มัณฑนากรสาวและเจ้าของธุรกิจนำเข้าผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านร้าน Quattro House of Mirrors"พราวพรรณ เลาหพงศ์ชนะ" อดีตอินทีเรีย ดีไซเนอร์ของบริษัทออกแบบตกแต่งชื่อดัง จะมาเล่าให้เราฟังถึงมนต์เสน่ห์ของกระจกที่เธอหลงใหล และค้นพบว่า “กระจก” เป็นเครื่องมือที่นำมาตกแต่งบ้านให้สวยแตกต่างได้อย่างสนุกสนาน
เพราะเรื่องของดีไซน์ไม่มีวันหยุดนิ่ง ฉะนั้น เรื่องของศิลปะการตกแต่งก็ต้องวิ่งตามเช่นกัน ซึ่งครั้งนี้เรารู้สึกว่าได้อีกหนึ่งไอเดียในการตกแต่งทั้งเรื่องของชีวิตและการตกแต่งบ้านจากมัณฑนากรสาวไฟแรง “พราวพรรณ เลาหพงศ์ชนะ” ผู้ซึ่งมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้คนหันมาสนใจการตกแต่งบ้านอย่างมีดีไซน์...
มัณฑนากรสาวและเจ้าของธุรกิจนำเข้าผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านไฟแรง เธอคือ "พราวพรรณ เลาหพงศ์ชนะ" ผู้พกพาดีกรีด้านอินทีเรียดีไซน์จาก มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา และกลับมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานด้านอินทีเรียอยู่หลายปี
“ก่อนหน้านี้เรียนจบปริญญาตรี จาก คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ แต่จริงๆ แล้วกลับเป็นคนชอบวาดรูป ชอบศิลปะตั้งแต่เด็ก พอเรียบจบรู้สึกว่าอยากเรียนสิ่งที่เราชอบจริงๆ ก็เลยไปเรียนต่อด้านอินทีเรียที่สหรัฐอเมริกา ถ้าถามว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีพื้นฐานเรื่องการวาดภาพ ตอบได้เลยว่าจำเป็น สำหรับตัวเหมี่ยวอาจเป็นเพราะเรามีแบ็กกราวน์ตรงที่ชอบวาดรูป ชอบสเกต และเรามีมุมมอง 3 มิติ
พอได้เรียนอินทีเรียดีไซน์จริงๆ แล้วสนุกมากเขาสอนให้เราคิดเยอะๆ ฝึกวิเคราะห์ เช่น พาเราไปบ้านสถาปนิกชื่อดัง แล้ววิเคราะห์ถึงสัดส่วน องค์ประกอบในการตกแต่ง ฝึกให้คิดมากกว่าที่จะนั่งวาดรูป เราอาจไม่ได้วาดภาพเก่ง แต่เน้นคิด และมีไอเดีย การดูอะไรรอบๆ ตัวเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าที่จะนั่งวาดรูปอยู่อย่างเดียว ที่สำคัญคือเราต้องอัปเดตตัวเองตลอด ไม่ว่าจะเป็นจากการดูแมกกาซีน เข้าเว็บไซต์ หรือการเดินทางไปต่างประเทศ”
จากนั้นเธอกลับมาทำงานอย่างเต็มตัวในฐานะ “อินทีเรีย ดีไซน์เนอร์” ที่บริษัทอินทีเรีย ดีไซน์ ชื่อดัง อย่าง P49 ก่อนที่จะออกมาทำงานของตัวเองและเปิดธุรกิจนำเข้าสินค้าตกแต่งบ้านจากต่างประเทศ
“กลับมาทำด้านออกแบบตกแต่งภายในอยู่สักพัก ก็มาทำเป็นอินทีเรียแอกเซสเซอรี่เฟอร์นิเจอร์สไตลิ่งให้กับโครงการหรือห้องในโรงแรมหรูมีระดับ แล้วก็มาทำร้านของตัวเอง ชื่อว่า Quattro House of Mirrors ที่นำเข้าสินค้าตกแต่งบ้านโดยเน้นไปที่การหากระจกสวยๆ สำหรับตกแต่งบ้าน”
House of Mirrors
โชว์รูม Quattro ที่เธอภูมิใจนำเสนอนั้นเป็นแหล่งรวมเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้านชิ้นเก๋ โดยเน้นที่กรอบกระจกสำหรับประดับห้องทั้งชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ หลากหลายสไตล์ เรียกว่าเป็น House of Mirrors ที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่ง และความพิเศษของร้านนี้ยังอยู่ที่ที่มาของสินค้าแต่ละชิ้นที่ถูกเลือกสรรมาจากที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา ยุโรป หรืออินเดีย ซึ่งมีทั้งสไตล์คลาสสิก คอนเทมโพรารี่ และโมเดิร์น ตอบโจทย์การตกแต่งบ้านได้ทุกสไตล์ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่ชื่นชอบงานสร้างสรรค์ที่มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน เช่นเดียวกับเธอ!!!
