สมาร์ทโฟนอีกรุ่นจากค่ายดีแทคที่มาพร้อมกิมมิกเล็กๆ ดูทีวีอนาล็อกได้ นับเป็นอีกหนึ่งความสามารถที่ไม่ต้องพึ่งพาระบบเครือข่าย ที่คิดให้ดีแล้วสวนทางการทำธุรกิจของค่ายมือถือเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะไม่ได้คิดค่าบริการดาต้าเพิ่มแล้ว เครื่องยังมีราคาถูกอีกด้วย แต่จะว่าไปก็เป็นการตอกย้ำเจตนาของดีแทคที่ต้องการให้ทุกคนเข้าถึงบริการได้อย่างเสมอภาคนั่นเอง
การออกแบบและสเปก
Joey Jump2 4.0 ออกแบบมาได้น่ารักพอตัว เนื่องจากเนื้อวัสดุโดยรวมเป็นพลาสติก มีกล้องหน้ากล้องหลัง พร้อมโลโก้ Dtac Trinet Phone ด้านหลัง โดยรวมถือว่าเครื่องมีขนาดที่เล็กด้วยหน้าจอขนาด 4 นิ้ว แต่เมื่อเทียบกับราคาก็ถือว่าคุ้มค่าในการซื้อหามาเป็นเจ้าของ และนับว่าเป็นจุดเด่นทั้งเรื่องราคาและโปรโมชันพ่วงมาจากค่ายดีแทคเอง นอกเหนือจากเป็นสมาร์ทโฟนที่ดูทีวีได้ในตัวเอง
ด้านหน้า - ด้านหน้าส่วนบนจะเห็นช่องลำโพงสวยงาม ขณะที่ถัดลงมาด้านขวามีกล้องหน้าขนาดเล็ก 3 แสนพิกเซล(VGA) และไฟ LED แสดงสถานะ หน้าจอขนาด 4 นิ้วแบบ WVGA ความละเอียด 480 x 800 พิกเซล โดยด้านล่างของจอภาพจะมีปุ่มโฮมอยู่ตรงกลางมีไฟสีขาวแสดงเพื่อความสะดวกเวลากด ขณะที่ปุ่มซ้ายจะเป็นเมนูและขวาเป็นปุ่มย้อนกลับ ตามมาตรฐานของแอนดรอยด์ หากแต่ไม่มีไฟแสดงที่ปุ่มซ้ายและขวา
ด้านหลัง - มีกล้องขนาด 5 ล้านพิกเซล ที่อาจจะเล็กไปสักหน่อยสำหรับยุคสมัยนี้ แต่ก็เป็นข้อจำกัดด้านราคาที่ต้องการให้เข้าถึงระดับล่าง การมีกล้องขนาดเท่านี้ก็นับว่าเติมเต็มการใช้งานสมาร์ทโฟนได้อย่างสมบูรณ์ ด้านล่างจะเห็นโลโก้ Dtac Trinet Phone และลำโพงหลังขนาดเล็กสำหรับเสียงทีวีนั่นเอง
ด้านซ้าย - มีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงสีขาว ซึ่งเป็นสีเดียวกลมกลืนกับตัวเครื่อง โดยเมื่อลองกดปุ่มแล้วยังคงให้สัมผัสของปุ่มกดมาตรฐานที่จะมีส่วนยื่นออกมาจากตัวเครื่องเล็กน้อยเพื่อความสะดวกในการกด ด้านขวา - ไม่มีปุ่มใดๆทั้งสิ้น มีเพียงความเรียบและขอบของเครื่องแบบมนเพื่อความกระชับในการจับ ขณะที่มุมด้านล่างมีร่องสำหรับเปิดฝาหลังเครื่อง
ด้านบน - มีช่องเสียบหูฟังหรือสมอลทอร์ค พร้อมปุ่มเปิด-ปิดเครื่องสีเดียวกับตัวเครื่อง ด้านล่าง - มีช่องเสียบไมโครยูเอสบีสำหรับชาร์จไฟและโอนถ่ายข้อมูลด้วยสายอยู่มุมด้านซ้าย ขณะที่เยื้องไปทางด้านขวาจะมีรูขนาดเล็กสำหรับดูดเสียงไมค์ และด้านมุมของทางขวาจะเห็นร่องขนาดเล็กสำหรับงัดเปิดฝาหลังออก
