เชื่อว่าสาวกแอนดรอยด์โฟนไม่มีใครไม่รู้จัก Nexus (เน็กซัส) ที่กูเกิลลงมือพัฒนาและจ้างผู้ผลิตสมาร์ทโฟนผลิตให้ เพราะนี่คือแอนดรอยด์โฟนที่ขึ้นชื่อเรื่องความลื่นไหลเนื่องจากระบบปฏิบัติการภายในเป็นแอนดรอยด์เพียวๆ ไม่มีการปรับแต่งและใส่ฟีเจอร์เหมือนแอนดรอยด์โฟนที่วางขายในท้องตลาดทั่วไป
แน่นอนสมาร์ทโฟนตระกูล Nexus ถูกผลิตขึ้นเพื่อตอบสนองเหล่าผู้พัฒนาแอปพลิเคชันเป็นหลักเพราะระบบภายในที่สามารถปรับแต่งได้ง่าย อิสระ เปิดกว้างกว่า แถมเมื่อแอนดรอยด์ออกเวอร์ชันใหม่ Nexus จะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเดียวที่ได้รับอัปเกรดก่อนแอนดรอยด์ทุกรุ่นในตลาด
ซึ่งด้วยจุดประสงค์การกำเนิด Nexus ผู้อ่านอาจคิดว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ไม่น่าทำตลาดยูสเซอร์ทั่วไปได้ เพราะพูดตามตรงก็คือ Nexus ไม่เคยมีจุดขายที่น่าสนใจ นอกจากความเป็นแอนดรอยด์เรียบๆ ทื่อๆ แถมออกแบบมาให้ใช้งานเฉพาะกลุ่มอีก
แต่ผิดคาดครับ ผู้ใช้ทั่วไปให้การตอบรับ Nexus ดีมาก เพราะถือเป็นแอนดรอยด์โฟนทางเลือกที่ได้รับอานิสงส์จากเพียวกูเกิล (Pure Google) จึงมีข้อดีที่ความลื่นไหลและข้อผิดพลาดที่น้อย ถึงแม้ด้านฮาร์ดแวร์จะไม่มีฟีเจอร์โดดเด่นสู้แอนดรอยด์ยอดฮิตในตลาดไม่ได้เลย แต่ด้วยราคาและการที่กูเกิลเลือกฮาร์ดแวร์หัวใจหลักอย่างซีพียู แรม หน้าจอจากผู้ผลิตได้อย่างรู้ใจกลุ่มผู้ใช้ไปถึงราคาที่ไม่แพง ทำให้ Nexus ยังอยู่ในใจของสาวกแอนดรอยด์เสมอ
และในวันนี้กูเกิลเลือก LG เป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟน Nexus 5 พร้อมการมาของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.4 KitKat เป็นครั้งแรกร่วมกับซีพียู Snapdragon 800 หน้าจอ 1080p ด้วยราคา 16,900 บาท คุ้มไม่คุ้มลองอ่านบทความรีวิวได้เลยครับ
วิดีโอพรีวิว LG (Google) Nexus 5 สำหรับบางฟีเจอร์อยากให้รับชมวิดีโอนี้ก่อนเพื่อจะได้เห็นภาพการทำงานชัดเจนขึ้น
การออกแบบและสเปก
เริ่มจากรูปลักษณ์ภายนอกของ Nexus 5 มีการปรับเปลี่ยนจาก Nexus 4 ที่ LG ผลิตไปพอสมควร โดยเฉพาะวัสดุจากกระจกทั้งสองด้านเปลี่ยนเป็นพลาสติกผิวด้านด้านหลัง (ขายในประเทศไทยมีสองสี ขาวกับดำ) ส่วนด้านหน้าใช้เป็นกระจก Corning Gorilla Glass 3 ขนาดหน้าจอ 4.59 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ 1,920x1,080 พิกเซล (445 ppi) พาเนลจอเป็น IPS แบบเดียวกับที่ใช้กับสมาร์ทโฟน LG รุ่นไฮเอนด์
ในส่วนกล้องถ่ายภาพด้านหน้ามีความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล กล้องหลังมีความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS (Optical Image Stabilization) และมีไฟแฟลช LED
