HUAWEI FreeBuds 5 ยังคงความโดดเด่นในแง่ของการออกแบบหูฟังให้สวมใส่สบายในดีไซน์แบบ Open Ear ที่มาพร้อมกับระบบตัดเสียงรบกวน ANC ที่ในรุ่นนี้ปรับปรุงให้สามารถปรับโหมดได้อัตโนมัติเพิ่มเข้ามา และยังคงโดดเด่นในเรื่องของคุณภาพเสียงอยู่เช่นเดิม
HUAWEI FreeBuds 5 เตรียมพร้อมวางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์วันที่ 5 พฤษภาคมนี้ ในราคาพิเศษ 3,999 บาท (5-8 พ.ค.) จากราคาปกติ 5,299 บาท สามารถสั่งซื้อได้จากช่องทาง https://bit.ly/3HbhlkY
ข้อดี
หูฟังดีไซน์โค้ง สวมใส่สบาย
รองรับเสียง Hi-Res
ชาร์จหูฟัง 5 นาที ใช้ได้ต่อ 2 ชั่วโมง
ข้อสังเกต
ระบบตัดเสียงรบกวนมีข้อจำกัดจากสรีระของหูแต่ละคน
การปรับแต่งหูฟังบน iOS ไม่ครบเหมือนบน Android
แรงบันดาลใจจากทรงโค้ง
ด้วยรูปลักษณ์ของ FreeBuds 5 ที่มีความโดดเด่นในแง่ของความโค้งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้หูฟังไร้สายรุ่นนี้มีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญคือให้ความรู้สึกสบายในการใส่ใช้งาน เพราะออกแบบมาตามสรีรศาสตร์ โดยมีให้เลือก 3 สีคือ เซรามิก ไวท์, ซิลเวอร์ ฟอร์สท และโครอล ออเรนจ์
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ HUAWEI FreeBuds 5 สวมใส่สบายมาจากการที่น้ำหนักของหูฟังค่อนข้างเบา อยู่ที่ข้างละ 5.4 กรัม และไม่ใช่แบบ In-Ears ทำให้เวลาสวมใส่ จะไม่รู้สึกอึดอัดที่หู ขณะที่เคสชาร์จน้ำหนักราว 45 กรัม ในขนาดที่ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป พกพาติดตัวได้สะดวก
ที่ตัวเคสจะมีไฟแสดงสถานะ และปุ่มกดสำหรับการเชื่อมต่อ (Pairing) อยู่ด้านข้าง โดยในการเปิดเคสใช้งานครั้งแรกจะเป็นไฟกะพริบสีขาว เพื่อแสดงสถานะพร้อมเชื่อมต่อ ซึ่งถ้านำสมาร์ทโฟน HUAWEI มาอยู่ใกล้ๆ ก็จะขึ้น Fast Paring ให้กดเชื่อมต่อได้ทันที
แน่นอนว่าจากการออกแบบหูฟังในลักษณะใหม่นี้ ย่อมไม่สามารถรองรับกับสรีระของหูทุกคนได้ ภายในกล่องของหูฟังจะมีซิลิโคนยางมาช่วยเพิ่มขนาดหูฟังให้สวมใส่ได้แน่นขึ้นด้วย กรณีที่เวลาใส่ใช้งานแล้วรู้สึกหลวมเกินไปก็สามารถใส่ซิลิโคนเพิ่มเข้าไปได้
ในแง่ของการใช้งาน HUAWEI FreeBuds 5 สามารถเชื่อมต่อได้ 2 อุปกรณ์พร้อมกัน ทำให้สามารถสลับการใช้งานสำหรับผู้ที่พกสมาร์ทโฟน 2 เครื่อง หรือใช้งานระหว่างคอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟนได้อย่างไร้รอยต่อ จากความสามารถของบลูทูธ 5.2 โดยที่ตัวหูฟังจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ ทำให้เวลาที่ใส่ฟังเพลงอยู่ เมื่อถอดออกเพลงก็จะหยุดอัตโนมัติ และเล่นต่อเมื่อสวมหูฟังกลับเข้าที่
