ข่าวการถมทะเลในประเทศของกลุ่มผู้ค้าน้ำมันอย่าง ดูไบ เพื่อสร้างเมืองใหม่ที่มีความหรูหราสะดวกสบายพร้อมสรรพ ดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์กันอย่างเอิกเกริก แต่แล้วเมื่อเศรษฐกิจฟองสบู่เริ่มออกอาการไม่ดี ทำให้นักลงทุนต่างๆ ต้องชะงักงันกันด้วยความวิตกที่ว่า โครงการมหึมาของประเทศในกลุ่มเจ้าเจ็ดองค์ของสหพันธ์อาหรับ อาจมีปัญหาในระยะต่อไป
แต่โครงการถมทะเลของเจ้าชายอัลแบรต์ ผู้ครองนครรัฐโมนาโก กลับไม่ได้รับผลกระทบ เพียงแต่โครงการถมทะเลของที่นี่ อาจต้องมีการชะลอตัวลง หรือมีการปรับแผนการก่อสร้างใหม่เล็กน้อย เพื่อให้เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลก ที่กำลังชะลอตัวลงในช่วงนี้
อันที่จริงโครงการถมทะเลของเจ้าผู้ครองนครรัฐโมนาโก ได้เริ่มมีการศึกษาและทำการออกแบบมาแล้วก่อนหน้านี้ ด้วยสาเหตุจากการที่มีชาวต่างชาติ นิยมเข้าไปลงหลักปักฐานในโมนาโกเพิ่มขึ้นทุกปี อย่างไม่มีวี่แววว่าจะลดลงแต่ประการใด ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจจากสหรัฐอเมริกา ยุโรป และชาวอาหรับผู้มั่งคั่ง โดยเฉพาะ นักกีฬาอาชีพที่ล้วนแต่มาซื้อบ้านพักในโมนาโก เพื่อทั้งเลี่ยงจ่ายภาษี และการได้อาศัยอยู่ในนครรัฐที่มีภูมิอากาศอบอุ่นและแสงแดด อันเป็นที่ถูกใจของชาวตะวันตก ที่ไม่ชอบความหนาวเย็น
ปัจจุบันรัฐโมนาโกมีประชากรเกิน32,000 คน แต่ชาวโมนาโกที่แท้จริงมีเพียง1/5เท่านั้น ด้วยโมนาโกมีพื้นที่เล็กมาก จึงพยายามจำกัดประชากร ซึ่งผู้ที่จะอพยพเข้ามาเป็นประชากรใหม่ได้ ต้องได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการพิจารณาให้สิทธิ์แก่ผู้ที่มายื่นความจำนง จนปัจจุบันพื้นที่สำหรับพักอาศัยไม่เหลืออีกต่อไป
ด้วยเหตุนี้ที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ต่อตารางเมตรของโมนาโก จึงมีค่ามากกว่าอสังหาริมทรัพย์ในลอนดอนเสียอีก ทำให้เจ้าชายอัลแบรต์ทรงตั้งคณะกรรมการพิจารณาถมทะเล เพื่อขยายพื้นที่ของนครรัฐโมนาโกออกไป โดยจุดที่จะถมทะเลนั้นคือ “Fontvieille” อันเป็นส่วนที่อยู่ตรงฐานของThe Rock ชึ่งเป็นหินก้อนมหึมาอันเป็นที่ตั้งของพระราชวังของผู้ครองนครนั่นเอง
โครงการถมทะเลนั้นจะทำให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 12.5 เอเคอร์ โครงการนี้ได้รับการออกแบบจากสถาปนิกนักวางผังเมือง นอร์แมน ฟอสเตอร์ สถาปนิกชื่อดังชาวอังกฤษ และ ดาเนียล ลิเบสคินด์ สถาปนิกอเมริกันเชื้อสายโปแลนด์ ให้มาทำการศึกษาและวางโครงการเมืองใหม่ ที่คำนึงถึงสภาพแวดล้อมเป็นสำคัญ ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางทะเลน้อยที่สุด โดยสถาปนิกและคณะได้ทำการศึกษาและวางแผนการก่อสร้างออกเป็นช่วงๆ ในช่วงต้นนี้จะใช้เงินทุนในการดำเนินการประมาณหนึ่งพันล้านปอนด์ และมีขั้นตอนในการดำเนินการออกเป็นหลายช่วง
เป็นที่คาดหมายว่า โครงการช่วงแรกนี้จะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ5ปี และลักษณะของโครงการนี้จะคล้ายแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ลอยอยู่ในทะเล โดยจะสร้างกลุ่มสำนักงาน อพาร์ตเมนต์ที่พักสุดหรูหรา และส่วนสันทนาการที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่พักอาศัยอยู่ในโครงการนี้
แน่นอนว่า หากโครงการนี้เริ่มลงมือดำเนินการเมื่อใด นั่นก็หมายถึงรายได้อีกจำนวนมหาศาล ที่จะผ่านเข้าสู่ท้องพระคลังของเจ้าผู้ครองนครรัฐแห่งนี้ เพราะย่อมเป็นที่ต้องการของเหล่าอภิมหาเศรษฐีของโลก ที่ต้องการได้ชื่อว่า ตนก็เป็นหนึ่งในประชากรชาวโมนาโกเหมือนกัน