ด้านขนาดตัวเครื่อง ความกว้างอยู่ที่ 69.17 มิลลิเมตร สูง 137.84 มิลลิมเมตร หนา 8.59 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 130 กรัม รองรับอุปกรณ์ชาร์จไฟไร้สายพร้อมแบตเตอรีภายใน 2,300mAh มีความจุให้เลือก 16GB และ 32GB
มาถึงปุ่มกดและพอร์ตเชื่อมต่อรอบตัวเครื่อง เริ่มจากด้านขวาจะเป็นปุ่มปิด-เปิด/Sleep/Awake หน้าจอ ถัดลงมาเป็นช่องใส่ Micro Sim รองรับ 3G ทุกเครือข่าย รวมถึง 4G LTE คลื่น 2,100MHz และ 1,800MHz ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีแค่ปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงเท่านั้น
ส่วนด้านบนของตัวเครื่องจะเป็นช่องเสียบเฮดเซ็ทและหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ด้านล่างตรงกลางเป็นช่อง Micro USB สำหรับชาร์จไฟและซิงค์ข้อมูลส่วนด้านซ้ายเป็นลำโพง ด้านขวาคาดว่าเป็นช่องไมโครโฟน
มาสำรวจสเปกของ Nexus 5 เริ่มจากซีพียู กูเกิลเลือก Qualcomm Snapdragon 800 Quad-Core ความเร็ว 2.26GHz กราฟิก Adreno 330 450MHz แรม 2GB พื้นที่ภายใน (สำหรับรุ่น 16GB) เหลือให้ใช้งานประมาณ 12.55GB หน้าจอมัลติทัช สัมผัสได้ 10 จุดพร้อมกัน
ด้านระบบเชื่อมต่อเครือข่ายภายในรองรับ WiFi 802.11 a/b/g/n/ac แบบ Dual Band 2.4/5G รองรับ NFC, Bluetooth 4.0, ChromeCast และรองรับ Print Services อย่าง HP ผ่านระบบไร้สายและ Cloud Print ได้ทันที
ส่วนเซ็นเซอร์ตรวจจับที่รองรับได้แก่ GPS, Gyroscope, Accelerometer, Compass, Proximity, Ambient Light. Pressure รวมถึง Distance Sensor (Step Detector และ Step Counter) ร่วมกับแอปพลิเคชันออกกำลังกายเช่น Moves ทำให้ประหยัดแบตเตอรี คล้ายๆ การทำงานของชิป M7 ในไอโฟน 5s
ฟีเจอร์เด่น
สำหรับฟีเจอร์เด่นที่ต้องกล่าวถึงเป็นส่วนแรกก็คือ Nexus 5 มาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์รุ่นใหม่ล่าสุด Android 4.4 KitKat ที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพหลายส่วน เน้นการทำงานแบบเต็มจอ เช่นในหน้าโฮมสกรีนจะไม่มีแถบดำบริเวณ Status Bar และปุ่มคำสั่งด้านล่างแล้ว (เรียกการแสดงผลลักษณะนี้ว่า Translucent system UI) รวมถึงปรับธีมให้เน้นไปในแนวทางมินิมัลลิสต์ Holo UI ทั้งหมด
ส่วนในหน้า Lock Screen ยังสามารถโชว์ปกอัลบั้มเพลงแบบเต็มหน้าจอได้ทั้งจากแอปฯ เพลงภายในแอนดรอยด์เองและสามารถโชว์ปกอัลบั้มจากแอปฯ เพลง 3rd Party ได้ เช่น จากตัวอย่างเป็นปกอัลบั้มเพลงจากแอปฯ Deezer หรือแอปฯ Play Books ก็รองรับการแสดงผลเต็มหน้าจอ ทำให้ผู้ใช้ได้ประสบการณ์การอ่าน E-Book เหมือนอ่านจากหนังสือจริงๆ
