xs
xsm
sm
md
lg

Review: Panasonic Lumix GX7 มิร์เรอร์เลสตัวแรง สไตล์คลาสิค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




Panasonic Lumix GX7 เหมาะสำหรับผู้ที่มีใจรักการถ่ายภาพแบบ Street Photography เพราะไม่ว่าจะเป็นรูปร่างและการออกแบบที่เรียกความคลาสสิกออกมาอย่างเต็มที่ หรือแม้กระทั่งวัสดุตัวเรือนที่เลือกใช้แมกนีเซียมอัลลอยเป็นส่วนประกอบหลักเพื่อความคงทนและน้ำหนักเบา พร้อมช่องมองภาพ Live View Finder ปรับองศาได้ 90 องศา พร้อมลายหนังที่หุ้มอยู่โดยรอบสะท้อนความดิบของตัวกล้องที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจในการหยิบกล้องออกไปเดินถ่ายภาพอย่างไร้แบบแผน แน่นอนว่าฟีเจอร์ของกล้องที่จัดมาอย่างครบครันก็ช่วยให้สามารถถ่ายทอดมุมมองศิลป์แบบไม่เฉพาะเจาะจงลงเป็นภาพถ่ายได้อย่างทันท่วงที

การออกแบบและสเปก



การออกแบบบอดี้ที่ใช้แมกนีเซียมอัลลอยขึ้นโครงเพื่อความคงทน ช่วยเสริมให้บอดี้มีความเป็นพรีเมียมมากขึ้น พร้อมลวดลายแบบหนังแท้โดยรอบที่ช่วยสร้างอารมณ์ของความคลาสสิก อีกทั้งความนูนของตัวกล้องบริเวณกริปจับก็ช่วยเสริมให้จับถนัดมือมากยิ่งขึ้น และเมื่อรวมเข้ากับน้ำหนักของตัวกล้องที่อยู่ในเกณฑ์พอดีก็ยิ่งช่วยให้การถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายขึ้น โดยรวมถือว่าตัวกล้องออกแบบมาให้เหมาะกับทุกท่วงท่าการถ่ายได้อย่างลงตัว




ตัวเครื่องที่ได้มาทดสอบนอกจากบอดี้แล้ว ยังมาพร้อมเลนส์แบบแพนเค้ก Lumix G ฟิกระยะ (ซูมไม่ได้) 20 มิลลิเมตร ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/1.7 และเลนส์ซูม Lumix G Vario 35-100 มิลลิเมตร ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/2.8 พร้อมระบบ O.I.S สำหรับขนาดมิติของตัวกล้องรุ่นนี้อยู่ที่ 122.60 x 70.7 x 54.6 มิลลิเมตร โดยน้ำหนักเมื่อรวมทั้งในส่วนของ SD Card แบตเตอรี่และเลนส์แล้วจะอยู่ที่ประมาณ 489 กรัมโดยประมาณ ซึ่งถือว่าสามารถห้อยคอไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ตอบโจทย์การใช้งานแบบ Street Photography ได้ในส่วนของน้ำหนัก



โดดเด่นด้วยช่องมองภาพแบบดิจิตอล LVF (Live View Finder) ความละเอียด 2.76 ล้านพิกเซล สามารถปรับขึ้น-ลงได้ 90 องศา เพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายภาพในพื้นที่แสงมากจนไม่สามารถมองจากจอภาพด้านหลังได้ ทั้งนี้หากต้องการตั้งค่าสีของจอ LVF ก็สามารถทำได้ในโหมดของการตั้งสีหน้าจอ เพียงเปลี่ยนมุมมองจากหน้าจอ LCD ไปสู่ LVF ด้วยปุ่ม LVF/Fn4 ด้านข้างช่อง LVF เพียงครั้งเดียว หรือเพื่อสลับมุมมองการถ่ายไป-มาได้ทันทีด้วยปุ่มนี้เช่นกัน



ด้านหลังมีหน้าจอ LCD แบบสัมผัสขนาด 3 นิ้ว สามารถปรับองศาการมองได้ทั้งก้มและเงยกว่า 80 องศา ก้านปรับองศาทำจากวัสดุโลหะสีดำให้ความรู้สึกทนทาน ทั้งนี้ยังสามารถสั่งการแบบสัมผัสที่หน้าจอเพื่อควบคุมกล้องได้ทั้งหมดอย่างสะดวก แต่กระนั้นก็ต้องบอกว่าสำหรับผู้ที่มีนิ้วที่ใหญ่อาจจะลำบากในการกดอยู่พอสมควร ซึ่งสามารถทดแทนด้วยปุ่มกดที่เรียงรายอยู่รอบตัวกล้องก็ถือว่าครอบคลุมทุกฟังก์ชันการใช้งานเลยทีเดียว



