แบรนด์ Fitbit (ฟิตบิท) ถือเป็นเจ้าแรกๆ ที่เข้ามาทำตลาดสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพ (Fitness tracker Wristband) และโด่งดังจากรุ่น Flex จนทางบริษัท บันเลือง ชินอินเตอร์ จำกัด ต้องนำเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ด้วยจุดเด่นเรื่องราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับฟีเจอร์ภายในโดยเฉพาะระบบออนไลน์ที่ออกแบบมาเข้าใจง่าย
และในวันนี้ Fitbit ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพตัวใหม่ในชื่อรุ่น Charge (มาแทนที่รุ่น Force) และ Charge HR ที่มาพร้อมเซนเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบตลอดทั้งวันเพื่อใช้วิเคราะห์ความแข็งแรงของหัวใจผู้ใช้
โดยสำหรับรุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบในวันนี้คือ “Fitbit Charge” ที่เริ่มวางขายตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ในขณะที่รุ่น Charge HR ยังไม่มีกำหนดวางขายจากทาง บันเลือง ชินอินเตอร์
การออกแบบและสเปก
Fitbit Charge ถูกออกแบบมาแทนที่ Fitbit Force (เลิกขายไปแล้ว) โดยตัวสายรัดข้อมือจะเป็นยางเกรดดีที่มีความยืดหยุ่นสูง เบาและทนทานพร้อมเสียงการันตีจากฟิตบิทว่า “วัสดุยางนี้จะไม่สร้างความระคายเคืองต่อผิวหนังผู้สวมใส่เหมือนรุ่น Force แน่นอน” อีกทั้งยังสามารถป้องกันน้ำได้ แต่ทำได้แค่ระดับ 1ATM คือแค่โดนฝน ล้างมือแล้วน้ำกระเด็นโดนเล็กน้อย ไม่แนะนำให้ใส่อาบน้ำหรือใส่ว่ายน้ำ
ด้านขนาดของตัวสายรัดข้อมือจะแบ่งเป็น 3 ขนาดได้แก่ Small สำหรับข้อมือขนาด 5.5”-6.7” Large สำหรับข้อมือขนาด 6.3”-7.9” และรุ่นใหญ่พิเศษขายเฉพาะออนไลน์ X-Large สำหรับข้อมือขนาด 7.6”-9.1”
ในส่วนสเปก Fitbit Charge ยังคงใช้เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบ 3 แกนเหมือนเดิม พร้อมเพิ่มเซนเซอร์ตรวจจับความสูง Altimeter และ Vibration motor สำหรับการแจ้งเตือนต่างๆ
สำหรับแบตเตอรีฟิตบิทเลือกใช้ Lithium-polymer เมื่อชาร์จไฟเต็ม (ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง) จะใช้งานได้นาน 7-10 วัน การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนทำผ่าน Bluetooth Low Energy แบบตลอดเวลา
ส่วนหน้าจอแสดงผลเป็น OLED บริโภคพลังงานต่ำพร้อมปุ่มกดข้างหน้าจอเพื่อใช้ดูค่าต่างๆ ที่ Charge ตรวจจับได้ดังนี้ 1.นาฬิกาและวันที่ 2.จำนวนก้าวเดิน 3.ระยะทาง 4.แคลอรีที่เผาพลาญ และ 5.จำนวนชั้นที่เดินขึ้น
นอกจากนั้นที่ตัวสายรัดข้อมือยังรองรับระบบเคาะเพื่อปลุกหน้าจอให้ตื่นได้
ในส่วนการชาร์จไฟสามารถทำได้ด้วยการนำสายยูเอสบีหัวเชื่อมต่อแบบพิเศษมาเสียบบริเวณพอร์ตด้านหลังและเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรืออะแดปเตอร์สมาร์ทโฟนก็ได้