“ร้านนี้เปิดมา 3 ปีแล้ว เป็นร้านขายของตกแต่งบ้าน โดยเน้นไปที่กรอบกระจก ชื่อร้านว่า Quattro House of Mirrors ที่ตั้งชื่อนี้เพราะว่าร้านเราเน้นขายกระจก และก็มีเครื่องประดับตกแต่งบ้าน (Home accessories) อย่างอื่นด้วย เพราะว่าร้านในเมืองไทยไม่ค่อยมีร้านขายกระจกสำหรับการตกแต่งบ้าน ซึ่งกระจกบางอันสามารถเป็นเครื่องประดับตกแต่งผนังได้เลย
ส่วนตัวเป็นคนชอบนำกระจกมาตกแต่งบ้านอยู่แล้ว และรู้สึกว่าเทรนด์การตกแต่งบ้านในต่างประเทศ คือการนำกระจกมาตกแต่งบ้าน เลยอยากให้คนไทยได้เห็นว่า นอกจากภาพวาดแล้วก็มีกระจกเป็นทางเลือกในการแต่งบ้าน เราจึงพยายามหาของสวยๆ มาไว้ที่ร้าน”
ดึงอดีตมามิกซ์กับความเป็นปัจจุบัน
ด้วยอาชีพประจำที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อให้ประทับใจลูกค้า อินทีเรียสาวยังได้เสนอไอเดียสร้างสรรค์ในการตกแต่งบ้านจากประสบการณ์เกือบ 10 ปี ในวงการออกแบบตกแต่ง ซึ่งเธอเองก็ยอมรับว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย
“ช่วงหนึ่งสไตล์มินิมอลมาแรงมาก ก็จะเหมาะกับคนชอบสไตล์โมเดิร์น แต่ตอนนี้สไตล์ฝรั่งเศสและอเมริกันคันทรีกำลังมาแรง เพราะเป็นอะไรที่ดูคลาสสิกนิดหน่อย เป็นการดึงอดีตมามิกซ์กับความเป็นปัจจุบัน ซึ่งงานที่เราถนัดคือการออกแบบสไตล์ที่มีรายละเอียดเยอะๆ เก่าปนใหม่ คลาสสิกเล็กน้อย ชอบโครงสร้างเก่าๆ แต่จับมิกซ์ด้วยการวางของโมเดิร์นเข้าไป ทำให้บ้านดูสนุก
ที่ชอบให้มีความคลาสสิกปนไปด้วย เพราะให้ความรู้สึกว่าสมจริงและอยู่ได้นาน อาจไม่ใช่ของเก่าจริงแต่ทำให้ดูเก่า นอกจากนี้ ยังชอบเลือกใช้วัสดุหลากหลาย เช่น เฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ในห้องก็จะไม่ได้เป็นวัสดุอย่างเดียว อาจจะมีการผสมผสานไม่ว่าจะเป็นไม้ เหล็ก ผ้า
เวลาดูแมกกาซีนต่างประเทศเขาจะเน้นของตกแต่งเยอะๆ กระจุกกระจิก ซึ่งบางทีคนไทยมองข้าม แต่อยากแนะนำว่า อย่าลืมให้ความสำคัญกับเครื่องประดับตกแต่งบ้าน เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้พื้นที่นั้นดูสมบูรณ์แบบมากขึ้น และยังบ่งบอกความคนมีรสนิยมของเจ้าของบ้านด้วย แม้แต่แจกันชิ้นเดียวก็มีความหมายกับพื้นที่นั้น
