ROG Phone กลับมาสร้างจุดต่างในตลาดสมาร์ทโฟนเกมมิ่งอีกครั้ง ด้วย ROG Phone 7 ที่รอบนี้พัฒนาตัวเครื่องให้ระบายความร้อนได้ดีมากขึ้น ทำให้เมื่อใช้งานคู่กับชิปเซ็ตรุ่นท็อปอย่าง Snapdragon 8 Gen 2 สามารถรีดประสิทธิภาพออกมาได้สุด
ROG Phone 7 เปิดตัวมาด้วยคะแนนทดสอบ Antutu Benchmark เป็นอันดับ 1 เมื่อเรียกใช้งาน X Mode หรือโหมดประสิทธิภาพสูง และยังโดดเด่นเรื่องหน้าจอ 6.78 นิ้ว ที่ให้ Refresh Rate สูงถึง 165 Hz และลูกเล่นไฟ Aura RGB LED ที่เลือกปรับสีได้หลังเครื่อง ในราคาเริ่มต้น 34,990 บาท
ข้อดี
เกมมิ่งโฟนตัวท็อป ประสิทธิภาพสูง
จอ 6.78 นิ้ว 165 Hz ความสว่างสูงสุด 1200 nits
แบตเตอรี่ 6,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 65W
ข้อสังเกต
กล้องไม่มีเลนส์ซูมมาให้
ตัวเครื่องค่อนข้างใหญ่ แลกกับเล่นเกมได้เต็มตา
ความละเอียดจอยังอยู่ที่ 1080p
เน้นเล่นเกม ต้องไปให้สุด
ด้วยแบรนด์โพสิชันที่ชัดเจนของ ROG Phone 7 ในการเป็นสมาร์ทโฟนสำหรับการเล่นเกม ดังนั้น สิ่งที่ผู้บริโภคคาดหวังคือต้องรองรับการเล่นเกมได้ลื่นไหล และมีตัวช่วยให้เล่นเกมได้เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น
ในจุดนี้ต้องยอมรับว่าทั้งการออกแบบดีไซน์ตัวเครื่อง เรื่องของสีสีนไฟ Aura RGB LED ช่วยให้ภาพลักษณ์ของการเป็นเกมมิ่งโฟนมีความโดดเด่นมากขึ้น และที่ขาดไม่ได้คือระบบระบายความร้อนภายในที่ออกแบบพิเศษช่วยให้ดึงประสิทธิภาพของชิปประมวลผลได้ดีที่สุด
เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาสมาร์ทโฟนระดับแฟลกชิปในตลาดที่ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 มักจะเจอกันคือการลดประสิทธิภาพการทำงานลงเมื่อตัวเครื่องร้อน ทำให้การใช้งานเล่นเกมหนักๆ ต่อเนื่องไม่ลื่นไหลอย่างที่คาดหวังไว้
แต่ใน ROG Phone 7 ที่ ASUS ใส่ระบบระบายความร้อน Rapid-Cycle Vapor Chamber มาให้ ด้วยการจัดเรียงซีพียูไว้กึ่งกลาง ระหว่างแบตเตอรี่ที่แยกเป็น 2 ส่วน ช่วยให้กระจายความร้อนได้ดีกว่าเดิม ทำให้จัดการความร้อนในตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี สามารถเล่นเกมแบบปรับสุดได้ไหลลื่น แม้จะใช้งานต่อเนื่องก็ตาม
หรือในกรณีที่อยากได้ระบบระบายความร้อนที่ดีขึ้น ใน ROG Phone 7 Ultimate จะมาพร้อมกับพัดลมระบายอากาศ AeroActive Cooler 7 ที่จะทำงานร่วมกับ ROG Phone 7 โดยเฉพาะ ทำงานร่วมกับช่องรับอากาศหลังเครื่อง ทำให้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนได้ 20%
สำหรับหน้าจอของ ROG Phone 7 ที่ใช้กระจก Gorilla Glass Victus ให้มาขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2448 x 1080 พิกเซล รองรับ Refresh Rate ตั้งแต่ 60/90/120/144/165 แบบ Adaptive ช่วยให้การแสดงผลทำได้อย่างลื่นไหล
