Huawei Ascend G7 คือสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ (แฟ็บเล็ต) ในกลุ่ม Mid-range ราคาไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทจากหัวเว่ยที่เปิดตัวพร้อมกับ G620s ด้วยชุดหน่วยประมวลผลเดียวกัน แต่แตกต่างในเรื่องสเปกและฟีเจอร์บางส่วนที่ Ascend G7 สมบูรณ์แบบมากกว่า โดยเฉพาะเรื่องแบตเตอรีและระบบจัดสรรทรัพยากรเครื่องที่ทำได้ดีอย่างไม่น่าเหลือเชื่อ รวมถึงฟีเจอร์จากที่ซ่อนอยู่ในยูสเซอร์อินเตอร์เฟสรุ่นใหม่ที่น่าสนใจจนทีมงานไซเบอร์บิซอดใจไม่ไหวต้องหยิบยกมารีวิวแบบจัดเต็มต่อจากรีวิว G620s ที่ได้ลงให้อ่านไปในอาทิตย์ก่อน
การออกแบบ
เริ่มจากเรื่องการออกแบบตัวเครื่องที่ปรับเปลี่ยนไปตามราคาที่เพิ่มขึ้น โดยภาพรวมโครงวสร้างทั้งหมดมีการปรับเปลี่ยนไปใช้อลูมิเนียมและกระจกเป็นส่วนประกอบหลักเพื่อความแข็งแรง หน้าจอปรับให้ใหญ่เป็นขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด 1,280x720 พิกเซล พร้อมด้วยเทคโนโลยีหน้าจอแบบ INCELL ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3 ทำให้จอภาพบางลง
ใต้จอภาพ หัวเว่ยเลือกตัดปุ่มคำสั่ง Capacitive ออกเพราะหันไปใช้ปุ่มคำสั่งจากระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์แทนทั้งหมด
ด้านบนเหนือจอภาพขึ้นไป จะเป็นตำแหน่งของเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงต่างๆ ช่องลำโพงฟังเสียงสนทนาโทรศัพท์พร้อมไฟแจ้งเตือน Notifications Light และกล้องหน้าแบบเลนส์มุมกว้างพิเศษ (Winde Angle) ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
ในส่วนขนาดของตัวเครื่องด้วยจอภาพแบบ INCELL ทำให้เครื่องมีความหนาเพียง 7.6 มิลลิเมตรพร้อมน้ำหนัก 165 กรัมเท่านั้น ถือเป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ที่มีตัวเครื่องบางน้ำหนักเบา สามารถพกพาใส่กระเป๋ากางเกงได้ง่ายกว่าแฟ็บเล็ตจากหลายๆแบรนด์
มาดูด้านหลังเครื่องจะเห็นว่าการออกแบบคล้ายไอโฟนมาก วัสดุด้านบนและล่างเป็นพลาสติกส่วนตรงกลางเป็นอลูมิเนียมแบบไร้รอยต่อพร้อมโลโก้หัวเว่ย
กล้องถ่ายภาพด้านหลังหัวเว่ยจัดเต็มกว่า G620s ด้วยการเลือกใช้เทคโนโลยีกล้องจากโซนี่รุ่นที่ 4 ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (ตัวเดียวกับที่ใช้บนสมาร์ทโฟนออปโป้) ประกบกับหน่วยประมวลผลภาพ IMAGE Smart Engine 2.0 และเลนส์กล้อง f2.4 แบบ 5 ชิ้นเลนส์พร้อม Blue Glass Filter
นอกจากนั้น หัวเว่ยยังได้ย้ายไมโครโฟนรับเสียงมาไว้ด้านหลังเพื่อให้สามารถบันทึกเสียงวิดีโอได้คมชัดมากขึ้น ถัดไปเป็นไฟแฟลชแบบ LED และด้านล่างสุดเป็นช่องลำโพง