การใช้งานและฟีเจอร์เด่น
ตัว Fitbit Charge เป็น All-Day Activity Tracker มีความสามารถ 6 อย่างคือ
1.ตรวจจับก้าวเดินและคำนวณเป็นระยะทาง จำนวนแคลอรีที่เผาพลาญ
2.ตรวจวัดจำนวนชั้นที่เดินขึ้นในแต่ละวัน (Floor Climbed) ด้วยเซนเซอร์ Altimeter
3.เป็นนาฬิกาบอกเวลา
4.ตรวจวิเคราะห์ประสิทธิภาพการนอนหลับในแต่ละคืน และแสดงผลเป็นกราฟบอกช่วงเวลาหลับสนิท หลับไม่สนิท และตื่นนอน โดยระบบตรวจจับการนอนหลับจะทำงานอัตโนมัติ
5.เป็นนาฬิกาปลุกด้วยการสั่นที่ข้อมือ (Silent Alarm)
6.Caller ID แจ้งสายโทรศัพท์ที่โทรเข้าสมาร์ทโฟนได้ด้วยการสั่นและแสดงหมายเลข ชื่อคนที่โทรเข้า
สำหรับการใช้งานและเชื่อมต่อข้อมูลจาก Fitbit Charge ก็เหมือนกับสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพแบรนด์อื่นๆ คือใช้บลูทูธเป็นตัวส่งสัญญาณหลักร่วมกับสมาร์ทโฟนหรือไม่ก็ทำผ่าน Dongle ร่วมกับคอมพิวเตอร์และระบบออนไลน์
แต่การเชื่อมต่อที่ง่ายและได้ผลที่ดีสุดคือการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธกับสมาร์ทโฟนบนแอปฯ “Fitbit” (มีให้ดาวน์โหลดทั้ง iOS, Android และ Windows Phone) ที่ฟิตบิททำระบบมาได้ดีและใช้งานง่ายมาก เพียงแค่เปิดบลูทูธที่สมาร์ทโฟนไว้จากนั้นเมื่อเข้าใช้งานครั้งแรก Charge จะส่งรหัสผ่านมาและให้นำรหัสผ่านไปกรอกลงที่แอปฯ ระบบจะเชื่อมต่อกันทันที
ส่วนการซิงค์ข้อมูลถ้าเปิด Background sync ไว้ระบบจะเชื่อมต่อและดึงข้อมูลจาก Charge ทุกๆ 15 นาที และถ้าสมาร์ทโฟนของผู้ใช้รองรับ Bluetooth 4.0 จะสามารถใช้ฟีเจอร์ Caller ID ได้ด้วย
สำหรับการตั้งค่าสายรัดข้อมือ Fitbit Charge ก็สามารถทำผ่านแอปฯ Fitbit ได้เช่นกัน โดยผู้ใช้สามารถตั้งเป้าหมาย เปลี่ยนรูปแบบหน้าจอนาฬิกา รวมถึงเลือกลักษณะการสวมใส่ว่าใส่ในข้อมือไหน (Dominant หรือ Non Dominant) เพื่อผลการตรวจจับและวิเคราะห์ที่เที่ยงตรง
ด้านหน้าตา Dashbaord หลักภายในแอปฯ “Fitbit” จะมีให้เลือกดูตั้งแต่จำนวนก้าวที่เดินไป โดยใช้สีเป็นตัวบอกเป้าหมายที่ตั้งไว้ เช่น ตั้งเป้าว่าวันหนึ่งจะเดิน 1 หมื่นก้าว พอเริ่มต้นจะเป็น สีฟ้า หมายถึงยังไกลเป้าหมาย สีเหลือง ครึ่งหนึ่งของเป้าหมายแล้ว สีแดง ใกล้ถึงเป้าหมาย และจบที่สีเขียว บรรลุเป้าหมาย
อีกทั้งสำหรับผู้ใช้ที่จริงจังกับชีวิตมากเป็นพิเศษก็สามารถบันทึกชื่ออาหาร (อาหารไทยมีชื่อในฐานข้อมูลน้อยมาก) พร้อมจำนวนแคลอรีที่บริโภคเข้าไป สามารถบันทึกการดื่มน้ำ ดื่มกาแฟในวันนั้นและสามารถใส่น้ำหนักตัวได้หรือจะเชื่อมต่อกับที่ชั่งน้ำหนักของฟิตบิทก็ได้
นอกจากนั้นสำหรับคนที่ชอบออกกำลังกาย (Workout) ในแอปฯ Fitbit ยังมีโหมด Exercise ที่สามารถตรวจจับการวิ่งออกกำลังกายของเราด้วยอุปกรณ์ Fitbit ร่วมกับการเปิดใช้ GPS บันทึกพิกัดวิ่งด้วยสมาร์ทโฟนพร้อมกันได้
