีฟส่วนตัว หุ้นส่วนของที่บริษัทนี้ไม่ใช่แค่การบริการ แต่ทุกคนลงแรงลงใจเป็นทั้งแรงงานและพนักงานด้วย เราจึงสาวแอร์ในมาดบาร์เทนดี้หลังบาร์อยู่เสมอ
“แอร์เข้ามาทำตรงนี้ได้ เริ่มมากจากเพื่อนสนิท คือ ณิกษ์ อนุมานราชธน ซึ่งแอร์รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว เขาทำในแวดวงนี้มาก่อน ตั้งแต่เป็นพนักงานในบริษัทอื่น จนกระทั่งมาเปิดบริษัทของตัวเอง แอร์เห็นเขาทำมานาน แต่ก่อนเราอยู่อีกฟากของเคาน์เตอร์สั่งเครื่องดื่มเขา ก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าวันนี้จะได้มาอยู่อีกฟากหนึ่งของเคาน์เตอร์”
:: จุดเปลี่ยนของชีวิต
ซึ่งงานนี้นับได้ว่าคือ สิ่งที่ทำให้เปลี่ยนชีวิตเธอไปเลย จากการเป็น “เด็กง่อย” ซึ่งนั่นคือคำที่เธอใช้เรียกตัวเองในอดีต จนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักคิดได้อย่างทุกวันนี้
“แต่ก่อน “ง่อย” มาก เป็นเด็กไม่รู้จักโต ไลฟ์สไตล์เราแค่ ไปเรียนแล้วก็กลับบ้าน ปาร์ตี้ สนุกสนานไปวันๆ ตกเย็นนี่คิดแล้วว่าจะไปไหนดี อยากทำอะไรก็ทำ พอไม่อยากทำ หรือขี้เกียจก็เลิก ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน...
วันแรกที่ได้มาทำตรงนี้ เกิดจากเราโทรศัพท์คุยกับณิกษ์ เขากำลังทำงานอยู่ก็ชวนว่ามาช่วยไหม เออ...เราว่างๆ ก็เลยไปดูเขาทำขำๆ แต่กลายเป็นว่าวันหนึ่งคือวันที่พลิกชีวิตเลย เพราะวันนั้นแอร์แต่งตัวมาสวยเลย แต่เล็บสีสันวิ๊งๆ แต่กลับต้องไปนั่งอยู่หลังฉาก หั่นมะนาว หั่นพริก ล้างแก้ว ยกของ เป็นแรงงานอยู่ไม่ได้โผล่ออกมาข้างหน้าเลย เหนื่อย แต่กลับรู้สึกสนุก
เพราะเป็นอะไรที่เราไม่เคยทำมาก่อน ที่บ้านสอนเรามาสบาย ไม่เคยต้องลำบากอะไร มีแม่บ้าน มีคนดูแลทุกอย่างให้ พอวันนั้นได้ทำแล้วรู้สึกเราทำอะไรแบบนี้ได้ด้วย เฮ้ย...มันเหมือนค้นพบตัวเอง มีความรู้สึกแปลกๆ ว่างานนี้มันใช่สำหรับเรา...
