การโคแบรนด์ระหว่าง HUAWEI และ Devialet ทำให้ HUAWEI FreeBuds Pro 2 ซึ่งเป็นหูฟังระดับแฟลกชิปของหัวเว่ยรุ่นนี้มีความน่าสนใจ จากการเสริมเรื่องคุณภาพเสียงอะคูสติกที่ดีขึ้น เพิ่มเติมจากความโดดเด่นในเรื่องของการตัดเสียงรบกวนในรุ่นที่ผ่านมา
HUAWEI FreeBuds Pro 2 มากับไดนามิกไดรเวอร์ขนาด 11 มม. และร่วมพัฒนาคุณภาพคู่กับ Devialet รวมถึงระบบตัดเสียงรบกวน ANC 2.0 ที่ลดเสียงได้สูงสุด 47 dB ปรับโหมดใช้งานได้ และระบบปรับจูนเสียงอัตโนมัติ Triple Adaptive EQ ในราคา 6,499 บาท
ข้อดี
หูฟังคุณภาพสูง ปรับแต่งเสียงร่วมกับ Devialet
ระบบตัดเสียงรบกวน พร้อมปรับจูนเสียงอัตโนมัติ
รองรับการเชื่อมต่อสองอุปกรณ์พร้อมกัน
ชาร์จเร็ว 10 นาที ใช้งานได้ 2.5 ชั่วโมง รองรับชาร์จไร้สาย
ข้อสังเกต
หูฟังสีเงิน ติดรอยนิ้วมือค่อนข้างง่าย
ขนาดของจุกหูฟัง (มี 3 ไซส์) อาจจะไม่เหมาะสำหรับทุกคน
ดีไซน์ล้ำ เน้นสวมใส่สบาย
หลังจากออก FreeBuds Pro รุ่นแรกมาและได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้งาน ทำให้ในการพัฒนา FreeBuds Pro 2 หัวเว่ยจะเน้นที่การพัฒนาคุณภาพเสียงให้ดีขึ้น ด้วยการดึง Devialet เข้ามาร่วมปรับแต่งเสียงให้ดียิ่งขึ้น
ดังนั้นในภาพรวมของดีไซน์ FreeBuds Pro 2 จะคล้ายกับในรุ่นแรกเป็นอย่างมาก แต่จะมีบางจุดที่ปรับเปลี่ยนไป อย่างตรงบริเวณก้านหูฟัง และน้ำหนักที่ลดลงเล็กน้อยเหลือข้างละ 5.9 กรัม ส่วนถ้ารวมเคสชาร์จจะอยู่ที่ 52.1 กรัม
โดยนอกจากจุกซิลิโคนที่ให้มาแล้ว ในกล่องยังมีจุกซิลิโคนมาให้อีก 2 ขนาดคือเล็ก และใหญ่ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกเปลี่ยนให้เข้ากับรูหูมากที่สุด โดยหลังจากเปลี่ยนแล้วสามารถใช้ฟังก์ชัน Fit Test ภายในแอป AI Life เพื่อช่วยตรวจสอบความเหมาะสมได้
ภายในของ HUAWEI FreeBuds Pro 2 จะมากับ Dual-Speaker True Sound ซึ่งจะนำไดนามิกไดรเวอร์ขนาด 11 มม. แบบแม่เหล็ก 4 ชุด (Quad-magnet dynamic driver) โดยทางหัวเว่ย ระบุว่าให้ประสิทธิภาพเสียงดีกว่ารุ่นก่อน 30% โดยเฉพาะเสียงเบสที่ทุ้ม และหนักขึ้น
เมื่อประกอบกับการเข้าไปพัฒนาร่วมกับ Devialet ที่เก่งในเรื่องเสียงอะคูสติก ทำให้ได้คุณภาพเสียงระดับ Hi-Res ครอบคลุมย่านความถี่ตั้งแต่ 14 Hz - 48 kHz ส่วนในเรื่องของเสียงสนทนาก็มีการนำไมโครโฟน 4 ตัว มาช่วยร่วมกับ Beamforming และ Bone Conduction ช่วยจับเสียงพูดให้ชัดเจนมากที่สุด
ในส่วนของระยะเวลาการใช้งาน HUAWEI FreeBuds Pro 2 สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 6.5 ชั่วโมงสำหรับการใช้งานทั่วไป และ 4 ชั่วโมง ถ้าเปิดโหมด ANC ตัดเสียงรบกวน รวมกับเคสชาร์จอีกเป็น 30/18 ชั่วโมง