ตามสไตล์ที่เธอชอบกับสิ่งที่อินทีเรียสาวคนนี้มองว่า นั่นน่าจะเป็นเทรนด์ของการตกแต่งบ้านที่กำลังจะมา ก็คือการหาไอเท่มสุดพิเศษมาใช้ตกแต่งบ้าน
“บ้านต่างประเทศนิยมใช้กระจกในการตกแต่งบ้าน อย่างเวลาเราดูบ้านดาราฮอลลีวูด จะเห็นว่าเขามีการนำกระจกมาเป็นเครื่องประดับในการตกแต่งบ้าน พอดูแล้วเราก็พลอยชอบไปด้วย เหตุผลก็คือกระจกเป็นหนึ่งในอาร์ตเวิร์กที่สามารถนำมาติดพนังได้ บางครั้งเรานึกไม่ออกว่าเราจะใช้รูปอะไรในการประดับพนัง ซึ่งกระจกก็เป็นอะไรที่น่าสนใจ การใช้กระจกตกแต่งทำให้ห้องดูมีมิติ ทำให้ห้องดูกว้างขึ้น เป็น Decorative Item ที่น่าสนใจและมีมิติ ออกมาจากพนังและดึงสายตาได้ด้วย เป็นการเพิ่มลูกเล่นให้บ้าน จากพนังธรรมดาก็ดูน่าสนใจขึ้น”
อาร์ตสไตลิสต์
เพราะชีวิตส่วนใหญ่ผูกพันอยู่กับงานดีไซน์ ฉะนั้น หลายๆ อย่างในชีวิตจึงมักเชื่อโยงไปในสไตล์ที่ตัวเองชอบ ทั้งเรื่องงานและเรื่องสไตล์ที่เป็นเธอ นั่นคือ การชอบการผสมผสานระหว่างความเก่าและความใหม่ จึงออกมาเป็นสไตล์ของเธอ
“อาจเป็นเพราะเราอยู่กับงานดีไซน์ เห็นของมาเยอะ ก็เลยการเป็นความชอบที่คุ้นชิน รวมไปถึงเรื่องการมิกซ์แอนด์แมตช์เสื้อผ้าด้วย ตอนนี้หันมาชอบแนววินเทจ อย่างเครื่องประดับของคุณแม่ กระเป๋าวินเทจ หรืออย่างเวลาไปต่างประเทศก็จะไปร้านของเก่า หาโอกาสไปซื้อกระเป๋าเก่าๆ แล้วเอามาผสมกับการแต่งตัวสไตล์โมเดิร์น คิดว่าทำให้การแต่งตัวดูน่าสนใจขึ้น มากกว่าที่จะเป็นแฟชั่นสมัยใหม่ทั้งตัว เช่น แต่งตัวสมัยใหม่ แต่เอาเครื่องประดับของเก่ามาใส่ก็ดูน่าสนใจดี มิกซ์กันไป อาจจะไม่ใช่ว่าต้องของแพงทั้งตัว
และเดี๋ยวนี้โตขึ้นจะรู้ว่าไม่ควรซื้อของสะเปะสะปะ เพราะใส่ได้ไม่กี่ทีก็พัง เราก็จะให้ความสำคัญกับคุณภาพมากขึ้น ยอมซื้อเสื้อผ้าที่ใส่ได้นาน เราชอบเน้นแบบแพตเทิร์นแปลกๆ”
แม่บ้านอินทีเรีย
และในเรื่องของครอบครัวเธอก็เลือกมิกซ์แอนด์แมตช์อย่างลงตัวกับ “ปอนด์-ศราวุธ เลาหพงศ์ชนะ” เพื่อนแฮงก์กลุ่มเดียวกัน หลังจากแต่งงานกันได้ 3 ปี วันนี้ก็มีพยานรัก 1 คนเรียบร้อยแล้ว
“กับสามีเรารู้จักกันมานานเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ไปเที่ยวด้วยกัน พอดีออกแบบห้องให้เขาด้วย คุยกันไปคุยกันมาก็คลิ๊ก เลยค่อยๆ เปลี่ยนจากเพื่อนเป็นแฟน รู้สึกว่าเรามีอะไรหลายๆ อย่างเหมือนกัน ชอบงานดีไซน์เหมือนกัน ชอบทานอาหารรสชาติเดียวกันก็เลยเข้ากันได้ เป็นทั้งเพื่อนทั้งแฟน
