xs
xsm
sm
md
lg

Review : AirPods Pro (รุ่นที่ 2) USB-C กับอัปเดตใหญ่บน iOS 17

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แม้ว่าจะเป็นการอัปเดต AirPods Pro ในรูปแบบของไมเนอร์เชนจ์ด้วยการเปลี่ยนจากพอร์ต Lightning มาเป็น USB-C เช่นเดียวกับใน iPhone 15 แต่ในอีกมุม AirPods Pro บน iOS 17 มีความสามารถใหม่ที่น่าสนใจขึ้นมาหลายอย่างที่ทำให้การใช้งานสะดวกขึ้น

AirPods Pro รุ่นที่ 2 ยังคงโดดเด่นในเรื่องของการตัดเสียงรบกวน ตัวเคสและหูฟังกันน้ำกันฝุ่น IP54 สามารถชาร์จไร้สายได้จาก MagSafe และแท่นชาร์จ Apple Watch โดยยังคงเป็นหูฟังที่ใช้งานกับอุปกรณ์ในอีโคซิสเต็มของ Apple ได้ลงตัวที่สุด ในราคา 8,990 บาท


ข้อดี
ปรับมาใช้ USB-C ทำให้สามารถชาร์จตรงจาก iPhone ได้ด้วย
การสลับอุปกรณ์ระหว่าง iPhone iPad Mac ทำได้รวดเร็วขึ้น
มีโหมดตรวจจับเสียงพูดให้ใช้งานเพิ่มเติม

ข้อสังเกต
เปลี่ยนแค่พอร์ต USB-C เท่านั้น
ระบบเสียง Lossless ใช้ได้กับ Vision Pro เท่านั้น


ฟีเจอร์ใหม่ AirPods Pro บน iOS 17


จุดน่าสนใจหลักของ AirPods Pro รุ่นที่ 2 ที่ใช้ทั้งพอร์ต Lightning เดิม และ USB-C ใหม่นี้ จะได้รับการอัปเกรดความสามารถเพิ่มเติมมาบน iOS 17 หลากหลายอย่างด้วยกัน อย่างการสลับการใช้งานระหว่างอุปกรณ์ที่รวดเร็วมากขึ้น เช่น เวลาฟังเพลง หรือดูวิดีโอบน iPad หรือ Mac ถ้ามีสายเรียกเข้าใน iPhone ถ้ากดรับสายก็จะพร้อมคุยผ่าน AirPods Pro ได้ทันที

ถัดมาคือเรื่องของการตัดเสียงรบกวนที่มีการเพิ่มโหมด Adaptive Audio เข้ามาอยู่กึ่งกลางระหว่างโหมดตัดเสียงรบกวน (Noise Cancellation) และโหมดรับฟังเสียงรอบข้าง (Transparency) ที่ตัวหูฟังจะฟังเสียงสภาพแวดล้อมรอบข้าง และปรับโหมดการตัดเสียงให้เหมาะสม ทำให้การสวมใส่เป็นระยะเวลานานสบายขึ้น

โหมด Adaptive Audio จะเหมาะกับการใช้งานอย่างเวลาอยู่ในบ้านที่ไม่ได้มีเสียงรบกวนจากรอบข้างมากเกินไป หรือระหว่างเดินทางที่ไม่อยากได้ยินเสียงรบกวนเยอะ แต่ยังต้องการรับรู้ถึงเสียงรอบข้างเพื่อป้องกันอันตราย หรืออุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งหูฟังจะคอยเรียนรู้การใช้งาน และปรับให้โหมดนี้สมบูรณ์ขึ้นด้วย


ถัดมาคือโหมดเปิดรับเสียงขณะสนทนา (Conversation Awareness) ที่หูฟังจะใช้โมชันเซ็นเซอร์มาตรวจจับการเคลื่อนไหวของศีรษะ ร่วมกับไมโครโฟน เพื่อดูว่ามีการขยับหัวเพื่อหันไปสนทนา หรือตรวจจับเสียงพูด ตัว AirPods Pro จะทำการหยุดเล่นเพลง/วิดีโอ พร้อมกับปิดโหมดตัดเสียงรบกวนเพื่อให้สามารถสนทนาได้ทันที และเมื่อหยุดพูด หรือหันกลับมา เพลง/วิดีโอจะเล่นต่อโดยอัตโนมัติ