Caller ID and Smart Contacts by Google เป็นฟีเจอร์จากกูเกิลที่ช่วยอำนวยความสะดวกเวลามีเบอร์องค์กรที่ผู้ใช้ไม่ได้บันทึกไว้ในเครื่องโทรเข้า ระบบกูเกิลจะทำการค้นหาเทียบเบอร์กับฐานข้อมูล Google Search แล้วดึงชื่อองค์กรนั้นมาแทนเบอร์โทรศัพท์พร้อมรูประบุตัวตน
อีกทั้งสำหรับผู้ใช้ที่ชอบค้นหาเบอร์องค์กร ห้างร้านต่างๆ ผ่านกูเกิลยังสามารถพิมพ์ชื่อห้างร้านเหล่านั้นไปที่ช่อง Contacts (Nearby Places) ระบบจะทำการค้นหาผ่านอินเตอร์เน็ตให้ทันที ลองชมวิดีโอสาธิตได้จากด้านบนของบทความ
OK Google ในแอนดรอยด์ 4.4 KitKat Google Now สามารถฟังคำสั่งเสียงจากผู้ใช้ได้แบบเดียวกับ S-Voice ในซัมซุงหรือ Siri บน iOS Device เพียงผู้ใช้อยู่ในหน้า Home Screen แล้วพูดว่า “OK Google” จากนั้นต่อด้วยคำสั่งเสียงที่ต้องการเช่น Directions to Rayong หรือจะถามสภาพอากาศ ณ ปัจจุบัน ก็สามารถทำได้ โดยการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Now จะใช้ฐานข้อมูลหลักจากกูเกิล เพราะฉะนั้นระบบจะเปิดกว้างกว่าระบบสั่งงานด้วยเสียงเจ้าอื่นพอสมควร
SMS รวม Hangouts จากเดิมในแอนดรอยด์แอปฯ SMS สำหรับส่งข้อความผ่านบริการเครือข่ายโทรศัพท์และ Hnagouts แอปฯ สำหรับแชทผ่านอินเตอร์เน็ตแบบเดียวกับ Line, Facebook Messenger จะแยกออกจากกัน แต่ใน KitKat Hangouts จะรวม SMS ไว้ด้วยทำให้สามารถรับส่งข้อความ SMS ได้จากแอปฯ Hangouts แอปฯ เดียว
ส่วนผู้ใช้ที่มีเพื่อนใช้แอนดรอยด์และรันบน KitKat เหมือนกันก็สามารถสนทนากับเพื่อนผ่าน Hangouts ได้ฟรีๆ ไม่เสียค่า SMS เช่นกัน (การทำงานแบบเดียวกับ iMessages บน iOS Device)
Android Device Manager อาจไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับผู้ใช้ไฮเอนด์สมาร์ทโฟนทั้งหลาย เพราะระบบติดตาม ลบข้อมูลเครื่องที่หายไปมีมานานแล้ว แต่สำหรับสาวกเพียวกูเกิลเอง Nexus 5 และ Kitkat ได้ติดตั้งระบบติดตามลบข้อมูลเมื่อเครื่องสูญหายมากับตัวแอนดรอยด์เลย โดยสามารถเปิดใช้งานได้ตั้งแต่เปิดใช้งานเครื่องครั้งแรก
Emoji ในแอนดรอยด์ KitKat มีการเพิ่มคียบอร์ด Emoji เข้ามาให้เลือกใช้งานมากมายหลายรูปแบบ
New GPS อย่างที่ทราบดีว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรีบนสมาร์ทโฟนหมดเร็วที่สุดก็คือ GPS ที่มักชอบแอบทำงานอยู่ตลอดทั้งวัน ใน Nexus 5 ที่รันผ่าน KitKat จึงปรับออปชัน Location ให้มองเห็นแอปฯ ที่กำลังเรียกใช้ GPS อยู่ได้ (Recent Location Requests) รวมถึงเพิ่มออปชันปรับแต่งการใช้งาน GPS โดยเฉพาะ Battery saving mode ที่เป็นการปิด GPS และใช้ WiFi กับเครือข่ายโทรศัพท์ในการระบุตำแหน่งแทน เหมาะสำหรับแอปฯที่ไม่ต้องใช้ความแม่นยำของ GPS ในการนำทาง ซึ่งโหมดดังกล่าวช่วยประหยัดแบตเตอรีมากพอสมควร