นอกจากนี้ยังมีปุ่มที่เป็นแบบซ้อนฟังก์ชันอยู่อีกหลายปุ่ม โดยเริ่มจากปุ่มสลับมุมมอง LVF และมอนิเตอร์ ที่อยู่ด้านบนซ้าย ถัดมาเป็นปุ่มเปิด-ปิด แฟลชแบบป๊อบอัป ถัดมาทางขวาจะมีปุ่มเลือกระบบโฟกัสแบบเลื่อนพร้อมปุ่มตรงกลางสำหรับล็อกโฟกัส ขณะที่บริเวณกริปสำหรับจับจะมีวงแหวนเลื่อนเพื่อใช้งานแบบมัลติฟังก์ชัน ด้านล่างจะมีปุ่ม Q Menu ที่ซ้อนอยู่กับ Fn1 คือปุ่มที่ผู้ใช้สามารถปรับตั้งค่าฟังก์ชันที่ใช้งานบ่อยมาไว้ที่ปุ่มนี้ได้ ถัดมาเป็นปุ่มพรีวิวที่อยู่ระดับเดียวกับปุ่ม DISP. สำหรับปรับการแสดงผลข้อมูลการถ่ายที่หน้าจอ และถัดลงมาด้านล่างจะมีปุ่มวงแหวนที่ซ่อนปุ่มการตั้งค่ากล้อง (MENU/SET) อยู่ตรงกลาง มีปุ่ม ISO, WB สำหรับเลือกค่าอุณหภูมิแสง, ปุ่มหน่วงเวลาหรือมัลติชอต และสุดท้ายเป็นปุ่มตั้งเส้นหน้าจอสำหรับการจัดองค์ประกอบภาพที่ง่ายขึ้น



ด้านบนมีแฟลช TTL แบบป็อบอัป สามารถเปิด-ปิดได้ด้วยปุ่มที่อยู่ถัดมาจากปุ่ม LVF/Fn4 ความเร็วในการซิงค์แฟลช 1/320 วินาที สอดคล้องกับระบบโฟกัส Light Speed AF ความเร็วสูง ถึง 240 เฟรม/วินาที สามารถโฟกัสติดตามวัตถุเคลื่อนไหวได้เร็วและแม่นยำ รองรับระบบโฟกัสพร้อมกันสูงสุด 23 จุด ถัดไปจะเป็นช่อง Hot Shoe สำหรับใส่ไฟแฟลชภายนอกหรืออุปกรณ์เสริมต่างๆ ถัดมาจะเป็นปุ่มชัตเตอร์สีแดงสำหรับบันทึกภาพวิดีโอโดยเฉพาะ ด้านข้างจะเป็นปุ่มชัตเตอร์ที่มีวงแหวนอยู่ด้านนอกสามารถใช้เลื่อนชดเชยแสงได้เมื่ออยู่ในโหมดแมนนวล



ถัดมาเป็นวงแหวนใหญ่ซึ่งเป็นส่วนของการปรับโหมดการถ่ายภาพ มีให้เลือกใช้ตั้งแต่โหมดอัตโนมัติ, Program, Aperture, Shutter Speed, Manual, วิดีโอ, C1 (Custom 1), C2 (Custom 2), C3 (Custom 3), SCN ซีนโหมดสำเร็จรูป, โหมดครีเอทีฟ ซึ่งมีฟิลเตอร์ให้เลือกกว่า 22 แบบ ด้านล่างของวงแหวนจะมีปุ่มเปิด-ปิดเครื่องแบบสวิตซ์เลื่อน หากจับกล้องด้วยมือขวาสามารถใช้นิ้วโป้งเลื่อนเปิด-ปิดเครื่องได้อย่างสะดวก



ด้านหน้าของตัวกล้องมองเห็นโลโก้ Lumix พร้อมชื่อรุ่น GX7 อยู่ทางด้านขวา ซึ่งหากมองเพียงผิวเผินจะให้อารมณ์เดียวกับกล้องรุ่นเก่าอย่าง Nikon FM2 แต่กระนั้น ด้วยความเป็นมิร์เรอร์เลสที่ต้องมีความแตกต่างอยู่มากโข และนั่นก็คือ NFC (ระบบส่งข้อมูลระยะใกล้) ที่ซ่อนอยู่ภายในกริปจับทางด้านขวามือ โดยเมื่อนำโทรศัพท์ที่มีระบบ NFC เข้ามาสัมผัสจะสามารถเชื่อมต่อข้อมูลได้ทันที