และเมื่อเปิดฝาหลังออกจะเห็นช่องด้านบนมุมซ้ายสำหรับเสียบไมโครเอสดีการ์ด ถัดมาตรงกลางจะเป็นช่องเสียบซิมการ์ดขนาดปกติ โดยการเสียบซิมการ์ดจะต้องถอดแบตเตอรี่ออกก่อน ขณะที่ด้านล่างเยื้องไปทางซ้ายจะเห็นช่องลำโพงอยู่ภายใน
Joey Jump2 4.0 มาพร้อมจอสัมผัสแบบ TFT WVGA ขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 800x480 พิกเซล หน่วยประมวลผล Dual Core 1.0GHz ทำงานบนแรมขนาด 512MB พร้อมพื้นที่เก็บข้อมูล 4 GB สามารถเพิ่มหน่วยความจำแบบไมโครเอสดีการ์ดได้สูงสุด 32GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.4 (Kit Kat) รองรับการใช้งานเครือข่าย 3G บนย่านความถี่ 850, 2100 MHz ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด HSPA+ 42 Mbps พร้อมรองรับ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 b/g/n/ac มีบลูทูธ V4.0 วิทยุ FM มี AGPS และเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์แบบอนาล็อก (TV Tuner) ในตัว กล้องหน้าความละเอียด 3 แสนพิกเซลและกล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ความจุแบตเตอรี่ลิเทียม 1,300 mAh
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
ทีวีจูนเนอร์ในตัว นับเป็นเครื่องสมาร์ทโฟนราคาไม่แพงที่มีฟีเจอร์รับสัญญาณทีวีอนาล็อกเครื่องหนึ่งในตลาดที่สวนทางกับราคา โดยสามารถเข้าใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน และใช้สายหูฟังในการเพิ่มประสิทธิภาพรับสัญญาณ
ระบบปฏิบัติการ Kit Kat ซึ่งถือว่าเป็นระบบที่มีความทันสมัย แม้ว่าจะเป็นเครื่องสมาร์ทโฟนราคาถูก แต่ก็ยังคำนึงถึงประสิทธิภาพในการเรียกใช้โปรแกรม ด้วยความทันสมัยของระบบปฎิบัติการ ก็ส่งผลให้การติดตั้งโปรแกรมใหม่ๆที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตเป็นเรื่องที่เป็นไปได้
แอปพลิเคชันพร้อมใช้จากดีแทค มีพร้อมให้เลือกใช้เป็นโปรแกรมพื้นฐาน โดยเริ่มตั้งแต่ Deezer, Dtacplay, Game Room, Happy Baancartoon, Dtac Music, Watchever, Farmer info และแอปร่วมด้วยช่วยกัน
ราคาเครื่องพร้อมโปรโมชั่นจากดีแทค ด้วยราคาขายเพียง 2,790 บาท นับว่าคุ้มค่ามาก โดยความสามารถของเครื่องแม้ว่าจะเป็นเครื่องรุ่นเล็กแต่ก็มีจุดเด่นที่ทีวีจูนเนอร์ในตัว อีกทั้งยังมาพร้อมโปรโมชันที่แถมบริการมูลค่าหลายร้อยบาทจากดีแทค ซึ่งก็น่าจะทำให้เครื่อง Joey Jump 2 4.0 เครื่องนี้เป็นเครื่องที่น่าซื้อเป็นอย่างมากนั่นเอง
กล้องหน้าและกล้องหลัง กลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เข้ามาเติมเต็มฟีเจอร์ของเครื่องรุ่นนี้ให้สมบูรณ์และครบครัน เพื่อการใช้งานในหลากหลายรูปแบบ แน่นอนว่าคุณภาพอาจจะไม่เทียบเท่ากล้องราคาหลายหมื่นบาทในเครื่องสมาร์ทโฟนชั้นสูง แต่ก็ถือว่าครบครันในทุกการใช้ ทั้งแชต แชร์ โชว์ ตามแบบฉบับคนโซเชียลยุคใหม่