HDR+ มาถึงส่วนของกล้องถ่ายภาพก็มีการปรับปรุงโหมดถ่ายภาพ HDR ใหม่ในชื่อ HDR+ ทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพ HDR ได้ง่ายขึ้นไม่ต้องถือสมาร์ทโฟนให้นิ่งเหมือน Nexus 4 แล้ว
นอกจากนั้นโหมดถ่ายภาพนิ่งและวิดีโออื่นๆ ก็จะเหมือนกับแอนดรอยด์รุ่นก่อนหน้าทั้งโหมด Photo Sphere, Panorama และวิดีโอ 1080p รองรับการถ่าย Time Lapse
สองภาพบนถ่ายโดยเปิด HDR+ จากเดิมใน Nexus 4 ต้องถือสมาร์ทโฟนนิ่งมากถึงจะได้ผลลัพท์ของภาพ HDR ที่ดี แต่ใน Nexus 5 สามารถถือถ่ายภาพ HDR ได้ง่ายแม้จะจับสมาร์ทโฟนด้วยมือข้างเดียวก็ตาม
Auto Awesome เป็นหนึ่งโหมดตกแต่งภาพแบบอัจฉริยะที่กูเกิลติดตั้งมากับแอปฯ Photos บน Nexus 5 และ KitKat โดยความสามารถก็คือนอกจากตกแต่งภาพนิ่งแล้วยังสามารถนำภาพนิ่งหรือวิดีโอมาตัดต่อเป็นคลิปวิดีโอได้ โดยจะมีธีมออนไลน์ให้เลือกใช้แบบฟรีๆ รวมถึงดนตรีประกอบคลิปฟรีที่มีเฉพาะใน YouTube มาให้เลือกใช้งานได้แบบไม่ติดลิขสิทธิ์ด้วย
ยกตัวอย่างเช่นคลิปวิดีโอที่ผม @dorapenguin จัดทำขึ้น โดยใช้วิธีการถ่ายแบบ Time Lapse จากนั้นนำมาตัดต่อร้อยเรียงผ่านโหมด Auto Awesome ใน Photos App พร้อมใส่ดนตรีและเลือกธีม โดยระบบจะทำการตัดต่อ Fade in/out ให้อัตโนมัติ เรามีหน้าที่แค่เลือกธีม ดนตรีและนำคลิปมาแปะลง Timeline ตัดต่อเท่านั้น
Built-in Quickoffice และอีกหนึ่งความพิเศษสำหรับแอนดรอยด์ KitKat บน Nexus 5 ก็คือการติดตั้งแอปฯ จัดการเอกสาร Word, Execle และ PowerPoint อย่าง Quickoffice มาให้โดยจะสามารถเชื่อมต่อกับ Google Drive ได้
นอกจากฟีเจอร์เด่นที่กล่าวไปแล้ว เรื่องของแอปฯ ที่แถมมาให้กับเครื่องก็มีมาให้ค่อนข้างครอบคลุมการใช้งานทั่วไป ถึงแม้จะไม่โดดเด่นจนรู้สึกตื่นตาตื่นใจเหมือนไฮเอนด์แอนดรอยด์แบรนด์อื่น แต่ใช้งานจริงได้สมราคาแน่นอน (หรือไม่ถูกใจก็ไปดาวน์โหลดเพิ่มได้จาก Play Store) เช่น Keep ที่สามารถใช้จดโน้ตสั้นๆ ไปถึงบันทึกเสียงเวลาสัมภาษณ์ได้คล้ายๆ Evernote หรือแม้แต่ Google Play Newsstand ที่มีการทำงานแบบเดียวกับ Flipboard สำหรับติดตามข่าวสารที่น่าสนใจประจำวัน แถมดาวน์โหลดมาเปิดอ่านแบบ Offline ภายหลังได้ด้วย
โดยสิ่งที่เห็นชัดเจนสำหรับระบบการทำงานบนแอนดรอยด์ 4.4 KitKat ใน Nexus 5 ก็คือ "กูเกิลเน้นบริการคลาวด์สตอเรจและหน้าตาสไตล์ Holo UI มากขึ้น โดยแอปฯ ทุกตัวใน KitKat สามารถผูกกับ Google Drive และส่วนสำรองข้อมูลได้ตลอดเวลา อีกทั้งในเรื่องการปรับปรุงความลื่นไหลของระบบเมื่อสัมผัสสั่งงานหน้าจอโดยเฉพาะการสไลด์ปิดแอปฯ ที่ทำได้ดีขึ้น และที่สำคัญ Nexus 5 ที่ผมได้ทดสอบมาร่วมเกือบสองอาทิตย์ไม่เจออาการค้างหรือปัญหาจุกจิกใดๆ เลย แม้จะรันแอปฯ จนแรมเกือบหมดก็ตาม ระบบสามารถจัดการการทำงานได้ดีมากกว่าแอนดรอยด์ทุกรุ่นที่ผมเคยสัมผัส" จนผมอยากจะบอกว่า "นี่แหละคือดีไวซ์และแอนดรอยด์รุ่นที่จะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของหุ่นกระป๋องเขียวได้เลย เพราะมันลงตัวมากถึงจะไม่ดีที่สุดก็ตาม"
