ในช่วงหลังที่เริ่มเห็นแบรนด์สมาร์ทโฟนจากจีนเริ่มขยายตลาดมาวางจำหน่ายสมาร์ททีวีกันมากขึ้น ด้วยการนำความเชี่ยวชาญเรื่องการแสดงผล และการที่มีชิปเซ็ตจำนวนมาก ทำให้สามารถลดต้นทุนในการผลิต และทำราคาจำหน่ายได้อย่างน่าสนใจ
Xiaomi TV A2 ซีรีส์ ทั้งรุ่นจอ 43” และ 58” นับเป็นรุ่นต่อยอดความสำเร็จในการทำตลาดสมาร์ททีวีของเสียวหมี่ ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในช่วงปีที่ผ่านมา ในเรื่องของความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยเฉพาะในช่วงทำโปรโมชันราคาพิเศษ เริ่มต้น 7,999-13,990 บาท
จุดเด่นของ Xiaomi TV A2 58” คือมากับจอ 4K ขนาด 58” รองรับทั้ง Dolby Vision และ Dolby Audio ยังมาพร้อมกับ Android TV ที่ทำให้สามารถสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant เข้าถึงคอนเทนต์จากบริการสตรีมมิ่งทั้ง YouTube Netflix DIsney+ หรือแม้แต่ Amazon Prime ได้ครบถ้วนในเครื่องเดียว
ข้อดี
จอ 4K UHD ขนาด 58”
รองรับมาตรฐานภาพและเสียง Dolby
Android TV รับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย
ข้อสังเกต
วัสดุหลักที่ใช้จะเป็นพลาสติกทำให้ต้องระวังในแง่ของความทนทาน
รุ่นจอ 43” ยังเป็นความละเอียด FHD
ราคาหลังหมดโปรโมชันจะเป็น 11,990-17,990
เน้นจอใหญ่คุ้มค่า
ในการเลือกซื้อสมาร์ททีวีเพื่อใช้งานทั่วไปภายในบ้าน เวลานี้ถ้ามีงบประมาณจำกัดสิ่งแรกที่จะดูเลยคือเรื่องของความคุ้มค่า เมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่จ่ายไป ซึ่ง Xiaomi TV A2 58” ในราคาโปรโมชันที่ 13,990 บาท ถือว่าค่อนเข้างตอบโจทย์
เพราะถ้าเทียบในท้องตลาดราคาสมาร์ทีวี 4K ขนาด 55” แบรนด์หลักๆ จะอยู่ที่ราว 16,000-17,000 บาท และมีเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้นที่ให้เป็น Android TV มาใช้งาน ทำให้ Xiaomi TV A2 กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจขึ้นมาทันที
ทีนี้ มาดูกันที่ความสามารถของ Xiaomi TV A2 58” กันบ้าง ด้วยการที่ตัวเครื่องถูกดีไซน์มาแบบ Unibody ทำให้มีขอบจอที่ค่อนข้างบาง มีกรอบโลหะล้อมรอบหน้าจอ ทำให้เข้ากับการตั้งภายในบ้านยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ขาตั้งจะเป็นแบบ 2 ขา ทำให้ต้องใช้พื้นที่พอสมควรในการวางทีวีที่มีขนาดใหญ่ ไม่สามารถใช้โต๊ะที่มีพื้นที่จะเฉพาะกึ่งกลางทีวีเพื่อวางตั้งขาเดียวตรงกลางได้ หรือถ้าจะยึดติดกับผนังในกล่องก็จะมีนอตยึดมาให้พร้อมใช้งานกับขายึดทีวีได้ทันที
สำหรับรายละเอียดของหน้าจอที่ให้มาจะเป็น 4K Ultra HD ความละเอียด 3820 x 2160 พิกเซล รองรับการแสดงผล 1.07 พันล้านสี ให้ความลึกสีระดับ 10 bit และขอบเขตสี DCI-P3 ที่ 90% รวมถึงการแสดงผลแบบ HDR ด้วย ทำให้ตัวหน้าจอสามารถแสดงผลบนมาตรฐาน Dolby Vision ได้