หรือแม้แต่การสร้าง Challenges แข่งกับเพื่อนๆ ที่ใช้ Fitbit ผ่านระบบออนไลน์ด้วยกันก็สามารถทำได้
มาถึงฟีเจอร์เด่นที่ต้องพูดถึงก็คือระบบนาฬิกาปลุกแบบ Silent Alarms ที่ใช้วิธีการสั่นที่ข้อมือถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่ดีมากสำหรับการปลุกที่ไม่สร้างเสียงรบกวนให้กับคู่นอนของเรา อีกทั้งการสั่นที่ข้อมือยังช่วยให้เราตื่นนอนได้เร็วกว่าตั้งปลุกด้วยเสียง
ในส่วนสุดท้ายก่อนเข้าสู่ระบบออนไลน์ที่ขึ้นชื่อของ Fitbit ก็คือ การดูสถิติต่างๆ ตั้งแต่จำนวนก้าวเดินในแต่ละวัน ว่าช่วงเวลาไหนเดินมากสุด สามารถตรวจดูแบบมุมมองเดือน ปีหรือเทียบแบบเดือนต่อเดือนว่าเดือนไหนเดินมากสุดน้อยสุด รวมถึงสามารถตรวจดูประสิทธิภาพการนอนหลับในแต่ละคืน เวลาที่นอนหรือเวลาที่ตื่นได้ด้วย
สำหรับการรับชมผ่านระบบออนไลน์ที่มีความละเอียดกว่าแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน สามารถเข้าผ่านเว็บบราวเซอร์ URL: www.fitbit.com จากนั้นล็อกอินแล้วจะเห็นสถิติของเราทั้งหมด พร้อมภาพกราฟิกแสดงสถิติการใช้ชีวิตในหนึ่งวันของเราที่ออกแบบมาได้สวยงามและมีความละเอียดมากกว่าการรับชมผ่านแอปฯ Fitbit บนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต
อีกจุดที่น่าสนใจของระบบออนไลน์ก็คือ การรับชมรายละเอียดของจำนวนก้าวเดินในแต่ละวันหรือประสิทธิภาพการนอนหลับที่ให้ข้อมูลแก่ผู้ใช้ได้ละเอียดกว่า โดยจะมีค่าเฉลี่ยและผลรวมการทำกิจกรรมต่างๆ ในสัปดาห์รายงานด้วย ในขณะที่การรับชมสถิติการนอนหลับจะมีผลเปรียบเทียบกับวันที่ผ่านมา
นอกจากนั้นในระบบออนไลน์ยังมาพร้อมเหรียญตราเพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้ใช้ฟิตบิทที่บรรลุภารกิจของโปรแกรม เช่น วันนี้เดินถึง 15,000 ก้าวจะได้เหรียญ Urban Boost เป็นต้น
สุดท้ายสำหรับคนที่อยากรู้รายละเอียดที่มากขี้นก็สามารถเข้าหน้าเมนู Log แล้วกดดูรายละเอียดได้ว่าเวลาใดเราทำกิจกรรมใดมากที่สุดในหนึ่งวัน หรือจะดูผลสรุปการทำกิจกรรม การนอนหลับและอื่นๆ ได้ ส่วนใครที่อยากจริงจังมากกว่านี้ก็สามารถกดซื้อแพกเกจพรีเมียมเพื่อให้ทางฟิตบิทส่งผลสรุปและวิเคราะห์การทำกิจกรรมต่างๆแบบเชิงลึกมาให้เราทุกอาทิตย์ได้ด้วย
ทดสอบประสิทธิภาพและสรุป
ข้อดี
- ซิงค์ข้อมูลแบบไร้รอยต่อทุก 15 นาที
- สวมใส่ข้อมือสบาย
- หน้าจอ OLED สว่าง สู้แดดได้ดี
- ตรวจจับการนอนหลับอัตโนมัติ
- มี Altimeter ตรวจการเดินขึ้นบันไดหรือเดิินขึ้นที่สูงได้
ข้อสังเกต
- กันน้ำได้แค่ 1ATM ไม่สามารถใส่อาบน้ำ ว่ายน้ำได้
- ถึงแม้จะสามารถถอดแยกส่วนเซนเซอร์และสายรัดข้อมือออกจากกันได้ แต่ปัจจุบันคาดว่ายังไม่มีอะไหล่ส่วนสายรัดข้อมือให้เปลี่ยน ถ้าเกิดอุบัติเหตุอาจต้องซื้อใหม่ทั้งหมด
