แม้ว่าตอนนี้ บ้านเมืองเรากำลังเคร่งเครียดกับปัญหาการเมืองที่ยังคงคุกรุ่น ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติไม่กล้าเดินทางมาเที่ยวที่เมืองไทย เร็วๆ นี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงไม่รอช้ารีบจัดอีเวนต์สวนกระแสการเมืองกับแคมเปญล่าสุด “เที่ยวหลากสไตล์ภาคกลาง” ตอน “ใหม่กว่านี้มีที่ไหน” เพื่อสร้างกระแสให้ภาคกลางเป็นจุดหมายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ พร้อมส่งเทียบเชิญบรรดานักท่องเที่ยวคนดังหลากหลายวงการ มาร่วมเล่าสู่กันฟังถึงเรื่องราวความประทับใจ และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของสถานที่ใหม่ๆ ที่รับประกันว่าต้องอยากรีบเก็บกระเป๋าไปเที่ยวกันในทันที
เริ่มที่กูรูไลฟ์สไตล์ของเมืองไทย พลอย จริยะเวช ที่สั่งสมประสบการณ์การท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆมาเกือบ 10 ปี ซึ่งถือว่าเธอเป็นหนึ่งในผู้หญิงแถวหน้าของวงการที่สร้างงานเขียนชวนเที่ยว แนะนำทริปมากมาย เปิดเผยถึงไลฟ์สไตล์การเที่ยวของตัวเองว่า ด้วยความที่ชอบท่องเที่ยวและหามุมมองใหม่ๆ ทำให้การเดินทางแต่ละครั้งต้องใช้เวลา 2 อาทิตย์ขึ้นไป เพื่อเก็บข้อมูล และค้นหาอะไรที่แปลกใหม่ ยิ่งถ้าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในภาคกลางด้วยแล้ว สถานที่ที่เธอชอบไปที่สุดและสามารถเปลี่ยนมุมมองให้กรุงเทพฯ น่าอยู่ขึ้นก็คือ “พิพิธภัณฑ์บางกอก”
“พลอยอยากแนะนำให้ทุกคนได้ลองไปพิพิธภัณฑ์บางกอก เพราะเราจะได้เห็นไลฟ์สไตล์ของชาวกรุงเทพฯ ในอดีต ผ่านการจัดวางข้าวของเครื่องใช้ ส่วนอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่อยากไปแต่ไม่เคยไปสักทีคือ พิพิธภัณฑ์ในย่านบางขุนเทียน เพราะได้ยินว่ามีแนวป่าโกงกางและจักรยานให้เช่า น่าพกขนมจุ๊บจิ๊บไปปิกนิกมากๆ หรือถ้าใครเป็นผู้ชื่นชอบความงามของศิลปะไม่ควรพลาด ศูนย์ประติมากรรมกรุงเทพฯ เพราะนอกจากหอศิลป์เจ้าฟ้าแล้ว ศูนย์ประติมากรรมกรุงเทพฯ ก็เป็นอีกแห่งที่คุณจะได้เสพงานศิลป์ระดับตำนาน”
ส่วนครอบครัวนักธุรกิจชั้นแนวหน้าของไทย แมทธิว และ ดร.แคทลีน กิจโอธาน ซึ่งเป็นคู่สามีภรรยาที่ประสบความสำเร็จทั้งการบริหารธุรกิจและบริหารครอบครัว ทั้งคู่บอกว่า การท่องเที่ยวถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสานความผูกพันในครอบครัวให้แนบแน่น และยังเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับ น้องเบรธ-ด.ช.ณนนท์ อีกด้วย
“เวลาครอบครัวเราไปเที่ยวที่ชะอำ ก็จะต้องแวะไปเยี่ยมชม โครงการ “ชั่งหัวมัน” ในพระราชดำริ จ.เพชรบุรี เป็นโครงการน่ารักๆ จากในหลวงของเรา โชคดีเหลือเกินที่คนไทยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นกษัตริย์นักพัฒนาที่ทรงงานหนักเพื่อคนไทยตลอดเวลา ไม่ว่าพื้นที่นั้นจะแห้งแล้งกันดารสักเพียงใด แม้จะไม่มีใครเหลียวแล แต่พระองค์ก็มีสายพระเนตรที่ทอดยาวไกลเพื่อความอยู่ดีกินดีของพวกเราชาวไทยเสมอ ส่วนน้องเบรธจะชอบให้พาไปดูสัตว์ชนิดต่างๆ อย่างช่น ไปดูเจ้าปลาวาฬบรูด้า ที่หาดบ่อนอก จ ประจวบฯ พวกมันใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว แต่เราโชคดีที่ได้เห็นมันแหวกว่ายตามธรรมชาติแบบนี้ ประสบการณ์ที่ได้ย่อมแตกต่างกับการได้ชมมันในตู้กระจกอย่างแน่นอน และไปดู ฝูงค่างแว่นถิ่นใต้ เขาล้อมหมวก อ่าวมะนาว เจ้าค่างแว่นตัวน้อยที่นี่ มีสีสันสดใส ที่หาดูไม่ได้ง่ายนัก แต่ที่สำคัญกว่าคือได้ดูการดำรงชีวิตของมันอย่างเป็นธรรมชาติ”
ปิดท้ายที่ อาจารย์แพน-เผ่าทอง ทองเจือ นักโบราณคดีและประวัติศาสตร์ผู้แตกฉานและเชี่ยวชาญทั้งเรื่องผ้าเอเชีย เครื่องแต่งกายไทย รวมถึงศิลปวัฒนธรรมไทยแขนงต่างๆ บอกว่า สถานที่ท่องเที่ยวที่อาจารย์ชอบมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นสถานที่เชิงประวัติศาสตร์ เพราะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยผ่านซากปรักหักพังได้
“วันหยุดนี้ใครอยากไปพักผ่อนแต่ไม่อยากขับรถไปไหนไกลๆ ลองไปล่องเรืออีโปง ที่ จ.สุพรรณบุรี รับลมให้เย็นใจไปในท่ามกลางสองฝั่งแม่น้ำสุพรรณบุรี ผ่านโรงสีหลายแห่ง บ่งบอกให้รู้ว่าย่านนี้อุดมสมบูรณ์ด้วยนาข้าว เห็นชาวบ้านนั่งตกปลา บ้างก็ลอยเรือมาทอดแห สมกับคำว่า “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” จริงๆ เสร็จแล้วต้องไปชมบ้านไทยไร้รั้วกั้นที่อยู่เชื่อมกันกว่า 100 หลังที่บางแม่หม้าย อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี หรือไม่ก็ไปสักการะพระพุทธรูปอารมณ์ดีที่วัดนางกุย จ.พระนครศรีอยุธยา มีหลวงพ่อยิ้ม เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่แกะจากไม้สักทอง และลงรักปิดทองมีความงดงามมาก อยากให้ได้ไปชมกัน”
ความสุขและสิ่งดีๆอยู่ใกล้ตัวเพียงแค่ค้นหาให้เจอก็สนุกแล้ว