มาถึงช่องเชื่อมต่อและปุ่มกดรอบตัวเครื่อง จะติดตั้งอยู่ด้านขวามือทั้งหมดไล่จากบนสุดเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ปุ่มเปิดปิดเครื่อง ช่องใส่การ์ดความจำ MicroSD รองรับความจุสูงสุด 32GB ส่วนช่องสุดท้ายจะเป็นช่องใส่ซิมแบบ MicroSIM
ด้านล่างของเครื่องจะเป็นที่อยู่ของพอร์ต MicroUSB และไมโครโฟนรับเสียงสนทนา
***ตรงส่วนสันเครื่องทั้งบนและล่าง ให้สังเกตขีดสีขาวทั้งสองเส้น ตรงส่วนนั้นคือเสาสัญญาณโทรศัพท์แบบคู่ (Dual Antenna) พร้อมเทคโนโลยี Smart Dual-Antenna Switching ที่หัวเว่ยเครมว่าจะทำให้การเชื่อมต่อสัญญาณทำได้ลื่นไหลมากขึ้น***
สเปก
สเปก Ascend G7 ส่วนหน่วยประมวลผลยังใช้ตัวเดียวกับ G620s คือ Qualcomm Snapdragon 410 Quad-core 64 บิต ความเร็ว 1.2GHz กราฟิก Adreno 306 แรมให้มา 2GB พื้นที่เก็บข้อมูลภายในให้มา 16GB เหลือใช้งานจริง 11.27GB ส่วนระบบปฏิบัติการหัวเว่ยเลือกใช้แอนดรอยด์ 4.4.4 KitKat ครอบทับด้วยยูสเซอร์อินเตอร์เฟส HUAWEI Emotion UI (EMUI) 3.0 ตัวใหม่ล่าสุด (UI รุ่นนี้เลือกใช้คีย์บอร์ดภาษาไทย-อังกฤษของ Swype)
มาถึงเรื่องการรองรับเครือข่ายโทรศัพท์ที่ควรรู้เพราะ Ascend G7 รุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบ (และคาดว่าอาจเป็นรุ่นวางขายในประเทศไทยด้วย) จะมีรหัสต่อท้าย L03 ซึ่งแน่นอนว่าไม่รองรับกับ 4G LTE 2,100MHz ในบ้านเรา (รุ่นที่รองรับต้องเป็นรหัส L01) แต่ 3G คาดว่าจะรองรับทุกเครือข่าย อย่างไรถ้าสนใจ G7 อยากให้ลองทดสอบใช้งานร่วมกับซิมโทรศัพท์ที่เราเลือกใช้ก่อนครับ
สำหรับสเปกปลีกย่อยอื่นๆ ส่วนแบตเตอรีหัวเว่ยใส่ความจุมาค่อนข้างมากถึง 3,000mAh WiFi รองรับมาตรฐาน 802.11 b/g/n บลูทูธ 4.0 รองรับ Bluetooth Low Energy สำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เพื่อสุขภาพ และ GPS รองรับทั้ง A-GPS, Glonass
UI/ฟีเจอร์เด่น
ใน Ascend G620s ยูสเซอร์อินเตอร์เฟสที่ติดตั้งมาจะเป็นรุ่น 2.3 แต่ใน Ascend G7 จะเป็นรุ่น 3.0 ที่หัวเว่ยออกแบบใหม่ทั้งหมดตั้งแต่หน้า Lock Screen แบบแมกกาซีนสไตล์ที่ภาพพื้นหลังจะเปลี่ยนไปทุกครั้งที่กดเปิดหน้าจอ และถ้านำนิ้วปาดจากขอบจอด้านล่างขึ้นบนก็จะพบกับบทความขนาดสั้นบรรยายภาพ พร้อมปุ่มคำสั่งลัดเข้าใช้งานปฏิทิน เครื่องคิดเลข ไฟฉายและเว็บบราวเซอร์
ส่วนหน้า Home Screen จะมีการปรับไอคอนและลูกเล่นเอ็ฟเฟ็กต์ใหม่ให้มีความเรียบง่าย (Minimalist) ตามสมัยนิยม พร้อมตัดหน้ารวมแอปฯ (App Drawer) ให้แอปฯทั้งหมดไปรวมอยู่หน้าโฮมเพื่อลดความซับซ้อนสำหรับผู้ใช้มือใหม่
ด้านแถบแจ้งเตือนก็มีการปรับหน้าตาให้ดูง่ายและสะอาดตาพร้อม Quick Setting ทางลัดในการเปิดปิดระบบต่างๆมาให้อย่างครอบคลุม
