แบรนด์หัวเว่ยเริ่มเข้ามาเป็นที่รู้จักมากขึ้น หลังจากที่เริ่มเข้ามาทำตลาดเครื่องลูกข่ายอย่างจริงจัง Huawei Honor 3X เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่คาดว่าจะสร้างกระแสความแรงของเครื่องสเปกสูงแต่ราคาถูกเพิ่มขึ้น โดยเมื่อลองเทียบราคาเครื่องที่อัดซีพียูแบบ Octa Core เข้ามานั้น ส่วนใหญ่มีราคาเกินหมื่นบาทขึ้นไปทั้งสิ้น การออกมาด้วยราคาไม่ถึงหมื่นของ Honor 3X จึงอาจจะกลายเป็นการจุดกระแสให้เครื่องสเปกสูงเริ่มดึงราคาลงมาให้แข่งขันกับตลาดก็เป็นได้ และที่สำคัญสเปกเครื่องที่มาพร้อมแบตเตอรี่และหน้าจอขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว พร้อมกล้องคุณภาพสูง มีส่วนทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนคึกคักอย่างแน่นอน
การออกแบบและสเปก
Huawei Honor 3X ได้รับการออกแบบให้มีขอบด้านข้างที่โดดเด่น ด้วยวัสดุอะลูมิเนียมที่เลือกใช้เป็นขอบช่วยเสริมความแข็งแกร่งและดูหรูหราขึ้นมาในที แม้ว่าวัสดุของกรอบด้านนอกโดยรอบจะเป็นพลาสติกที่ดูเรียบง่ายเกินไปเสียหน่อย แต่กระนั้นก็ซ่อนพลังของการขับเคลื่อนด้วยความแรงของ Octa Core ไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ขณะที่น้ำหนักของตัวเครื่องที่มาพร้อมจอ 5.5 นิ้วก็นับว่าถือได้พอดีมือ แม้ว่าจะใหญ่ไปสำหรับการถือและใช้เพียงมือเดียวก็ตาม โดยรวมนับว่ามีความสวยอยู่ในแบบที่สมาร์ทโฟนระดับกลางทำได้ยังไม่หวือหวาด้านการออกแบบ ชิ้นงานมีความละเอียดที่เหมาะสมกับราคาดี
ด้านหน้า - ด้านบนมีกล้องขนาด 5 ล้านพิกเซล อยู่ทางด้านซ้าย ตรงกลางมีลำโพงพร้อมโลโก้หัวเว่ย ขณะที่ด้านขวามีสัญญาณไฟกระพริบพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับ ด้านล่างขอจอ มีการเรียงตัวของปุ่มกดที่อาจจะแตกต่างจากเครื่องแอนดรอยทั่วไปนั่นก็คือปุ่มย้อนกลับจะอยู่ทางด้านซ้าย ถัดมาตรงกลางเป็นปุ่มโฮมและปุ่มด้านขวาเป็นปุ่มเมนู และหากสังเกตให้ดีกระจกปิดหน้าจอนูนขึ้นมาเหนือขอบเครื่องเล็กน้อยหากลองใช้นิ้วลูดดูจะรับรู้ระดับที่ต่างกัน
ด้านหลัง - เป็นพลาสติกสีขาวแบบเงา โดยตรงกลางด้านบนมีกล้องขนาด 13 ล้านพิกเซล ด้านซ้ายมีแฟลชแอลอีดีพร้อมสำหรับถ่ายในที่แสงน้อย ถัดลงมาเป็นโลโก้ Huawei สีเทา ด้านล่างมีโลโก้ dts เพื่อโชว์ว่ามีพลังเสียงมาตรฐาน dts ขณะที่ลำโพงด้านซ้ายบุด้วยโลหะสีโครเมี่ยมมันวาว พร้อมมุมด้านซ้ายสุดสำหรับเปิดฝาหลังเครื่อง
ด้านใน - เมื่อลองเปิดฝาหลังเครื่องจะพบแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 3,000 mAh ที่แบนราบ โดยเมื่อถอดออกจะสามารถใส่ไมครซิมการ์ดที่ช่องซ้ายสุดบนได้อย่างสะดวก ถัดมาช่องกลางเป็นที่ใส่ ไมโครเอสดีการ์ด และสุดท้ายด้านขวาเป็นช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดขนาดปกติ เนื่องจากเป็นรุ่นที่รองรับการใช้งานได้ 2 ซิมการ์ดนั่นเอง