พออยู่ตรงนั้นมันเหมือนมองเห็นภาพสะะท้อนตัวเองในอดีต ตอนทำงานแล้วมองออกไป จะเห็น เฮ้ย...ทำไมมันเต้นกันเลื้อยเป็นไส้เดือนขนาดนี้ ทำให้เราเห็นนิสัยคนชัด อย่างบางคนดื่มเมา เสร็จก็ปาแก้วทิ้ง เราก็ต้องไปตามเก็บทำความสะอาด กลับจากอดีตหน้ามือเป็นหลังมือเลย”
:: แรงบันดาลใจจากเพื่อนสนิท
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เธอฉุกคิดในชีวิต เธอยกให้เพื่อนร่วมงานที่เป็นแรงบันดาลใจในทางดีๆ อย่าง ณิกษ์
“ไม่อยากพูดเลย กลัวเดี๋ยวณิกษ์มาอ่านเจอแล้วเหลิง คือ ที่จริงณิกษ์แอบเป็นไอดอลเรานิดหนึ่ง เป็นเหมือนภาพสะท้อนให้เราเห็นตัวเองชัดขึ้น ตั้งแต่ตอนสมัยเรียนแล้ว เราเคยสงสัยว่าทำไมเขาต้องมาทำอะไรอย่างนี้ เพราะชีวิตเขาก็มีพร้อมทุกอย่าง ครอบครัวสุขสบาย เขาจะทำตัว “ง่อย” เหมือนเราก็ได้ ทำไมต้องมาเหนื่อยทำงาน ตอนเรียนเขาไปทำพาร์ตไทม์ เป็นลูกจ้างบริษัทอื่น ทำเป็นแรงงานเหงื่อซกเลยนะ ชีวิตก็สบายอยู่แล้ว มาเหนื่อยอย่างนี้ได้อะไร จะทำไปทำไม
ก็พยายามหาคำตอบ ทำให้เราได้เห็นแนวการใช้ชีวิต แนวความคิดเขา เราเลยเข้าใจแล้วว่า ในขณะที่เขารู้จักสร้างคุณค่าในตัวเอง เรากลับยังไม่รู้จักคุณค่าของตัวเองด้วยซ้ำ การทำงาน การที่คนเรามีความรับผิดชอบ มันทำให้เรามีคุณค่า เรารู้แล้วว่าเราต้องทำงานให้ดีที่สุด ตั้งใจทำธุรกิจนี้ให้ดี การได้เรียนรู้งานจากเขา นอกจากจะช่วยสอนในการทำงานแล้ว เรายังได้ซึมซับ วินัย ความรับผิดชอบ ทัศนคติ แนวคิดดีๆ ของเขามาด้วย มันช่วยให้เราโตขึ้น มองโลกเข้าใจมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น”
:: เพื่อเพื่อนแล้ว...เธอทุ่มให้เกินร้อย
หลังจากเจอสิ่งที่ใช่และสิ่งที่ชอบแล้วเธอก็เริ่มศึกษาอย่างจริงจัง เข้ามาเป็นหุ้นส่วนทำงานแบบทุ่มเทเต็มที่ “แต่ก่อนที่ทำงานอื่นๆ เรารับสานต่อมาจากครอบครัว มีคนดูแลอยู่แล้ว เราเหมือนเข้าไปช่วยเสริม แต่งานนี้มันไม่ใช่แล้ว เป็นธุรกิจที่เราสตาร์ทเอง เราต้องรับผิดชอบ
ตอนแรกคุณแม่ก็รู้สึกไม่ชอบใจ เขาจะมองแบบโบราณหน่อยว่า ตามมาตรฐานสังคมไทยว่าอาชีพนี้มันไม่เหมาะสำหรับผู้หญิง แต่เราก็ดื้อทำ เพราะรู้ตัวดีว่า ถ้าไม่ใช่งานนี้ ไม่ใช่บทบังคับที่หนักอย่างนี้ เราก็คงหลุดจากความ “ง่อย” ไม่ได้
เพราะงานนี้เราทำกับเพื่อน ทำงานเป็นทีม ถ้าเราไม่ตั้งใจจริง ถ้าเราพลาด เพื่อนเราก็พลาดด้วย เป็นแรงกดดัน เหมือนเราแบกคนอื่นไว้ด้วย ยิ่งคนที่เราแบกคือเพื่อนเรา มันยิ่งต้องให้ใจกันมากขึ้นไปอีก มันเลยทำให้แอร์โตขึ้น ฝึกตัวเองทุกอย่าง ความรับผิดชอบ แนวคิด และยิ่งทำก็ยิ่งสนุก ตอนนี้เหมือนเครื่องติดแล้ว ที่นี่วิ่งเลย มุ่งไปทุกทาง เห็นโอกาสแล้วอยากทำโน่นอยากทำนี่ มุ่งไปแต่เรื่องงานอย่างเดียว ไม่เที่ยว ไม่ปาร์ตี้ ไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า ชงอย่างเดียว (ฮา)