รวมถึงความแม่นยำของสีที่ 111.23% DCI-P3 ค่า Delta E<1 บนหน้าจอแบบ AMOLED ทำให้ได้สีสันที่สดใส คมชัด โดยใต้หน้าจอจะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ด้วย ตัวเครื่องขนาด 172.8 x 77.2 x 10.4 มิลลิเมตร น้ำหนัก 239 กรัม
ขณะที่กล้องหลักให้มา 3 เลนส์ ประกอบด้วยเลนส์หลัก 50 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 13 ล้านพิกเซล และเลนส์มาโคร 5 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุดที่ 8K24fps ส่วนกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล เรียกได้ว่ามีมาให้ใช้งานครบ
แบตเตอรี่ของ ROG Phone 7 อยู่ที่ 6,000 mAh รองรับการชาร์จเร็ว ROG Hyper Charge 65W ทำให้สามารถชาร์จจาก 0-60% ใน 19 นาที และเต็ม 100% ใน 42 นาที ซึ่งเท่าที่ทดสอบใช้งานจาก 100-20% สามารถใช้งานได้ราว 13 ชั่วโมง ทำให้มั่นใจได้ว่าแบตเตอรี่เพียงพอต่อการใช้งาน
ความน่าสนใจของเรื่องการชาร์จยังไม่หมด เพราะตัว ROG Phone 7 มีช่องเสียบชาร์จมา USB-C มาให้ 2 จุดด้วยกัน คือจุดมาตรฐานที่ใต้ตัวเครื่อง สำหรับเสียบชาร์จเวลาปกติ และที่สำคัญคือยังมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. มาให้ใช้งาน เพราะเวลาเล่นเกมการฟังเสียงที่มีความหน่วงน้อยที่สุดจะช่วยให้การเล่นเกมทำได้แม่นยำมากขึ้น
เพิ่มเติมด้วยทางฝั่งซ้ายตัวเครื่องทำให้สามารถเสียบชาร์จระหว่างถือเล่นเกมไปได้ด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วพอร์ตทางฝั่งซ้ายนี้จะถูกใช้งานกับอุปกรณ์เสริมอย่าง AeroActive Cooler นั่นเอง แต่สามารถใช้ชาร์จ USB-C ได้ด้วย
ในส่วนของความแรงตัวเครื่อง ROG Phone 7 จะมีโหมดการทำงานแบบปกติ และ X Mode ที่จะรีดประสิทธิภาพตัวเครื่องออกมาได้ ซึ่งจะเปิดใช้งานเวลาที่เล่นเกม หรือตัวเครื่องใช้งานแอปพลิเคชันที่ประมวลผลหนักๆ ทำให้ได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีที่สุด
โดยผลจากการทดสอบของ Antutu แสดงให้เห็นว่า ROG Phone 7 นับเป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่แรงที่สุดในท้องตลาดเวลานี้ จากการที่ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 คู่กับ Adreno 740 RAM 16 GB ROM 512 GB ที่เป็น UFS 4.0 ทำให้สามารถโอนถ่ายข้อมูลได้รวดเร็วมากขึ้น โดยทำคะแนนไปได้เกือบ 1.6 ล้านคะแนน
ด้านการเชื่อมต่อ ROG Phone 7 รองรับการเชื่อมต่อ 5G SA ใส่นาโนซิมการ์ดได้ 2 ซิม แต่ไม่รองรับการเพิ่ม MicroSD WiFi 6 บลูทูธ 5.3 มี NFC มาให้ และ GPS ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 13
Armoury Crate เสริมประสบการณ์เล่นเกม
นอกจากภาพรวมการออกแบบตัวเครื่องให้เป็นเกมมิ่งโฟนแล้ว อีกส่วนที่ทำให้ ROG Phone 7 โดดเด่นขึ้นมาคือแอปบริหารจัดการเครื่อง Armoury Crate ที่ให้ผู้ใช้เข้าไปปรับเลือกโหมดใช้งานได้ 3 รูปแบบ ทั้ง X Mode ที่เน้นประสิทธิภาพ Dynamic ที่จะปรับตามการใช้งาน และ Ultra durable ที่เน้นระยะเวลาใช้งานให้ยาวนานที่สุด
