ถ้าพูดถึงโรงแรมที่ทำบุฟเฟ่ต์ยอดนิยมแล้ว ใคร ๆ ต้องนึกถึงโรงแรมใบหยก สกาย เพราะนอกจากจะได้ลิ้มลองบุฟเฟ่ต์ในราคาเบา ๆ บนตึกสูงที่สุดในกรุงเทพฯแล้ว ยังมีโอกาสชมวิวเมืองบนตึกสูงถึง 88 ชั้นแบบ 360 องศา
เฉพาะบุฟเฟ่ต์ห้องบางกอกสกาย ชั้น 76และ 78 ซึ่งตอนนี้กลายเป็นไฟล์บังคับที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องแวะเวียนมาลิ้มลองอาหารพร้อมกับชมวิวเมืองกรุงเทพฯ บนชั้นดาดฟ้าสูงสุดจึงจะคุยได้ว่าถึงกรุงเทพฯแล้วจ้า แต่บรรยากาศออกจะพลุกพล่านไปสักหน่อย ซึ่งถ้าใครอยากจะได้บรรยากาศเงียบ ๆ แบบส่วนตั้วส่วนตัวแล้ว ตอนนี้ใบหยกสกายเปิดบริการบุฟเฟ่ต์บนชั้น 81 เรียกว่า Bangkok Balcony
ความต่างของบุฟเฟ่ต์บนชั้น 81 คือวัตถุดิบจะคัดเกรดดี ปรุงอย่างพิถีพิถัน และเพิ่มเมนูเด็ด ๆ มีหลากหลายรวมกว่า 100 เมนู ไม่ว่าจะเป็น ขาแกะจากออสเตรเลียอบ เนื้อสตริปลอยด์จากออสเตรเลีย ซี่โครงแกะย่าง ไก่ขอทานอันเลื่องชื่อของเชฟ เมนูเหล่านี้จะอุ่นร้อน ๆ มีเชฟประจำคอยตัดบริการให้ ส่วนอาหารประเภทย่างล้วนเป็นของเกรดดีมีราคา เช่นหอยแมงภู่ตัวใหญ่จากนิวซีแลนด์ หอยนางรมสด ๆ ของเมืองไทยนี่แหละแต่ต้องส่งมาให้ทุกเช้าตอนตี 3 กุ้งแม่น้ำขนาด 15 -18 ตัวต่อกิโล กุ้งลายเสือ กั้งหินราคากิโลกกรัมละ 600 บาท ฯลฯ.
สำหรับห้องบุฟเฟ่ต์ที่เพิ่งเปิดใหม่นี้จัดที่นั่งออกเป็น 2 ส่วน 2 ราคา คือถ้านั่งส่วนในอาคารซึ่งสามารถชมวิวผ่านกระจกใสรอบตึกราคาคนละ 690 บาทสุทธิ ซึ่งมีเพียง 180 ที่นั่ง ที่นั่งและราคาขนาดนี้จึงทำให้มีลูกค้าไม่มากเท่ากับห้องบางกอกสกาย จัดว่าเงียบสงบ สามารถกินไปชมบรรยากาศไปได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องรีบไปตักอาหารรีบ รีบกิน เพราะคนน้อยนั่นเอง
แต่ถ้าใครอยากจะกินแบบวีไอพีสามารถเลือกเป็น open air ในราคา 1,250 บาท ( ถ้าใครกินอาหารหมดจาน ทางโรงแรมจะคืนเงินให้ 200 บาททันที)
ที่เรียกว่าวีไอพีนั้นเพราะทางโรงแรมจัดสถานที่แบบระเบียงหรือ balcony ซึ่งมี 4 แห่ง 4 ทิศ และมีเพียงที่ละ 20 ที่นั่งเท่านั้น บรรยากาศที่ระเบียงเหมือนนั่งกินลมชมวิวเมืองแบบระยะใกล้ชิดเต็ม ๆ ตาไม่ต้องผ่านกระจก แต่เพื่อป้องกันความปลอดภัยจะมีกระจกเล็กน้อยกันตก