หรือแม้แต่พวก Gestures และระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวต่างๆทางหัวเว่ยก็ใส่มาให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานได้ เช่น พลิกเครื่องเพื่อปิดเสียงหรือเวลามีสายโทรเข้าเพียงผู้ใช้ยกโทรศัพท์แนบหูระบบจะรับสายทันที อีกทั้งระบบยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งส่วน Navigation Button ได้ด้วย
ในส่วนแอปพลิเคชันติดตั้งมาจากโรงงานหลักๆจะคล้ายกับที่ให้มาใน G620s แต่ถูกปรับหน้าตาให้เรียบหรูขึ้น เช่น ส่วนปรับธีม, ซอฟต์แวร์ปรับประสิทธิภาพเครื่อง, Huaweu Cloud+ และนาฬิกาที่ออกแบบใหม่มาได้น่าสนใจอย่างมาก
และด้วยการที่หัวเว่ยชูจุดเด่นเรื่องแบตเตอรีขนาดใหญ่ใช้งานได้นาน จึงได้ติดตั้งซอฟต์แวร์จัดการพลังงานมาให้เลือกใช้ได้ถึง 3 โหมดหลักได้แก่ 1.ขั้นสูง สามารถใช้งานได้แต่โทรศัพท์พื้นฐานและการรับส่งข้อความเหมาะกับการเปิดใช้งานเมื่อแบตเตอรีใกล้หมด 2.อัจฉริยะ ระบบจะปรับการทำงานของหน่วยประมวลผลและเครือข่ายอัตโนมัติ โหมดสุดท้าย ปกติ สำหรับเน้นรีดเค้นประสิทธิภาพซีพียู เหมาะแก่การใช้เล่นเกม
นอกจากโหมดประหยัดพลังงานแล้ว ระบบดังกล่าวยังสามารถตรวจจับการใช้พลังงานของแอปพลิเคชันที่กำลังทำงานเบื้องหลังและให้ผู้ใช้สามารถสั่งปิดได้ถ้าไม่ได้ใช้งาน ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยยืดอายุแบตเตอรีให้สามารถใช้งานได้นานกว่าเดิม
มาดูแอปฯจากโรงงานที่น่าสนใจได้แก่ แอปฯกระจกเงาที่ระบบจะใช้กล้องหน้าส่องหน้าเราแทนกระจกเงา เหมาะแก่ผู้หญิงที่ต้องแต่งหน้าแต่งผมดูความพร้อมของใบหน้าตลอดทั้งวัน ส่วนอีกหนึ่งแอปฯคือแว่นขยายที่ระบบจะใช้การซูมภาพให้เห็นรายละเอียดมากขึ้นคล้ายเรามองวัตถุจากแว่นขยาย
สุดท้ายกับเรื่องของ Gallery และกล้องถ่ายภาพที่หัวเว่ยปรับเพิ่มความสามารถมาได้น่าสนใจมากกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างมาก โดย Gallery จะสามารถโชว์ภาพตามพิกัดและช่วงเวลาที่ถ่ายได้
ส่วนกล้องถ่ายภาพก็ได้รับการปรับยูสเซอร์อินเตอร์เฟสใหม่ให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมฟีเจอร์กล้องอย่าง HDR, Burst Shot ถ่ายภาพต่อเนื่องประมาณ 10 ภาพแล้วค่อยมาเลือกภาพที่ดีที่สุด หรือแม้แต่ Beauty Mode เซลฟีหน้าใสเด้งก็มีให้เลือกใช้งานด้วยเช่นกัน
ทดสอบประสิทธิภาพ
อย่างที่ทราบกันดีว่าสเปกซีพียูระหว่าง G620s และ G7 ไม่ต่างกันนักแต่ G7 จะได้แรมที่มากกว่า จอใหญ่กว่า คะแนนที่ออกมาผ่านซอฟต์แวร์ทดสอบถือว่าไม่ต่างกันมากนัก แต่สำหรับการใช้งานจริง โดยเฉพาะเวลาเปิดแอปพลิเคชันจำนวนมากในเวลาเดียวกันต้องบอกว่า Ascend G7 ทำงานได้ลื่นไหลมากกว่าพอสมควร