ด้านซ้าย - เป็นเพียงกรอบโลหะที่ไม่มีช่องต่ออุปกรณ์ใดๆ ขณะที่ด้านขวา - มีปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง และปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง โดยปุ่มทั้งหมดทำจากโลหะที่มีมีโทนเดียวกับขอบตัวเครื่อง
ด้านบน - มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรเพื่อเป็นทั้งหูฟังและสายสัญญาณวิทยุอยู่ทางด้านขวา ด้านล่าง - มีพอร์ตไมโครยูเอสบีสำหรับเสียบสายชาร์จหรือเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ พร้อมรูเล็กๆสำหรับดูดเสียงการสนทนา
Honor 3X มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Mediatek แบบ OCTA Core MT6592 1.7 GHz พร้อมแยกหน่วยประผลกราฟิกแบบ GPU Mali 450 MP อยู่ภายใน มีแรมขนาด 2 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 8 GB โดยเมื่อเปิดเครื่องใช้งานจะมีพื้นที่เหลือใช้จริงราว 5.41 GB เท่านั้น ซึ่งทั้งหมดทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.2.2 (Jelly Bean) โดยเพิ่มลูกเล่นหน้าตาอินเตอร์เฟสด้วย MotionUI 2.0 ทำให้ดูสดใสขึ้น บนหน้าจอ 5.5 นิ้ว แบบจอ IPS LCD ให้ความละเอียดกว่า 1,280 x 720 พิกเซล (HD)
รองรับการใช้งาน 3G ย่านความถี่ 900/2100 MHz บนมาตรฐาน HSDPA ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุด 21 Mbps และอัปโหลดความเร็วสูงสุด 5.76 Mbps รองรับ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 a/b/g/n มีบลูทูธ จีพีเอส รองรับการใช้งานได้ 2 ซิมการ์ด (1 ไมโครซิม + 1 ซิมขนาดปกติ) กล้องหลังแบบ BSI ขนาด 13 ล้านพิกเซล ขนาดภาพสูงสุด 3096 x 4128 พิกเซล พร้อมแฟลชแอลอีดี และกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้าน มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
รองรับ 2 ซิมการ์ด เป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจ แม้ว่าจะเป็นฟีเจอร์ที่เกิดขึ้นมานานแล้วสำหรับสมาร์ทโฟนก็ตาม แต่กระนั้นก็ต้องถือว่าเป็นเอกลักษณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะเครื่องสมาร์ทโฟนสัญชาติจีนเท่านั้น ทั้งนี้สองซิมของ Honor 3X รองรับซิมการ์ดที่แตกต่างกัน โดน 1 ซิมเป็นขนาดปกติ ขณะที่อีก 1 ซิมเป็นไมโครซิมการ์ด
หน้าจออินเตอร์เฟส ที่มีให้เลือกเปลี่ยนสีสันได้ภายในเครื่อง โดยมีให้เลือกเปลี่ยนได้ถึง 3 แบบ และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบหน้าตาอินเตอร์เฟซแบบแอนดรอยด์เดิม อาจจะไม่คุ้นกับหน้าตาใหม่ของ MotionUI 2.0 แต่เชื่อแน่ว่าเมื่อลองเล่นแล้วจะรู้สึกถึงความลื่นไหลที่ UI นี้สามารถทำได้