ขอแนะนำให้มาตอนหกโมงเย็นที่พระอาทิตย์สีส้มดวงโตกำลังจะลับเข้าไปซ่อนตัวอยู่หลังแนวตึกสูงที่เรียงรายตามขอบฟ้า เป็นภาพที่สวยงามตามประสาคนเมือง และลมแรงพอสมควร ดังนั้นควรจะติดเสื้อทับหรือผ้าคลุมมาด้วยก็จะดี
ส่วนอาหารนั้นเชฟจะทำเป็นเซตเมนูพิเศษเฉพาะกว่า 50 อย่าง มาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะเรียกว่าไม่ต้องเดินไปตักอาหารด้านในให้เสียเวลา เมนูเรียกน้ำย่อย ประกอบด้วย แซลมอนฟู กุ้งห่มสไบ พล่าทูน่า ลาบหมูทอด จากนั้นจึงเสิร์ฟซีซาร์สลัด ตามด้วยซุปที่มีให้เลือก 3 อย่างคือ ซุปหูฉลามที่ใช้หูฉลามแผ่นใหญ่ ใส่เนื้อปูชิ้นโตมาเต็มโถ ดูน่ากินทีเดียว หรือจะเลือกซุปลอบสเตอร์ก็ได้ ส่วนใครที่ยังติดใจต้มยำทะเลอันเลื่องชื่อของที่นี่ก็มีเสิร์ฟ เป็นต้มยำทะเลรวมที่ใช้วัตถุดิบเกรดดี
ในเซตนี้ยังมีซีฟู้ดกริลจานใหญ่พร้อมน้ำจิ้มแซบสามรส ส่วนเมนคอร์สมีให้เลือกตั้ง 10 เมนู แต่ที่นิยมสั่งกันคือ สะโพกนางฟ้า ที่ใช้เป็ดเลือกตรงเนื้อน่องและสะโพกมาต้มกับเครื่องยาจีนและพะโล้จนเปื่อยเล็กน้อยก่อนจะนำมาทอดให้กรอบนอกนุ่มในราดด้วยซอสมะขาม มีรสชาติออกเปรี้ยวเล็กน้อยช่วยชูกลิ่นของเป็ดให้อร่อยยิ่งขึ้น เมนูนี้ทั้งวิธีการทำและหน้าตาเหมือนดั๊ก คอนฟีหรือเป็ดทอดอันเลืองชื่อของฝรั่งเศ
เมนูคอร์สอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยคือหางวัวตุ๋นไวน์แดงที่เลือกส่วนที่มีเนื้อมากที่สุดและมีมันน้อยที่สุด มาหมักและทอดให้น้ำมันออกและหนังกรอบหน่อย จากนั้นนำมาตุ๋นกับไวน์แดงจนเปื่อยได้ที่ จานหนึ่งจะเสิร์ฟถึง 3 ชิ้นทีเดียว รสชาติจะหอมเนื้อหอมไวน์จนไม่รู้ว่าอะไรหอมกว่ากัน เท็กซ์เจอร์ของเนื้อจะเปื่อยนุ่มแล้วเสน่ห์ของหางวัวคือมีเอ็นแก้วให้เคี้ยวกกรุบ ๆ เพลินดี
เมนูที่ขาดไม่ได้คือ หอยทอดและผัดไทยที่ขึ้นชื่อของใบหยกโดยเสิร์ฟมาบนกะทะร้อนเสียงฉู่ฉ่ามายั่วน้ำลาย นอกจากนี้ยังมีสุกี้และชาบูที่เชฟญี่ปุ่นจะมาปรุงเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะแบบร้อน ๆ กันเลย ถ้ายังไม่อิ่มก็มีมีสปาเก็ตตี้และลาซานญ่าแบบทำทีละกะทะ ซูชิ ซาชิมิ ขนมหวาน ชา-กาแฟ และไวน์แดง 1 แก้ว
ถ้ากินทั้งหมดนี้ยังไม่อิ่มก็สามารถเดินไปเลือกอาหารในห้องได้อีกด้วย สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-2656-3456 กด 4 และ 0-2656-3939
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net