ยิ่งการใช้เล่นเกมยิ่งเห็นความแตกต่าง เพราะ G7 สามารถเข้าเล่นเกมได้ลื่นไหลกว่ามาก อาการกระตุกมีให้เห็นน้อยกว่า G620s ส่วนการใช้งานโซเชียล แชท ท่องเว็บบราวเซอร์ก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมจากหน้าจอที่ใหญ่กว่า แต่ถ้าถามว่าถนัดมือเหมือน G620s ที่ฝาหลังเป็นยางขึ้นรูปเลียนแบบหนังหรือไม่ คำตอบคือไม่ เพราะ G7 ใช้ฝาหลังเป็นอลูมิเนียมแบบเดียวกับไอโฟน 6 ทำให้การจับสัมผัสค่อนข้างลื่นประกอบกับตัวเครื่องค่อนข้างบางมาก อาจต้องพึ่งพาการใส่เคสถึงจะช่วยให้การจับถือกระชับถนัดมือขึ้น
ส่วนเรื่องกล้องถ่ายภาพและวิดีโอด้วยอานิสงส์ของเซ็นเซอร์รับภาพจากโซนี่ ภาพนิ่งและวิดีโอที่ได้ถือว่าคมชัดกว่าเดิมแต่คุณภาพอยู่ระดับกลางๆ กล้องหน้ามีการปรับประสิทธิภาพให้ดีขึ้น
มาถึงการทดสอบแบตเตอรีด้วย Geekbench จากสถานะแบตเตอรี 100% ลดไปถึง 0% ทำเวลาได้ 8 ชั่วโมง 4 นาทีถ้านำไปคำนวณหาระยะเวลาใช้งานทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 14-16 ชั่วโมงก็ถือว่าเป็นไปตามจุดขายที่หัวเว่ยวางไว้ว่า G7 เป็นสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นเรื่องแบตเตอรีใช้งานได้ข้ามวัน
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป?
ข้อดี
- ออกแบบมาได้ดีเกินราคาค่าตัว
- Emotion UI 3.0 ปรับปรุงมาได้ดีกว่าเดิม
- คุณภาพกล้องหลังและหน้าดีขึ้นมาก
- รองรับ MicroSD เพิ่มเติม
- แบตฯอึด ระบบจัดการพลังงานภายในดีมาก
ข้อสังเกต
- รุ่นที่ขายในไทยตอนนี้คาดว่าจะไม่รองรับ 4G LTE 2,100MHz
ราคาค่าตัว Huawei Ascend G7 อยู่ที่ 9,990 บาท ก็ถือเป็นการเปิดตลาดแฟ็บเล็ตราคาไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทได้อย่างสวยงามตั้งแต่ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ Emotion UI 3.0 ที่ทำงานได้ลงตัวและพร้อมรองรับ 64 บิตในอนาคต แต่ทั้งนี้ปัญหาเรื่องการรองรับ 4G LTE สำหรับตลาดประเทศไทยที่ยังไม่แน่ชัดว่ารุ่นที่วางขายจริงจะใช้รหัส L03 หรือรหัสใดก็คงต้องฝากหัวเว่ยจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้โฆษณาของ Ascend G7 บอกว่ารองรับ 4G LTE แต่จากการทดสอบของทีมงานและรุ่นที่ระบุหลังเครื่องทดสอบพบว่าสามารถรองรับ 4G LTE ได้จริงแต่ไม่ใช่คลื่นความถี่ 2,100MHz ที่ใช้ในประเทศไทยปัจจุบัน
ถ้าหัวเว่ยแก้ปัญหานี้ได้ Ascend G7 จะกลายเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนคุ้มค่าคุ้มราคาที่น่าจะเป็นตัวเบิกทางสำคัญให้กับหัวเว่ยในอนาคตสำหรับตลาดประเทศไทยได้ดีมาก
Company Related Link :
Huawei