หน้าจอความละเอียดแบบ HD ความละเอียด 1,280 x 720 พิกเซล สามารถถ่ายทอดภาพที่จะเกิดขึ้นระหว่างการใช้งานได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่ใช่จอ 1K หรือ 2K อย่างที่หลายค่ายแข่งขันกัน ความสดใสของจอถ่ายทอดออกมาด้วยสีสันที่มีอยู่กว่า 16 ล้านสี พร้อมความว่างของหน้าจอที่พอดีช่วยทำให้เกิดความสวยงามบนหน้าจอได้อย่างลงตัว
กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซลที่มาพร้อมคุณสมบัติของเซ็นเซอร์แบบ BSI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในที่แสงน้อยให้สามารถถ่ายภาพได้อย่างสะดวกมากขึ้น มาพร้อมลูกเล่นที่ครบครันในการถ่ายภาพ ทั้งฟิลเตอร์และเอฟเฟกต์สำหรับการตกแต่งภาพในระหว่างถ่ายและหลังถ่ายได้อย่างทันที และหากต้องการเพิ่มแสงที่มากขึ้นก็ยังมีแฟลชแบบแอลอีดีที่ให้ความสว่างในระยะที่ไม่ไกลจนเกินไปได้อย่างเต็มที่
ตัวอย่างภาพถ่าย 1
ตัวอย่างภาพถ่าย 2
ฟีเจอร์การสัมผัส แม้ว่าจะสวมถุงมืออยู่ได้ นับเป็นอีกฟีเจอร์ที่ดูว่าจะไม่จำเป็นสักเท่าไหร่สำหรับเมืองร้อน แต่หากมองมุมกลับเมื่อเราต้องการกันน้ำไม่ให้เข้าเครื่อง การต้องคลุมด้วยถุงพลาสติกหรือในช่วงหน้าหนาวที่เราต้องใส่ถุงมือ ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เหมาะจะมีไว้ใช้ในยามฉุกเฉินก็เป็นได้
เอฟเฟกต์ DTS เป็นอีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจ แม้ว่าจะไม่ถึงระดับที่เรียกว่าดีมาก แต่ก็ช่วยเพิ่มเสียงให้ดีขึ้นจากปกติที่อาจจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่สำหรับผู้ทดสอบ โดยการเปิดก็เพียงเข้าไปในหน้าการตั้งค่าแล้วเลือกเปิดเอฟเฟกต์เท่านั้นก็จะได้เสียงที่มีพลังเพิ่มขึ้น
สไตล์หน้าจอหลักอย่างง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่ชินกับความซับซ้อนของหน้าจอเครื่องสมาร์ทโฟน ก็สามารถเลือกสไตล์หน้าจออย่างง่ายเพื่อให้มองเห็นเมนูต่างๆที่ต้องการใช้เท่านั้น แน่นอนว่าฟีเจอร์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่ชินกับหน้าจอสมาร์ทโฟนเท่านั้น เพราะหากใครที่ชินกับหน้าจอแอนดรอยด์แล้วลองใช้อาจจะงงเป็นไก่ตาแตกได้ในทันที
โหมดห้ามรบกวน น่าจะเป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่ช่วยให้คุณได้พักผ่อนแต่ยังสามารถรับสายที่ต้องการได้อย่างเต็มที่ แน่นอนว่าบางเวลาที่เราไม่ต้องการรับสายใคร แต่ยังคงต้องการรับสายครอบครัวอยู่ การตั้งค่าเข้าสู่โหมด “ห้ามรบกวน” ก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์สร้างความสุขชั่วครั้งชั่วคราวให้เจ้าของเครื่องได้ไม่น้อย โดยสามารถเข้าไปตั้งค่ารายชื่อที่ได้รับอนุญาตได้ตามที่เราต้องการ หรือจะใช้ตั้งเป็นช่วงเวลาห้ามรบกวนก็สามารถทำได้อย่างสะดวก