แต่งงานมา 3 ปี ตอนนี้มีลูกสาว 2 ขวบชื่อ “น้องพราว” ตอนนี้กำลังน่ารักเราก็พยายามให้เวลากับเขาเต็มที่ เพราะว่าเราทำธุรกิจตัวเองเราก็จะจัดการเวลาได้ พยายามตื่นเช้ามาเตรียมสิ่งต่างๆ ให้เขา ชอบใช้เวลากับลูก เล่นกับลูก ยิ่งช่วงนี้เขาพูดได้ยิ่งสนุก ถามทั้งวัน เราก็ต้องคุยกับเขา”
นอกจากจะมีความสุขกับครอบครัวแล้ว เธอก็ยังมีความสุขกับการดูแลตัวเองด้วยเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเธอของเลือกใช้วิธีง่ายๆ ในการดูแลตัวเอง
“ตอนมีลูกก็น้ำหนักขึ้นมา17 กิโลกรัม แต่ว่ากลับมาเหมือนเดิมเอง คงเป็นเพราะระบบเผาผลาญดี เป็นคนชอบกินข้าว กินเยอะมาก แต่ก็กินผักเยอะด้วย ทำให้เผาผลาญดีก็เลยไม่อ้วน ส่วนเรื่องความสวยความงามเรารักสวยรักงาพอสมควร แต่ส่วนใหญ่ชอบทำที่บ้านเพราะต้องดูแลลูก ชอบซื้อผลิตภัณฑ์มาทำเอง มาสก์หน้า หมักผม ขอให้ได้ทำนิดหน่อย พวกสมุนไพรก็ชอบนะ สูตรทำเองก็มี เช่น โยเกิร์ตผสมน้ำผึ้งและมะนาว หรือซื้อผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปมาทำ เป็นผู้หญิงยังไงก็ต้องดูแลตัวเอง”
หลายสิ่งอย่างของอินทีเรียสาวคนนี้เริ่มลงตัว ไม่ว่าจะเป็นงานที่เธอรัก และครอบครัวที่ทำให้เธอมีความสุข ฉะนั้นอนาคตที่เหลือก็คือการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและไม่หยุดนิ่ง เพราะเธอค้นพบสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว!! :: Text by FLASH
Credit
นางแบบ :: พราวพรรณ เลาหพงศ์ชนะ
แต่งหน้า :: จีรวัฒน์ วรรธนะวิริยะกุล จากเครื่องสำอางลังโคม โทรศัพท์ 0-2684 -3000
เสื้อผ้า :: DIOR มีจำหน่ายที่ชั้น 1 ศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรียม และชั้น G ศูนย์การค้าเกษร
เครื่องประดับ :: นาฬิกา Brequet รุ่น‘Reine de Naples Collection’ สอบถามได้ที่ Frank’s Watch Boutique โทรศัพท์ 02- 610-9678
ประสานงาน :: สิริลักษณ์ เขตร์กุฎี, พรรณพิมล แดงรัศมีโสภณ
ช่างภาพ & สไตลิสต์ :: จิน ธรรมโชติ
บรรณาธิการแฟชั่น :: ไซม่อน พี