มาถึงการทดสอบประสิทธิภาพทีมงานใช้เวลาทดสอบ 2 อาทิตย์เต็มๆ อย่างแรกขอพูดถึงการสวมใส่ก่อน Fitbit Charge ใช้วัสดุยางที่นิ่มและยืดหยุ่นสูง (ใส่ครั้งแรกแกะกล่องยางจะแข็งมากพอใช้ไปสัก 1-2 วันยางจะนิ่มสวมใส่สบายและรู้สึกเบาขึ้น) ส่วนของตัวล็อกสายออกแบบมาได้ดี การกดล็อกทำได้ง่ายมาก เนื้อยางไม่สร้างความระคายเคืองผิว และจุดเด่นที่หน้าจอ OLED ก็ทำออกมาได้ดี ใส่เป็นนาฬิกาข้อมือที่สามารถดูในที่มืดและกลางแดดจัดได้คมชัด
เรื่องการซิงค์กับสมาร์ทโฟนทำได้ง่าย ไม่พบอาการสัญญาณบลูทูธหลุดตลอดการใช้งาน 2 อาทิตย์ Caller ID ทำงานได้ดีแต่อาจมีอาการโชว์เบอร์ช้ากว่าบนสมาร์ทโฟนประมาณ 1-2 วินาที การซิงค์ข้อมูลแบบ Background Sync ทุก 15 นาทีค่อนข้างบริโภคแบตเตอรีสมาร์ทโฟนพอสมควร
ส่วนระบบ Silent Alram ตั้งปลุกด้วยวิธีสั่นที่ข้อมือ เป็นฟีเจอร์ที่ออกแบบมาได้ดีและทีมงานชื่นชอบเป็นพิเศษเพราะไม่สร้างเสียงรบกวนให้คนนอนข้างๆ อีกทั้งการสั่นปลุกทำให้ตื่นง่ายขึ้นด้วย
เรื่องสุดท้ายระบบการเก็บและแสดงผลข้อมูลสถิติทั้งบนแอปฯ Fitbit และระบบออนไลน์ ถือว่าฟิตบิทออกแบบมาดี เข้าใจง่าย ระบบเก็บรายละเอียดมาค่อนข้างดีมาก แต่ก็มีข้อสังเกตเล็กน้อยในเรื่องการเก็บสถิติการนอนหลับที่เป็นแบบอัตโนมัติ บางครั้งเราจำเป็นต้องถอด Charge ทิ้งไว้เพื่ออาบน้ำ (ตัวนาฬิกากันน้ำได้แค่ 1ATM) ระบบก็นึกว่าเรานอนหลับเลยบันทึกเวลานอนไป พอเรามากดดูและอยากลบออก จะไม่สามารถทำได้ในวันนั้น เพราะระหว่างที่เราลบข้อมูลที่ผิดพลาดนั้นออก Charge จะเริ่มซิงค์ข้อมูลใหม่และทำให้สถิติการนอนหลับที่ผิดพลาดเหล่านั้นถูกซิงค์กลับมาอีกครั้ง ทางเดียวในการแก้ปัญหาคือรอให้พ้นวันที่ระบบบันทึกผิดพลาดไปก่อนแล้วค่อยกลับมาลบออกภายหลัง
สำหรับราคาค่าตัว Fitbit Charge อยู่ที่ประมาณ 4,550 บาท ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพที่ราคาไม่สูงเกินไปเมื่อเทียบกับฟีเจอร์ที่ได้ โดยเฉพาะการใส่เป็นนาฬิกาข้อมือบอกเวลาได้ด้วยหน้าจอ OLED ในขณะที่คู่แข่งในเพดานราคาเดียวกัน (ไม่เกิน 5 พันบาท) หลายเจ้ายังใช้หน้าจอ E-Ink ไม่มีไฟส่องสว่าง ทำให้ดูในที่มืดไม่ได้
แต่ทั้งนี้ตัวเครื่องยังไม่ถือว่าเป็นสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพที่ใช้งานแบบ 24/7 โดยสมบูรณ์เหมือนหลายแบรนด์ที่วางขายอยู่ในตอนนี้ได้เพราะติดในเรื่องป้องกันน้ำได้แค่ 1ATM ก็อาจไม่เหมาะกับคนชอบลุยเท่าใดนัก
ส่วนผู้อ่านท่านใดคิดว่า Fitbit Charge ยังไม่เจ๋งพอ เร็วๆ นี้จะมี Fitbit Charge HR ที่มีจุดเด่นคือ สามารถวัดอัตราการเต้นหัวใจแบบตลอดเวลา แม้นอนหลับ เดิน วิ่งหรือทำกิจกรรมต่างๆ แถมช่วยวิเคราะห์ความแข็งแรงของหัวใจรวมถึงเหมาะแก่ผู้ที่ชอบ Workout ลดน้ำหนักมาให้เลือกอีกหนึ่งรุ่นด้วยราคาที่บวกเพิ่มจากรุ่น Charge ปกติ 1-2 พันบาท
Company Related Link :
Fitbit