- ภาพตัวอย่างจาก Fickr
- ภาพตัวอย่างจาก Fickr
ผลการทดสอบด้วยโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพบนแอนดรอยด์อย่าง Quadrant Standart และ Antutu ได้คะแนน4,285 คะแนน และ 9,024 คะแนน ตามลำดับ หน้าจอรองรับการสัมผัส 2 จุดพร้อมกัน
ทดสอบการใช้งานซีพียูผ่าน Vellamo ได้ 723 คะแนน ส่วนประสิทธิภาพตัวเครื่องได้ 557 คะแนน และเบราว์เซอร์ได้คะแนน 1,104 คะแนน ทดสอบกราฟิกผ่าน Nenamark1 ได้ 62.2 fps Nenamark2 45.1 fps
ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม Passmark Performance Test Mobile ได้คะแนน System 1,640 คะแนน CPU 3,506 คะแนน Disk 2,854 คะแนน Memory 1,424 คะแนน 2D Graphics 1,638 คะแนน และ 3D Graphics 610 คะแนน
ส่วนการทดสอบ CF-Bench ดูรายละเอียดได้จากรูปด้านล่าง
จุดขาย
- ราคาเครื่องพร้อมโปรโมชันเพียง 2,790 บาท
- ทีวีจูนเนอร์ในตัวเครื่อง ไม่ต้องต่อเน็ตก็ดูทีวีได้
- ฟีเจอร์ครบ ความสามารถเกินราคา
ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่
- แบตเตอรี่น้อยเกินไป เมื่อใช้งานโหมดทีวีจะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็ว
- ระบบจูนเนอร์มีสัญญาณอ่อนต้องใช้สายหูฟังช่วยและอยู่ในสถานที่โล่งรับสัญญาณได้ดี
- หน่วยความจำน้อย การติดตั้งแอปเพิ่มอาจจะเกิดอาการพื้นที่ไม่พอ
- ปุ่มเปิด-ปิดเครื่องอยู่ด้านบน อาจจะไม่สะดวกกดล็อกหน้าจอด้วยมือเดียว
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป
หลังจากลองใช้งานสักระยะหนึ่งทำให้รู้ว่า การดูทีวีผ่านมือถืออาจจะไม่ใช่เรื่องจำเป็นสำหรับบางท่าน เนื่องจากไม่ได้มีเวลาเดินทางบนรถประจำทางเท่าไหร่ แต่สำหรับกลุ่มเป้าหมายของเครื่องรุ่นนี้ ด้วยราคาเพียง 2,790 บาท เชื่อแน่ว่าจะต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถประจำทางทั้งไปและกลับบ้านเป็นประจำอย่างแน่นอน และการมีเครื่องรุ่นนี้พร้อมแบตสำรองไว้ 1 ก้อนเพื่อดูละครหรือติดตามข่าวสารผ่านช่องทีวีก็น่าจะเป็นที่อิจฉาของคนรอบข้างอย่างแน่นอน
เรื่องความคุ้มค่าคงไม่ต้องพูดถึงเพราะด้วยราคาเท่านี้กับเครื่องสมาร์ททโฟนที่ดูทีวีได้โดยที่ไม่ต้องเสียค่าเน็ตเพิ่ม เอาเป็นว่าเหมาะกับใครที่สุดดีกว่าเพราะนั่นหมายถึงวิถีชีวิตของผู้ที่ใช้จะได้รับประโยชน์สูงสุงจากเครื่องรุ่นนี้ เรียกว่าใช้คุ้มที่สุด ซึ่งก็น่าจะเหมาะสำหรับคนเมืองที่ต้องใช้ชีวิตระหว่างเดินทางหรือรถติด โดยที่ไม่ต้องขับรถเองนั่นเอง