ทดสอบประสิทธิภาพ
มาถึงเรื่องการทดสอบประสิทธิภาพที่คะแนนอาจขัดแย้งกับความจริงที่สองตาเห็นเล็กน้อย เนื่องจากพอนำ Nexus 5 เข้าสู่แอปฯ ทดสอบประสิทธิภาพคะแนนกลับตกต่ำติดตินมาก ซึ่งผมคาดว่าอาจเป็นปัญหามาจากแอปฯ ยังไม่รองรับแอนดรอยด์ 4.4 KitKat อย่างสมบูรณ์แบบก็เป็นได้
ผมถึงบอกแล้วว่าพวกคะแนนทดสอบประสิทธิภาพอย่าได้ไปเชื่อมันนักเพราะมักขัดแย้งกับตาเห็นเสมอ และสิ่งที่เกิดกับ Nexus 5 ก็เป็นไปตามที่ผมกล่าวไปเลย คือ คะแนนต่ำกว่าสิ่งที่เห็นจริงๆ เพราะผมทดลองใช้ Nexus 5 เป็นสมาร์ทโฟนหลักในชีวิตประจำวันทั้งเล่นเกม Dead Trigger 2, Shadowgun, Modern Combat 4 ไปถึงใช้งานแอปฯ ทั่วไปผมก็ไม่พบเจอปัญหาเกมกระตุกแต่อย่างใด ทุกเกม ทุกแอปฯ ที่ดาวน์โหลดมาใช้งาน ทำงานได้ราบลื่นดีมาก
แต่เรื่องแบตเตอรีที่หลายคนบ่นว่าหมดเร็ว อันนี้ผมยอมรับครับว่าหมดเร็วแต่ก็ไม่ถึงกับสูบเป็นน้ำเหมือนที่สาวกไอโฟนเจอกัน เพราะเท่าที่ผมทดสอบเปิดแอปฯ ติดตามการเคลื่อนไหวอย่าง Moves ไว้ทั้งวัน (ต่อ 3G/4G LTE และ WIFI สลับทั้งวันด้วย) รวมถึงใช้งานโซเชียล เล่นเกม Dead Trigger 2 (ปรับ High) บ้างเป็นบางเวลาก็สามารถใช้งานได้ยาวนาน 8-9 ชั่วโมงโดยประมาณ
อย่างว่าแหละครับแบตเตอรี 2,300 mAh กับซีพียู Snapdragon 800 นี่ถ้าไม่ใช่เพียวกูเกิลและแอนดรอยด์ 4.4 KitKat คงหมดเร็วกกว่านี้ เพราะผมเคยทดสอบแบตเตอรี 3,000 กว่า mAh กับ Snapdragon 800 บนแอนดรอยด์ 4.2 Jelly Bean ยังอยู่ได้แค่ 10-11 ชั่วโมงบนชุดทดสอบแบบเดียวกัน
มาถึงเรื่องทดสอบกล้องหลัง 8 ล้านพิกเซลกันบ้างจาก Nexus 4 ที่หลายคนบ่นว่ากล้องห่วยมาก มาใน Nexus 5 กูเกิลให้ LG ปรับปรุงให้ใหม่แล้ว มาพร้อมระบบกันสั่นแบบออปติคอลเหมือน LG G2 ด้วย ก็จากภาพก็ถือว่าคุณภาพดีขึ้น แต่ก็ยังเป็นรองไฮเอนด์สมาร์ทโฟนทั้งฝั่ง iOS และแอนดรอยด์อยู่ดี ใครอยากได้สมาร์ทโฟนเน้นกล้องจงมองรุ่นอื่นทันที แถมลูกเล่นแอปฯ กล้องในระบบก็ไม่มีด้วย เน้นกดถ่ายอย่างเดียว (ดีที่ยังสามารถจิ้มล็อคโฟกัสได้ ไม่อย่างนั้นคงแย่กว่านี้)
ส่วนกล้องหน้า 1.3 ล้านพิกเซลถือว่าใช้ได้ถ้าแสงมากพอ แต่ถ้าเป็นในที่ร่มหรือที่มีแสงน้อยภาพอาจไม่ชัดนัก
สุดท้ายโหมดวิดีโอก็ได้รับความโดดเด่นจาก OIS เล็กน้อยทำให้ภาพวิดีโอที่ได้ไม่ค่อยสั่นไหวนัก แต่ในเรื่องคุณภาพไฟล์ถือว่ากลางๆ เหมือนซอฟต์แวร์ในกล้องเพิ่มความคมชัดให้เล็กน้อย
สรุปจุดขาย