ส่วนตัวเคสชาร์จรองรับการชาร์จไร้สายด้วย และเมื่อเสียบหูฟังกลับเข้ามาในเคสจะชาร์จเร็ว 10 นาที สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องอีก 2.5 ชั่วโมง เรียกว่าใช้เวลาชาร์จไม่นานแต่สามารถดูหนังได้จบเรื่องพอดี
เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนรุ่นใหม่
นอกจากเรื่องของการปรับแต่งเสียงร่วมกับ Devialet ที่ทำให้คุณภาพเสียงของหูฟังไร้สายรุ่นนี้ดีขึ้น คือการพัฒนาระบบตัดเสียงรบกวนที่เรียกว่า Intelligent Dynamic ANC 2.0 ที่จะปรับโหมดในการตัดเสียงรบกวนแบบอัตโนมัติ
จากปกติแล้วจะมี 3 โหมดให้เลือกตัดเสียงรบกวนคือ Ultra สำหรับในสถานที่ที่มีเสียงดังอย่างบนรถโดยสารสาธรณะ General ในสถานที่ทั่วไปอย่างร้านอาหาร หรือภายในสำนักงาน และ Cozy ใช้กับในพื้นที่ที่มีความเงียบอยู่แล้วแต่จะเป็นการตัดเสียงรบกวนเล็กๆ น้อยๆ อย่างเสียงพัดลม หรือเครื่องปรับอากาศให้เงียบสนิทมากขึ้น
ความน่าสนใจคือระบบ Intelligent Dynamic ANC 2.0 จะใช้ไมโครโฟน 4 ตัวที่อยู่ในหูฟังมาวิเคราะห์ข้อมูลในการปรับรูปแบบการตัดเสียงรบกวนให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ สิ่งที่เกิดขึ้นคือการสวมใส่ใช้งานในระยะยาวจะรู้สึกสบายขึ้น ไม่มีความรู้สึกเหมือนจมน้ำอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ ตัว Intelligent Dynamic ANC 2.0 ยังทำงานร่วมกับ Triple Adaptive EQ ที่จะค็อบปรับจูนเสียงอัตโนมัติได้ 10 ระดับ ทั้งการปรับย่านเสียงอัตโนมัติเมื่อเพิ่มหรือลดเสียง การปรับจูนตามโครงสร้างหู และการสวมใส่ และสุดท้ายคือการปรับจูนตามรูปแบบการใช้งานอย่างการนั่งทำงาน ใส่เดิน และใส่วิ่ง (ช่วยให้เวลาเดิน หรือวิ่งไม่ได้ยินเสียงเท้าตัวเอง)
สรุป
HUAWEI FreeBuds Pro 2 รุ่นนี้ นับว่าเป็นหูฟังไร้สายในระดับราคา 6,490 บาท ที่นับว่าไม่สูงจนเกินไป เมื่อเทียบกับหูฟังระดับแฟลกชิป แต่ให้ได้ทั้งในเรื่องของคุณภาพเสียงที่ปรับจูนร่วมกับ Devialet ระบบตัดเสียงรบกวนที่ดีขึ้น จากรุ่นก่อนหน้าที่ทำได้ดีอยู่แล้ว และในเรื่องของไมโครโฟนสนทนาที่รับเสียง และตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ด้วย
ใครที่กำลังมองหาหูฟังไร้สายที่มีความอัจฉริยะในตัว รองรับการใช้งานได้ทั้งบน Android และ iOS แบบเต็มประสิทธิภาพ HUAWEI FreeBuds Pro 2 นับเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจในเวลานี้ แต่ทั้งนี้ถ้าใครที่รูหูค่อนข้างเล็กอาจจะมีปัญหากับการใส่บ้าง เพราะด้วยขนาดของหูฟังที่ใหญ่อาจทำให้สวมใส่แล้วมีโอกาสหลุดได้