ตัวจัดการสิทธิ์ เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เชื่อว่าจำเป็นเนื่องจาก สามารถตรวจสอบสิทธิ์ที่แอปพลิเคชันร้องขอได้โดยได้ ซึ่งโดยปกติเครื่องสมาร์ทโฟนทั่วไปจะแสดงการร้องขอการเข้าถึงเครื่องของแอปพลิเคชันในเฉพาะตอนที่ลงเครื่องครั้งแรกเท่านั้น การตรวจสอบย้อนหลังอาจจะสามารถทำได้แต่ต้องเข้าในแต่ละโปรแกรมในขั้นลึกเพื่อตรวจสอบ แต่ฟีเจอร์นี้จะรวบรวมออกมาให้เราทราบในทันทีว่ามีแอปพลิเคชันใดบ้างที่ร้องขอสิทธิ์ใดอยู่ ทำให้สะดวกในการตรวจสอบสิทธืการร้องขอเพื่อป้องกันการบุกรุกได้อีกทางหนึ่ง
ฟีเจอร์การควบคุมการเคลื่อนไหว เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยให้เราใช้งานเครื่องได้สะดวกขึ้น ในกรณีที่มีสายเรียกเข้าแล้วยังไม่พร้อมรับสาย สามารถเลือกโหมดพลิกหน้าจอลงเพื่อปิดเสียงเรียกเข้าได้ทันที หรือแม้กระทั่งการเลือกโหมดเขย่าเพื่อให้เกิดการจัดเรียงไอคอนหน้าจอใหม่ ก็นับเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มลูกเล่นในการใช้งานเครื่องไม่ให้จำเจรูปแบบเดิมๆนั่นเอง
โหมดการประหยัดพลังงาน เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยยืดระยะเวลาสถานะเปิดเครื่องให้ยาวนานขึ้น แม้ว่าในทางปฏิบัติอาจจะไม่ช่วยเสียเท่าไหร่ แต่ในทางทฤษฎีร์จะแสดงระยะเวลาการเปิดรอรับสายได้อย่างชัดเจน และยังแสดงผลแอปพลิเคชั่นที่กินแบตเตอรี่มาก เพื่อให้เกิดการแก้ไขอย่างชัดเจนด้วยเช่นกัน
ในส่วนของผลการทดสอบ ผ่านโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพบนแอนดรอยด์อย่าง Quadrant และ Antutu ได้คะแนน 14,544 คะแนน และ 29,958 คะแนน ตามลำดับ นับว่าเป็นคะแนนที่สูงมากเมื่อเทียบกับราคาที่จ่าย ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม MultiTouch สามารถรองรับการสัมผัสพร้อมกันได้ 9 จุดเป็นมาตรฐาน สามารถตอบสนองการเล่นเกมส์ผ่านหน้าจอได้ดีในระดับที่ไม่แตกต่างจาก 10 จุดเท่าไหร่
ทดสอบการใช้งาน HTML 5 ผ่าน Vellamo ได้ 1,684 คะแนน ส่วนประสิทธิภาพตัวเครื่องได้ 753 คะแนน และทดสอบมัลติคอร์ได้ 1,530 คะแนน ทดสอบกราฟิกผ่าน Nenamark1 ได้คะแนน 54.2 fps และ Nenamark2 ได้คะแนน 57.5 fps เช่นกัน An3dBench 7,770 คะแนน และ An3dBenchXL 37,871 คะแนน
ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark ทั้ง 3 เวอร์ชันดังนี้ Ice Storm Unlimited ได้คะแนน 6,069 คะแนน Ice Storm Extreme ได้คะแนน 3,668 คะแนน Ice Storm ได้คะแนน 5,397 คะแนน ถือว่าการทำงานของหน้าจอแสดงผลมีประสิทธิภาพที่สูง
ส่วนการทดสอบ CF-Bench ดูรายละเอียดได้จากรูปด้านล่าง
จุดขาย
- ซีพียูแรงสูง 8 คอร์ OCTA Core MTK 6592 1.7Ghz
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดขนาดไมโครซิมและขนาดธรรมดา
- หน้าจอใหญ่ 5.5 นิ้ว
- กล้องขนาด 13 ล้านพิกเซล + 5 ล้านพิกเซลกล้องหน้า
- Motion UI 2.0 อินเตอร์เฟสที่ให้ความลื่นไหลดีเยี่ยม