ด้านล่างวงแหวนมีปุ่มย้อนกลับหรือลบทิ้งในปุ่มเดียวกัน พร้อมซ้อนปุ่ม Fn2 สำหรับเลือกฟังก์ชันที่ต้องการ ขณะที่ด้านขวาระดับเดียวกัน มีปุ่มไวไฟที่ซ้อนปุ่ม Fn3 สามารถเปิดการเชื่อมต่อไวไฟเพื่อส่งผ่านรูปภาพไปที่อุปกรณ์สมาร์ทโฟน หรือสั่งถ่ายรูปจากกล้องผ่านโปรแกรมที่สามารถเรียกหามาติดตั้งมาไว้บนสมาร์ทโฟนได้ทั้งระบบแอนดรอยด์และ iOS ในชื่อว่า “Lumix Link” ได้อย่างสะดวก



มาถึงส่วนของสเปกเซ็นเซอร์รับภาพ DMC-GX7 ขนาด 17.3x13 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นการพัฒนาเซ็นเซอร์รับภาพขึ้นมาใหม่ขนาด 16 ล้านพิกเซล (4,592x3,448 พิกเซล) ชนิดเซ็นเซอร์แบบ Live MOS ช่วยให้ได้ภาพความละเอียดสูงพร้อมความไวแสงที่สูงขึ้น โดยสามารถเลือกใช้ ISO ได้สูงสุด 25,600 มีประสิทธิภาพด้านลด Noise ได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับเซ็นเซอร์รุ่น DMC-GX1 โดยขนาดเซ็นเซอร์รับภาพถือว่าไม่ใหญ่มาก แต่ขนาดไฟล์ภาพที่ได้เทียบเท่า DSLR แน่นอน



มาดูที่ช่องเชื่อมต่อซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายของกล้อง ซึ่งเมื่อเปิดฝาครอบขึ้นจะเห็นช่อง USB 2.0, Mini HDMI, Audio Video Output, ช่องรีโมทขนาด 2.5 มิลลิเมตร, ช่องต่อไมโครโฟนแบบสเตอริโอ และสุดท้ายเป็นช่องต่อลำโพงแบบโมโน ถือได้ว่า Lumix GX7 จับองค์ประกอบด้านการถ่ายวิดีโอมาให้อย่างครบถ้วน แต่อาจจะไม่ใช่ขนาดมาตรฐานที่ใช้สำหรับงานโปรดักส์ชันมืออาชีพ แต่ก็ถือว่าครบสำหรับผู้ทีต้องการกล้องที่ตอบสนองการใช้งานหลากหลายรูปแบบ



ขณะที่ด้านล่างของกล้องบริเวณกริปจับเมื่อเปิดฝาปิดออกจะเป็นส่วนของช่องใส่แบตเตอรี่ลิเทียม (Li-ion) ขนาด 1,025 มิลลิแอมป์ ซึ่งสามารถถ่ายรูปได้กว่า 320-350 รูป พร้อมช่องใส่ SD/SDHC/SDXC การ์ดขนาดสูงสุด 64GB ถัดมาจะเห็นช่องสำหรับยึดขาตั้งกล้องแบบมาตรฐานตรงกลางตัวกล้อง



022

ด้านคุณภาพไฟล์สามารถถ่ายได้ทั้ง JPEG, RAW (NEF) และ RAW+JPEG ที่ความละเอียดสูงสุด 4,928x3,264 พิกเซล สามารถปรับสัดส่วนภาพได้ทั้งแบบ 4:3, 3:2, 16:9, 1:1 โดยสัดส่วน 1:1 ถือเป็นสัดส่วนพิเศษที่ทำมาสำหรับการถ่ายภาพเพื่อโพสต์ขึ้น Instagram โปรแกรมยอดฮิตในปัจจุบันโดยเฉพาะ รองรับการถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงสุด 5 ภาพต่อวินาทีสำหรับโหมด ชัตเตอร์ Mechanical ขณะที่โหมดชัตเตอร์ Electronic สามารถถ่ายได้ความเร็วสูงสุด 40 ภาพต่อวินาที ส่วนวิดีโอสามารถถ่ายที่ความละเอียดสูงสุด 1,920x1,080 พิกเซลที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที ระบบโฟกัสผ่าน Live View เป็นแบบคอนทราสต์ออโต้โฟกัสและยังรองรับระบบออโต้โฟกัสตรวจจับใบหน้าและ Object Tracking ด้วย