นอกจากนี้ ยังมีเซ็นเซอร์รับการสัมผัสเพื่อสั่งงานอย่างเช่นการแตะ 2 ครั้งเพื่อเล่น/หยุดเพลง รวมถึงรับสาย แตะค้างเพื่อสลับโหมดตัดเสียงรบกวน และการเลื่อนขึ้น/ลง เพื่อปรับเพิ่มลดเสียงด้วย ซึ่งคำสั่งเหล่านี้สามารถเข้าไปตั้งค่าเพิ่มเติมได้ในแอป AI Life
ส่วนของแบตเตอรี่สามารถใช้งานฟังเพลงได้ต่อเนื่องราว 5 ชั่วโมง และถ้าเปิดโหมดตัดเสียงรบกวนด้วยจะใช้งานได้ราว 3.5 ชั่วโมง และเมื่อรวบกับเคสชาร์จจะใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 30 ชั่วโมง
ขณะที่การชาร์จ จะใช้เวลาชาร์จหูฟังจากเคสจนเต็มใน 20 นาที ส่วนการชาร์จเคสให้เต็มด้วยสายชาร์จ USB-C ใช้เวลาราว 40 นาที และกรณีที่ใช้การชาร์จไร้สายจะใช้เวลาราว 4 ชั่วโมง
ล้ำขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับ HUAWEI
หลายๆ ฟีเจอร์ของ HUAWEI FreeBuds 5 จะใช้งานได้สมบูรณ์แบบมากขึ้นเมื่อใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนของ HUAWEI อย่างเช่นการแสดงสถานะแบตเตอรี่ เมื่อเปิดฝาหูฟังขึ้นมา เช่นเดียวกับระบบ Fast Pair ที่จะขึ้นเฉพาะเวลาเปิดหูฟังใกล้กับมือถือ HUAWEI
เช่นเดียวกับการปรับแต่งการเชื่อมต่อใน Connection Center ที่อยู่ในแอป AI Life ที่จะมีให้เลือกว่าจะเชื่อมต่อดีไวซ์ไหนพร้อมกัน 2 เครื่อง ซึ่งแอปใน iOS จะไม่มีให้ปรับแต่งเพิ่มเติมในจุดนี้ เช่นเดียวกับการเลือก Audio Codec ระหว่าง LDAC และ L2HC จะมีขึ้นเฉพาะบน Android เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ยังดีที่สามารถเลือกปรับระดับการตัดเสียงได้ในทั้ง 2 ดีไวซ์ โดยจะมีให้เลือกระหว่างการตัดเสียงโหมดปกติ และโหมด Cozy ในจุดที่มีเสียงรบกวนเล็กน้อย ซึ่งสามารถเลือกให้เป็น Dynamic หรือปรับโหมดอัตโนมัติก็ได้
ทั้งนี้ ด้วยการที่เป็นหูฟังแบบ Open Ear ดังนั้น ถ้าใครที่สวมใสแล้วหูฟังไม่พอดี ระบบตัดเสียงรบกวนที่เกิดขึ้นก็จะไม่เด็ดขาด ยังคงมีเสียงจากบรรยากาศแวดล้อมลอดเข้ามาอยู่ดี กับอีกอาการที่เจอคือเมื่อโหมดตัดเสียงรบกวนทำงานจะปล่อยคลื่นเสียงออกมาทำให้รู้สึกหูอื้อเหมือนจมน้ำอยู่ เวลาที่ยังไม่เปิดเพลงฟัง
สรุป
ด้วยราคาโปรโมชัน 3,999 บาท ทำให้หูฟังไร้สายรุ่นนี้มีความน่าสนใจ เพราะได้ทั้งเรื่องคุณภาพเสียงที่รองรับ Hi-Res มีระบบตัดเสียงรบกวน ANC แม้ว่าจะเป็นหูฟังแบบ Open Ears ที่ไม่มีจุกอุดหูก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่เป็นหูฟังที่มีดีไซน์เฉพาะ ทำให้อาจจะไม่เหมาะกับการสวมใส่สำหรับผู้ที่รูหูเล็ก เนื่องจากใส่แล้วอาจหลุดได้เวลาขยับตัวไปมา ดังนั้น แนะนำให้ไปหาลองสวมใส่ก่อนดีกว่า