- แบตเตอรี่ขนาดความจุกว่า 3,000 มิลลิแอมป์
- ราคาเพียง 9,990บาท
ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่
- โหมดประหยัดพลังงานยังแสดงความแตกต่างไม่ชัดเจนระหว่างเปิดและปิด
- รองรับการใช้งาน 3G เฉพาะ 900/2100 Mhz เท่านั้น
- ประสิทธิภาพเสียง DTS ยังไม่ประทับใจ
- โหมดการถ่ายภาพยังให้แสงที่ไม่ประทับใจ
- ฝาหลังพลาสติกดูราคาถูก
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป
Huawei Honor 3X มีกลิ่นอายของความเป็นจีนอยู่อย่างชัดเจน ด้วยลูกเล่นเครื่องแบบ 2 ซิม การเลือกใช้ย่านความถี่ 900/2100 MHz ที่เครื่องจากประเทศจีนมักเลือกใช้ หรือแม้กระทั่งปุ่มย้อนกลับที่อยู่ทางด้านซ้าย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องจีนโดยแท้ ที่กล่าวมาไม่ได้บอกว่าเครื่องจีนไม่ดีนะ แค่เป็นเพียงการแสดงให้เห็นจุดยืนที่ชัดเจนในการออกแบบเครื่องสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยเอง ซึ่งเลือกการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ได้อย่างเหนียวแน่น แน่นอนว่าใครที่ชินกับการใช้งานเครื่องรุ่นเล็กที่มีปุ่มย้อนกลับอยู่ทางด้านซ้ายมาแล้ว ก็จะถนัดกับการใช้งานแบบนั้น ซึ่งนี่ก็เป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงขิงการสร้างจุดแตกต่างให้เกิดความเคยชินเฉพาะตัวนั่นเอง
ย้อนกลับมาที่ตัวเครื่อง Huawei Honor 3X ซึ่งฟันธงว่าความคุ้มค่ายังเป็นระดับกลางเท่านั้น เพราะด้วยความสามารถของตัวเครื่องที่แม้ว่าจะอัดมาด้วยหน่วยประมวลผลแบบ 8 แกนพร้อมกดราคาลงไม่ถึงหมื่นแล้วก็ตาม แต่ในแง่ของการใช้งานก็ยังไม่สามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีในเรื่องการระบายความร้อนบริเวณด้านหลังของตัวเครื่องได้อย่างพอใจ อีกทั้งประสิทธิถาพของการประหยัดพลังงานก็ยังไม่เห็นความแตกต่างที่ชัดเจน โดยรวมยังนับว่าเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพที่เพียงความลื่นไหลของอินเตอร์เฟสแบบ MotionUI 2.0 ที่เป็นการออกแบบโดยหัวเว่ยเองเท่านั้น
แต่กระนั้นเครื่องนี้ก็ยังจะเหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มใช้สมาร์ทโฟนระดับกลางที่ราคาไม่สูงแต่ได้สเปกแรงเข้ามาเสริมการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยตัวเครื่องสามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล พร้อมมีโหมดการใช้งานอย่างง่ายทำให้สะดวกในการใช้งานในมุมที่ไม่ต้องการความยุ่งยากกับเมนูและขั้นตอนการสั่งงานวุ่นวายของเครื่องสมาร์ทโฟน และที่สำคัญฟีเจอร์แต่ละอย่างที่ให้มาเช่นการพลิกหน้าจอปิดเสียง การสัมผัสหน้าจอแบบสวมถุงมือ ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้การใช้งานสมาร์ทโฟนเป็นเรื่องง่ายอย่างใจคิด
CyberBiz Social