ทั้งนี้ชุดมาตรฐานของกล้องภายในกล่องจะประกอบด้วย ตัวบอดี้กล้อง เลนส์(ตามขนาดที่เลือก) แบตเตอรี่ แท่นชาร์ต สายชาร์ต สายวิดีโอออดิโอ ซีดี สายคล้องคอ และบางรุ่นจะมีฮูดกันแสงให้มาด้วย โดยราคาบอดี้เปล่าเริ่มต้นที่ 34,990 บาท บอดี้พร้อมเลนส์ 14-42 มิลลิเมตร f3.5 ราคาจะอยู่ที่ 38,990 บาท ขณะที่ราคาบอดี้พร้อมเลนส์ 20 มิลลิเมตรแบบฟิกจะอยู่ที่ 42,990 บาท

Display Menu และฟีเจอร์เด่น



จากหน้าจอ Live View สามารถเข้าสู่หน้าจอ Quick Menu ได้หลังจากกดที่ปุ่ม Q MENU ด้านข้าง หรือหากต้องการใช้งานฟังก์ชันที่มีการตั้งค่าไว้ก่อนหน้า ก็สามารถเลือกกดจากหน้าจอได้เลยทันที ทั้งนี้นับตั้งแต่หมุนวงแหวนใหญ่เป็นโหมดกึ่งออโตจนถึงแมนนวลสามารถปรับแต่งค่าจากหน้าจอได้ทั้งหมด นับตั้งแต่เปลี่ยนฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกกว่า 22 แบบ (Rough Monochrome, Silky Monochrome, Monochrome, Expressive, Retro, Old Days, High Key, Low key, Sepia, Dynamic Monochrome, Impressive Art, High Dynamic, Cross Process, Toy Effect, Miniature Effect, One Point Color, Soft Focus, Star Filter, Sunshine, Bleach Bypass, Toy Pop และ Fantasy เมื่อเข้าสู่โหมดครีเอทีฟ



ไม่ว่าจะเป็นการเลือกพื้นที่โฟกัสได้อย่างสะดวก ระบบโฟกัส เปิด-ปิดระบบแฟลช เลือกขนาดและชนิดของไฟล์วิดีโอ การเลือกขนาดและสัดส่วนภาพ สุดท้ายการเลือกชนิดไฟล์รูปที่จะบันทึกสามารถทำได้จากการสัมผัสหน้าจอทันที แม้ว่าจะอยู่ในหน้าจอ Live View ปกติ นับเป็นความสะดวกที่สามารถปรับแต่งค่าพร้อมพรีวิวภาพดูได้ทันทีว่าการปรับแต่งดังกล่าวตรงตามความต้องการหรือไม่ แล้วจึงบันทึกภาพไว้เชยชมต่อไป



การเชื่อมต่อ NFC ที่มีอยู่ที่บริเวณกริปจับ เมื่อแตะเข้ากับสมาร์ทโฟนที่มี NFC แต่ยังไม่ได้ติดตั้งแอปพลิเคชัน ระบบจะแจ้งเตือนพร้อมส่งลิงค์ให้ทำการเข้าไปดาวน์โหลดโปรแกรมมาติดตั้งอย่างอัตโนมัติ การติดตั้งนี้เป็นการแจ้งเตือนเพื่อติดตั้งครั้งแรกเพียงครั้งเดียว ถือว่าเป็นความสะดวกสำหรับมือใหม่ที่หัดใช้การส่งไฟล์รูปผ่านระบบ NFC ที่นับว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ระหว่างสมาร์ทดีไวซ์ด้วยกัน โดยรวมถือว่าง่ายและสะดวกมากขึ้นแม้ว่าความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลจะไม่ค่อยทันใจเท่าไหร่



ฟีเจอร์การถ่ายภาพต่อเนื่องแบบ Time lapse ที่มีอยู่ในโหมดครีเอทีฟ ช่วยให้การสร้างสรรค์มุมมองใหม่ๆเกิดขึ้นได้อย่างสะดวก โดยสามารถใช้งานร่วมกับฟิลเตอร์ที่มีอยู่ในระบบกว่า 22 แบบได้ด้วย การถ่ายในโหมด Time lapse กล้องจะทำการถ่ายภาพทุก 10 วินาที เมื่อถ่ายจนครบตามต้องการสามารถดูได้ผ่านตัวกล้องหรือต่อออกมอนิเตอร์ได้ทันที และหากต้องการนำไฟล์ออกเพื่อนำไปเปิดด้วยเครื่องเล่นอื่น สามารถสั่งรวมไฟล์ออกแปลงไฟล์ให้เป็นภาพยนตร์ได้เพียงเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น



