แหวนอัจฉริยะ กลายเป็นหนึ่งสินค้าในกลุ่มอุปกรณ์สวมใส่เพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพมากยิ่งขึ้น เพียงแต่ที่ผ่านมาอุปกรณ์ที่ช่วยในการวัดข้อมูลสุขภาพหลักๆ แล้วจะอยู่ที่สมาร์ทวอทช์ หรือสมาร์ทแบนด์เท่านั้น เพิ่มเติมด้วยสมาร์ทริง ที่เพิ่งได้รับความนิยมมากขึ้น
แน่นอนว่า การที่ตลาดนี้จะได้รับความนิยมมากขึ้น ต้องเริ่มจากการที่แบรนด์เทคโนโลยีที่เป็นเจ้าตลาด เริ่มนำสินค้าเข้ามาจำหน่าย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการรับรู้จากผู้ใช้งาน และนับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม หลังจาก Galaxy Ring เปิดตัวในช่วงกลางปีที่ผ่านมา และล่าสุดได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทำตลาดในไทยแล้ว
จุดเด่นหลักของ Galaxy Ring คือการเป็นแหวนสไตล์เรียบๆ มินิมอล ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่อัดแน่นอยู่ภายใน โดยเฉพาะเซ็นเซอร์การตรวจวัดค่าสุขภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ค่าออกซิเจนในเลือด (SpO2) เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิผิวหนัง และเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้จะนำข้อมูลมาประมวลผลรวมกันด้วย AI เพื่อวิเคราะห์ออกมาเป็นค่าสุขภาพให้ผู้ใช้งานได้เห็น
วัสดุหลักที่นำมาใช้งานกับ Galaxy Ring คือไทเทเนียม ที่นอกจากให้ความแข็งแรง น้ำหนักเบา ยังมีการเคลือบสาร Iconic Concave เพื่อป้องกันรอยขีดข่วนขณะสวมใส่ใช้งาน มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 สีคือ สีดำ Titanium Black สีเงิน Titanium Silver ที่เป็นแบบผิวด้าน (Matt) และสีทอง Titanium Gold ผิวมัน (Glossy)
ขนาดของตัวแหวนจะมีความหนาขึ้นมากกว่าแหวนปกติเล็กน้อย เพราะต้องเป็นที่อยู่ของทั้งเซ็นเซอร์ และแบตเตอรี่ภายใน แต่เมื่อเทียบขนาดกับ Smart Ring หลายๆ รุ่นในท้องตลาด ต้องยอมรับว่า Galaxy Ring ทำออกมาได้ค่อนข้างบาง และสวมใส่ใช้งานได้ง่าย ที่สำคัญคือกันน้ำ IP68/10ATM ทำให้สวมใส่อาบน้ำได้สบายๆ
ส่วนของแบตเตอรี่ที่ให้มาจะขึ้นอยู่กับขนาดของแหวนที่มีให้เลือกตั้งแต่ไซส์ 5-13 เริ่มตั้งแต่ 18 mAh. 19.5 mAh และ 23.5 mAh ซึ่งรุ่นที่สวมใส่ใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 7 วันคือไซส์ 12-13 ส่วนไซส์ที่เล็กลงมากว่านั้นก็จะใช้งานได้ลดหลั่นลงมา
โดยถ้าใช้งาน Galax Ring คู่กับ Galaxy Watch จะยืดอายุการใช้งานของแหวนได้เพิ่มเติม เพราะเมื่อ Ring ตรวจพบว่ามีการเชื่อมต่อ Galaxy Watch ขณะออกกำลัง จะปิดการทำงานของเซ็นเซอร์บางอย่างลง เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ เพราะค่าการตรวจวัดต่างๆ สามารถเก็บข้อมูลจาก Galaxy Watch ได้อยู่แล้ว
เหมาะวัดการนอน