จนบางช่วงตั้งใจมากไป เพื่อนต้องเตือนว่า ชีวิตคนไม่ใช่ม้าแข่งนะ เอาที่ปิดตาออกบ้าง มองอะไรข้างนอกบ้าง เพราะเราจะเอากดดันให้ตัวเองมุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว ทุกอย่างเป๊ะมาก เคร่งมาก แบบว่าบาร์ต้องเนี้ยบ อะไรนิดหน่อยไม่ได้เลย จะหงุดหงิด เคร่งเครียดมาก”
:: ถ่ายทอดศิลปะแห่งการดื่ม
ปัจจุบันนี้นอกจาก Viceversa จะรับจัดอีเวนต์ต่างๆ แล้ว ยังมีการร่วมมือกับแอบโซลูต วอดก้า (Absolut Vodka) วอดก้าแบรนด์ดังจากสวีเดน ร่วมงานกันเป็นพาร์ตเนอร์ธุรกิจในชื่อ ABSOLUT VV
“มันเริ่มมาจากทั้ง Viceversa และแอบโซลูตมีจุดมุ่งหมายร่วมกัน คือ อยากแนะนำให้คนไทยรู้จักวัฒนธรรมการดื่มที่หลากหลาย นอกจากการดื่มวิสกี้กับมิกเซอร์ ที่คุ้นชินกันตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ มันยังมีศิลปะการดื่มอีกมากมายที่น่าสนใจ ไม่ใช่แค่ดื่มให้เมา เพราะถ้าคุณคิดจะเมาก็ควรเมาอย่างมีคุณภาพ และต้องเอนจอยในการเมานั่นด้วย
เรามองว่าคอกเทลเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ครีเอตและสร้างสรรค์ ทำให้เราพลิกแพลงได้ ดื่มได้สนุกสนานขึ้น เฉกเช่นเดียวกับที่แอบโซลูตเขาก็อยากแนะนำทางเลือกใหม่ของผู้ดื่มด้วย อยากให้รู้ว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ที่มันไม่ใช่สีเหลือง มันก็มีนะ ดื่มแล้วไม่แฮงก์ด้วย เราก็จับมือกันลงตัว
เหมือนเป็นการช่วยกันเปิดโลกกว้างทางการดื่ม ไม่ให้คนไทยยึดติดแต่กับสิ่งเดิมๆ เพราะถ้ายึดอยู่อย่างนั้น มันก็เหมือนปิดหูปิดตาไม่พัฒนา เราก็เลยจับมือพัฒนาไปด้วยกัน การผลักดันให้คนไทยได้สนุกกับการดื่มอย่างมีศิลปะ” :: Text by FLASH mag.
Fact File
นางแบบ :: แอรอนนา โทณะวณิก
เสื้อผ้า :: คริสเตียน ดิออร์ มีจำหน่ายที่ ชั้น G และชั้น Lศูนย์การค้าเกษร โทรศัพท์ 0-2656-1790
แต่งหน้า :: จีรวัฒน์ วรรธนะวิริยะกุล จากเครื่องสำอางลังโคม โทรศัพท์ 0-2684-3000
ทำผม :: ศรายุทธ เรืองหนู จากร้านฟีนิกซ์ ชั้น 2 ด้านบนร้านมิลค์พลัส สยามสแควร์ซอย7 โทรศัพท์ 0-2252-2875
สถานที่ & อุปกรณ์ประกอบฉาก :: ร้านชูก้าร์ลัส์ท คาเฟ่ แอนด์ บิสโทร (Sugar Lust Café & Bistro) โทรศัพท์ 08-4011-4115 และร้านจักรยานเวลาเย็น (Valeyenn) โทรศัพท์ 08-0900-2610 ตั้งอยู่ที่ซอยท่านผู้หญิงพวงรัตน์ประไพ ถนนสุขุมวิท 26
ประสานงาน :: พรรณพิมล แดงรัศมีโสภณ
ช่างภาพ & สไตลิสต์ :: กมลภัทร พงศ์สุวรรณ
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net