อย่างไรก็ตาม ในโหมดของ Conversation Awareness จะไม่เหมาะเวลาอยู่ในพื้นที่สาธารณะที่มีเสียงคนพูดอยู่รอบข้าง เพราะในบางจังหวะหูฟังยังไม่แม่นยำพอที่จะแยกว่าเป็นเสียงของเราพูด หรือมีคนอื่นพูดอยู่รอบข้าง


อีกโหมดที่เพิ่มขึ้นมาและถือว่าค่อนข้างเป็นประโยชน์คือ การปรับเสียงให้เหมาะสมกับการใช้งาน (Personalized Volume) ที่ตัว AirPods Pro รุ่นที่ 2 จะคอยเรียนรู้การใช้งาน เพื่อดูว่าเราฟังเสียงเพลงในระดับใด และจะคอยปรับเสียงใหม่เหมาะสมแบบอัตโนมัติ เพื่อให้ไม่ได้ยินเสียงที่ดังต่อเนื่องมากเกินไปด้วย


นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงให้สามารถใช้การกดก้านหูฟังเพื่อปิดเปิดเสียงไมค์ ระหว่างการประชุมสายออนไลน์ผ่านโปรแกรมวิดีโอคอลต่างๆ ที่นำ CallKit ไปใช้งาน ทำให้การประชุม FaceTime หรือโปรแกรมอื่นๆ ทำได้สะดวกขึ้น


USB-C ช่วยให้ชาร์จง่ายขึ้น


กลับมาที่สิ่งใหม่ใน AirPods Pro รุ่นที่ 2 ที่มากับพอร์ต USB-C คือสามารถชาร์จด้วยสาย USB-C ได้แล้ว นั่นแปลว่าในกรณีที่ฉุกเฉินอยู่ข้างนอก ถ้ามี iPhone 15 และสายชาร์จอยู่ก็สามารถเสียบสาย USB-C ที่ iPhone และเชื่อมต่อเข้ากับ AirPods Pro เพื่อชาร์จได้ทันที ซึ่งความสามารถของ iPhone ที่ปล่อยไฟ 5W นั้นเพียงพอกับการชาร์จอยู่แล้ว

นอกจากนี้ ตัวเคส USB-C ยังเพิ่มในเรื่องของการทนฝุ่นมาด้วย เสริมจากก่อนหน้าที่กันน้ำเพียงอย่างเดียว ทำให้ผ่านมาตรฐาน IP54 ทั้งเคส และหูฟัง ตัวเคสยังสามารถส่งเสียง และมีชิป U1 ทำให้สามารถใช้เครือข่าย Find My ในการตามหาแบบระบุตำแหน่งได้


สำหรับดีไซน์ของ AirPods Pro 2 ยังมีช่องคล้องสายห้อยมาให้เช่นเดิม และผู้ใช้ที่สั่งออนไลน์ ยังเลือกสลักข้อความระบุความเป็นเจ้าของได้เช่นเดิม อย่างการใส่ตัวอักษรย่อ หรือสัญลักษณ์ Emoji ต่างๆ เข้าไปบนเคส


ตัวหูฟังยังมีตัวเลือกจุกซิลิโคนแบบ Xs มาให้ สำหรับผู้ที่ใส่ขนาดปกติแล้วไม่กระชับ ซึ่งถ้าใครที่ใช้งาน AirPods Pro รุ่นที่ 1 ไม่ได้เพราะจุกซิลิโคนใหญ่ไป คิดว่าสามารถใช้งาน AirPods Pro รุ่นที่ 2 ได้ไม่ยาก

ประสิทธิภาพในการตัดเสียงรบกวนของ AirPods Pro ยังถือว่ายอดเยี่ยมอยู่เช่นเดิม รวมถึงระบบ Spatial Audio หรือเสียงรอบทิศทางแบบติดตามตำแหน่งศีรษะ ทำให้ได้ประสบการณ์รับชมภาพยนตร์ หรือสตรีมมิ่งที่รองรับ Dolby Vision ได้เต็มที่

ส่วนระยะเวลาการใช้งานฟังเพลงแบบตัดเสียงรบกวนยังอยู่ที่ 6 ชั่วโมงจากตัวหูฟัง และเมื่อรวมกับเคสชาร์จจะอยู่ที่ 30 ชั่วโมง ส่วนเวลาในการสนทนาอยู่ที่ราว 4.5 ชั่วโมงต่อการชาร์จหูฟัง 1 ครั้ง


กำลังโหลดความคิดเห็น