เหตุผลที่ Galaxy Ring เหมาะกับการสวมใส่ตอนนอน เพื่อตรวจวัดข้อมูลสุขภาพ เนื่องมาจากเหตุผลที่หลายๆ คนเวลาใส่นาฬิกานอนแล้วจะรู้สึกว่า ตัวเรือนมีขนาดใหญ่เกินไป ทำให้เวลาใส่นอนอาจจะรู้สึกไม่สบายข้อมือ จนกระทบกับการนอนหลับให้สนิทได้ ในขณะที่แหวนมีขนาดเล็ก สามารถสวมใส่เข้ากับนิ้วที่เหมาะสมเพื่อติดไว้ได้สบายกว่า
โดยข้อมูลหลักๆ ที่แหวนนำมาใช้ตรวจวัดการนอนจะมาจาก 3 เซ็นเซอร์หลักที่ใส่มา คือเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว เพื่อดูว่าขณะที่นอนมีการขยับร่างกายมากแค่ไหน ตามด้วยเซ็นเซอร์วัด HR / SpO2 และเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ ที่จะคอยเก็บข้อมูลตลอดเวลา
หลังจากนั้น จะนำมาประมวลผลบนแอปพลิเคชัน Health ออกมาเป็นคะแนนเต็ม 100 เพื่อให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น โดยจะดูจากทั้งระยะเวลา และช่วงเวลาในการนอนหลับตามขั้นต่างๆ ทั้งหลับลึก หลับตื้น หลับฝัน ผสมกับอัตราการเต้นของหัวใจ ค่าออกซิเจน และอุณหภูมิผิวหนัง
นอกจากนี้ ยังสามารถทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน Galaxy เพื่อตรวจจับการกรน ด้วยการนำสมาร์ทโฟนมาเสียบชาร์จวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงใกล้ศีรษะ และเปิดใช้งาน ตัวเครื่องจะคอยทำการตรวจจับเสียงด้วยไมโครโฟน และนำข้อมูลที่เก็บได้มาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลจาก Galaxy Ring อีกที
ในการตรวจจับการเคลื่อนไหว หลักๆ แล้ว Galaxy Ring จะใช้วัดก้าวเดิน หรือการออกกำลังด้วยการวิ่งเป็นหลัก เนื่องจากสามารถใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว คู่กับเซ็นเตอร์วัดชีพจร เพื่อเก็บข้อมูลช่วงเวลาการออกกำลังได้แบบอัตโนมัติ
มากับเคสชาร์จเข้าใจง่าย
สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาภายในกล่องจะมีเคสชาร์จที่ออกแบบมาเป็นกล่องเก็บแหวนแบบใส ที่มีความสวยงาม สามารถใช้ตรวจสอบแบตเตอรี่ได้ด้วยการใส่แหวนลงไปชาร์จ จะมีไฟขึ้นเป็นวงแหวนเพื่อบอกสถานะของแบตเตอรี่เมื่อกดที่ปุ่มตรงกลาง และยังใช้สำหรับการเชื่อมต่อด้วยการกดปุ่มค้างไว้ 3 วินาที เพื่อเข้าโหมด Pairing ก่อนเชื่อมเข้ากับสมาร์ทโฟน Galaxy
ทั้งนี้ ข้อจำกัดหลักๆ ของ Galaxy Ring คือการใช้งานภายในอีโคซิสเต็มของ Samsung เป็นหลัก ถึงจะได้ฟีเจอร์การใช้งานที่ครบ กรณีที่ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน Android แบรนด์อื่นๆ อาจมีบางฟีเจอร์หายไป เช่น การขยับนิ้วเพื่อควบคุมชัตเตอร์กล้อง หรือที่ใช้สมาร์ทโฟน Galaxy ตรวจจับเสียงกรน เป็นต้น ส่วนผู้ใช้งาน iOS ยังไม่สามารถใช้งานได้
เบื้องต้น Galaxy Ring จะวางจำหน่ายครั้งแรกในไทย ภายในงาน Thailand Mobile Expo 2024 ระหว่างวันที่ 24-27 ตุลาคม (จำนวนจำกัด) ก่อนวางขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ผ่านหน้าร้านซัมซุง ตัวแทนจำหน่าย และเว็บไซต์ซัมซุง