ในส่วนของระบบเสียงที่ให้มาจะมีลำโพงสเตอริโอ 10W x 2 ซึ่งสามารถมอบเสียงบนมาตรฐาน Dolby Audio และ DTS-HD ซึ่งเมื่อรวมกับ Dolby Vision ทำให้การรับชมคอนเทนต์ Netflix ที่รองรับได้อย่างเต็มคุณภาพมากยิ่งขึ้นด้วย
ขณะเดียวกัน ในแง่ของพอร์ตเชื่อมต่อที่ให้มาถือว่าครบถ้วน เพราะมีทั้งช่องเสียบสายอากาศ HDMI 3 พอร์ต ช่องเสียบ AV ช่องต่อเสียงแบบ Optical USB ให้อีก 2 พอร์ต ช่อง LAN และ 3.5 มม. มาให้ด้วย
ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายจะรองรับบลูทูธ 5.0 เนื่องจากตัวรีโมตที่ให้มาเป็นแบบบลูทูธที่สามารถรองรับคำสั่งเสียงได้ พร้อมกับ WiFi 5 ที่รองรับทั้งคลื่น 2.4 GHz และ 5 GHz ทำให้การเข้าถึงคอนเทนต์สตรีมมิ่งทำได้ทั้งแบบต่อสาย และไร้สายได้ลื่นไหล
แอนดรอยด์ทีวี เข้าถึงคอนเทนต์ได้ทันที
ในแง่ของประสบการณ์ใช้งานของ Android TV นั้นเชื่อว่าหลายๆ คนที่เคยใช้งานสมาร์ททีวีมาจะคุ้นเคยกับความง่ายในการใช้งานอยู่แล้ว เพราะสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจาก Play Store มาติดตั้งใช้งานได้ทันที
เพียงแค่ล็อกอิน Google Account ที่มี ก็เข้าใช้งานได้ทันที แถมยังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ IoT ภายในบ้าน (ถ้ามีการเชื่อมต่อบัญชีเดียวกัน) ทำให้สามารถใช้งาน Xiaomi TV A2 58” เป็นศูนย์กลางในการสั่งงานอุปกรณ์ต่างๆ ได้ อย่างเครื่องฟอกอากาศ พัดลม ไฟต่างๆ ภายในบ้าน
ถัดมาแอปพลิเคชันที่พรีโหลดมาให้จะมีทั้ง Netflix Prime Video และ YouTube ถ้ามีสมัครใช้งานอยู่แล้วก็ล็อกอินเข้าไปใช้ได้ทันที รวมถึงถ้าใครที่มี Disney+ WeTV VIU ก็สามารถรับชมได้
ส่วนใครที่ไม่อยากต่อสายอากาศโทรทัศน์แต่อยากรับชมช่องทีวีดิจิทัลปกติ ก็จะมีแอป True ID ให้โหลดใช้งานกัน ซึ่งปัจจุบันยังเปิดให้ทุกคนรับชมฟรีทีวีได้ฟรีอยู่ แต่ถ้าจะเข้าถึงช่องรายการอื่นๆ จะต้องสมัครใช้งานเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ความสะดวกของ Android TV ก็คือผู้ใช้งานสามารถส่งคอนเทนต์จากสมาร์ทโฟนขึ้นไปยังจอโทรทัศน์ได้ ผ่านทั้ง Chromecast และ Miracast ทำให้เวลาที่เรารับชมยูทูปในมือถืออยู่แล้วอยากดูผ่านจอใหญ่ๆ ก็โยนขึ้นไปได้ทันทีอีกด้วย
สรุป
ในภาพรวมของ Xiaomi TV A2 58” กับราคา 13,990 บาท นับว่าเป็นรุ่นที่ค่อนข้างคุ้มค่า เพราะได้จอ 4K ใหญ่ถึง 58” ประกอบกับเป็น Android TV ด้วยทำให้สามารถใช้งานสมาร์ททีวีได้อย่างครบถ้วน
อย่างไรก็ตาม ด้วยช่วงเวลาโปรโมชันที่ Big C ในราคาพิเศษ 7,999-13,990 บาท จะถึงแค่ 30 ก.ย.เท่านั้น ใครที่กำลังมองหาสมาร์ททีวีรุ่นใหม่อาจจะต้องรีบตัดสินใจกันหน่อย