ภายในจะรวบรวมเกมไลบรารี่ที่ติดตั้งไว้ในเครื่อง เพื่อให้เลือกเข้าเล่นเกมที่ต้องการได้ทันที ซึ่งในจุดนี้สามารถเข้าไปตั้งโปรไฟล์เพิ่มเติมอย่างปุ่มลัด หรือการใช้งานมาโคร AirTrigger และ Motion Control เฉพาะของแต่ละเกมได้ด้วย
โดยในส่วนของ AirTrigger จะเป็นปุ่มสัมผัสที่อยู่มุมซ้าย-ขวาบนของเครื่อง เวลาที่ถือเล่นเกมในแนวทาง ซึ่งจะสามารถใช้การแตะเพื่อสั่งงาน หรือใช้นิ้วชี้ปัดเลื่อนซ้ายขวาได้ทั้งหมด 9 รูปแบบ เพื่อใช้สั่งงานอย่างการยิงปืนโจมตี เป็นต้น
ขณะที่ Motion Control จะใช้การเอียงเครื่องไปในทิศทางต่างๆ 10 ทิศทาง เพื่อบังคับตัวเกม ทำให้เป็นเหมือนตัวช่วยเพิ่มเติมเวลาเล่นเกมที่ต้องการรูปแบบการควบคุมพิเศษขึ้นมา
นอกจากนี้ Armoury Crate ยังใช้สำหรับดูสถานะตัวเครื่องอย่างความร้อนและการทำงานของซีพียู จีพียู รวมถึงพื้นที่เก็บข้อมูล และหน่วยความจำในตัวเครื่องเพิ่มเติมด้วย
ทีเด็ดที่ขาดไม่ได้คือการปรับไฟ Aura RGB LED ที่สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ ทั้งจังหวะการกะพริบของไฟ เปลี่ยนสีไฟ ความสว่างได้ตามที่ต้องการ ช่วยดึงดูดให้การถือ ROG Phone 7 มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
สรุป
ROG Phone 7 ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนเกมมิ่งที่ทำให้ผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนไม่ผิดหวัง ทั้งเรื่องของแนวคิดในการออกแบบตัวเครื่องให้รองรับการเล่นเกมได้อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงลูกเล่นต่างๆ ภายในตัวเครื่องที่เหมาะกับคอเกมอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ ROG Phone 7 วางจำหน่ายในไทยด้วยกัน 2 รุ่นซึ่งจะได้ RAM 16 GB ROM 512 GB ทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็น ROG Phone 7 และ ROG Phone 7 Ultimate ซึ่งจะได้ AeroActive Cooler เพิ่มเข้ามา พร้อมกับ ROG Vision เป็นจอที่สองบริเวณหลังเครื่อง
ROG Phone 7 (Phantom Black, Storm White วางจำหน่ายในราคา 34,990 บาท ส่วน ROG Phone 7 Ultimate (Storm White, 16/512GB) 42,990 บาท เมื่อซื้อเครื่องพร้อมแพกเกจรายเดือนกับ AIS 5G
ROG Phone 7 ราคาเริ่มต้นที่ 29,490.- และ ROG Phone 7 Ultimate ราคาเริ่มต้นที่ 37,490.-
ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิมมา AIS รายเดือน ลดเพิ่มอีก 1,000 บาท! ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://m.ais.co.th/GAHGQrzHP
นอกจากนี้ ยังมี Early Bird Promotion พิเศษ! เมื่อซื้อ ROG Phone 7 รุ่นใดก็ได้ ระหว่างวันที่ 28 มิ.ย.-18 ก.ค.66 รับฟรีชุดหูฟังเกมมิ่งไร้สาย ROG Strix Go 2.4 มูลค่า 3,390 บาท สามารถเข้าไปลงทะเบียนรับของแถมได้ที่: https://th.rog.gg/t2ve0Q
ข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม
ROG Phone 7 : https://th.rog.gg/sG9u1r
ROG Phone 7 Ultimate : https://th.rog.gg/22l2G3