- เพียวกูเกิล ลื่นไหล รวดเร็ว ข้อผิดพลาดน้อย ได้รับอัปเกรดก่อนชาวบ้าน
- น้ำหนักเบา
- แอนดรอยด์ 4.4 KitKat บริโภคพลังงานน้อยลง ลื่นไหลกว่าเดิมมาก
- หน้าจอใหญ่คมชัด
- หน่วยประมวลผลแรงเหลือๆ สำหรับทุกแอปฯ บน Play Store และเป็นการจับคู่กับแอนดรอยด์ KitKat ที่เหมาะสมลงตัวมากที่สุด จากเมื่อก่อน Nexus ดูเฉิ่มๆ ธรรมดา ขาดๆ เกินๆ
- มีเซ็นเซอร์ตรวจจับก้าวเดิน ช่วยลดการใช้พลังงานสำหรับแอปฯ ออกกำลังกายที่รองรับ
- กล้องปรับปรุงดีขึ้นมากจาก Nexus 4
- Google Apps เริ่มเป็นระเบียบมากขึ้น เพราะปรับไปใช้ Holo UI เกือบทั้งหมด
สรุปข้อสังเกต
- แอปฯ บน Play Store บางตัวยังแสดงผลผิดเพี้ยนเนื่องจากไม่รองรับแอนดรอยด์ 4.4
- Translucent system UI ยังมีเฉพาะหน้าโฮมสกรีนเท่านั้น ขนาดแอปฯ ของกูเกิลเองยังไม่รองรับยกเว้น Google Now ถ้าอนาคตปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลของแอปฯ อื่นๆ ให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันได้จะช่วยสร้างความน่าสนใจในตัวแอนดรอยด์มากขึ้น
- ไม่มีหูฟังแถมมาให้
- เจอปัญหาด้านการออกแบบหน้าจอ 5 นิ้ว ซึ่ง Nexus 5 เจอหน้าจออ้วนใช้มือเดียว นิ้วเอื้อมกดขอบจออีกด้านไม่ถึง
- ปุ่มเปิดปิด Sleep/Awake ตอบสนองไวมาก บางทีใส่กระเป๋ากางเกงแคบๆ แล้วปุ่มไปโดนขอบของกระเป๋ากางเกงหรือต้นขาสามารถเปิดหน้าจอขึ้นมาได้
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป?
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ อ่านมาถึงบทสรุปแล้วคิดเหมือนพาดหัว "คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว" ที่ผมตั้งไว้หรือเปล่า เพราะนี่คือสมาร์ทโฟนสเปกไฮเอนด์ที่มีราคาค่าตัวแค่ 16,900 บาทสำหรับรุ่น 16GB แถมใน Nexus 5 กูเกิลเลือกคัดแต่ฮาร์ดแวร์โดนใจคนยุคนี้อย่างเจ้าซีพียู Snapdragon 800 หน้าจอ IPS 1080p แรม 2GB มาใส่ลงใน Nexus พร้อมรับ 4G LTE ไปเลยเต็มๆ
แน่นอนถ้าคุณกำลังมองหาแอนดรอยด์โฟนราคาไม่เกินสองหมื่นบาท ไม่เน้นกล้องถ่ายภาพมากนัก และอยากได้ 4G LTE พร้อม 3G ไม่แบ่งค่ายใช้ได้ถึงอนาคต Nexus 5 เป็นตัวสุดคุ้มที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง โดยเฉพาะแอนดรอยด์ 4.4 KitKat ที่ผมอยากให้ทุกท่านได้สัมผัสมันแบบเพียวๆ ร่วมกับชิป Snapdragon 800 แบบไม่มีการปรุงแต่งจริงๆ ว่ามันลื่นและเสถียรแค่ไหน บางทีเมื่อคุณได้สัมผัสแล้วอาจเปลี่ยนความคิดที่มีกับแอนดรอยด์ไปเลยก็เป็นได้
ส่วนใครสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของแอนดรอยด์ 4.4 KitKat สามารถกดอ่านได้จากลิงค์ http://developer.android.com/about/versions/kitkat.html
Company Related Link :
CyberBiz Social