การควบคุมกล้องผ่านระบบไวไฟก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ทันยุคทันสมัย โดยการควบคุมดังกล่าวครอบคลุมถึงการปรับแต่งฟิลเตอร์ของภาพได้บางส่วน ขณะที่การโฟกัส การปรับระยะการถ่าย รวมทั้งการเลือกขนาดไฟล์หรือการปรับตั้งค่ามาตรฐานทั่วไป สามารถเลือกปรับแต่งได้จากสมาร์ทโฟนที่ควบคุมได้เลยทันที การเชื่อมต่อเท่าที่เห็นไม่มีอาการหน่วงแต่อย่างใด สามารถแสดงผลผ่านสมาร์ทโฟนได้แบบเรียลไทม์ แต่กระนั้นระยะของการเชื่อมต่อก็ยังเป็นเพียงระยะที่ไวไฟจะสามารถทำการได้เท่านั้น



ฟีเจอร์สัดส่วนภาพ 1:1 เป็นอีกลุกเล่นที่เหมาะสำหรับนักถ่ายภาพที่ชื่นชอบการแชร์ภาพผ่านโปรแกรมอินตาแกรม แน่นอนว่าโปรแกรมดังกล่าวจำกัดสัดส่วนภาพไว้เพียง 1:1 เท่านั้น การถ่ายภาพด้วยกล้องโปรแล้วนำมาแต่งเพื่อให้ได้ขนาดสำหรับการโพสต์ให้เพื่อนเห็นจึงกลายเป็นความยุ่งยากที่จะไม่เกิดขึ้นสำหรับกล้อง GX7 อย่างแน่นอน ยิ่งเมื่อรวมความสามารถของการเชื่อมต่อไวไฟเพื่อให้กล้องสามารถเชื่อมต่อสู่โลกโซเชียลมีเดียได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

ทดสอบประสิทธิภาพ

022

เริ่มที่ความแตกต่างของการประมวลผลภาพในรูปแบบ JPEG และ RAW หากมองด้วยตาเปล่าโดยรวมถือว่าไฟล์ JPEG มีการแก้ไขอาการติดแดงเล็กน้อย โดยภาพที่ประมวลออกมามีความสดสวยขึ้นในส่วนของ JPEG และหากซุมเข้า 100% จะเห็นว่าการประมวลผลเป็นภาพ JPEG มีการเร่งสีให้สดขึ้นจากเดิมขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งน่าจะเกิดจากการเลือกถ่ายโหมด Vivid ที่ผู้ถ่ายชื่นชอบ

023

ภาพเปรียบเทียบ ISO แบบ Low Less Light

024

สำหรับช่วงของ ISO ที่ถือว่าสามารถใช้งานภาพได้อยู่ในช่วงค่าความไวแสงระหว่าง ISO100-1,600 ถือว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุด แต่หากต้องการดันไปจนถึง 3,200 ก็ยังพอใช้ได้สังเกตได้จากในรูป นอกนั้นอาจจะเป็นเพียงออปชันที่เสริมให้กล้องมีช่วง ISO ที่มากขึ้นก็เท่านั้น โดยรวมถือว่าระบบ ISO ยังแค่เสมอตัว

25.6
ตัวอย่างภาพถ่าย

25.5

การถ่ายภาพในโหมดครีเอทีฟที่มีฟิลเตอร์ให้เลือกใช้กว่า 22 แบบ ถือว่าการทำงานของฟิลเตอร์ทำได้ดี เมื่อปรับใช้แล้วสามารถแยกความแตกต่างระหว่างภาพที่ใช้และไม่ใช้ได้อย่างชัดเจน การเลือกใช้ฟิลเตอร์ใดระหว่างการถ่าย สามารถดูภาพตัวอย่างได้ทันที นับว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยให้มือใหม่ถ่ายภาพได้ง่ายขึ้น หรือมืออาชีพที่กำลังเพลินกับฟิลเตอร์ที่กล้อง DSLR ไม่เคยมีให้เยอะเท่านี้ก็น่าจะมีอยู่บ้างหลังจากได้สัมผัส GX7

26

P1190072

การปรับเร่งสีในรูปแบบฟิลเตอร์ แม้ว่าจะเป็นแบบสำเร็จรูปแต่ก็ได้ค่าสีที่สดขึ้นมาทันตา แน่นอนว่าความง่ายของการเลือกใช้ฟิลเตอร์ย่อมมีมากกว่าการต้องปรับแต่งค่าเองแบบที่มืออาชีพคุ้นเคย เมื่อได้ลองใช้งานแบบ Vivid ถึงได้รู้ว่าง่ายมากและได้ภาพที่มีคุณภาพสีสดใสมากขึ้น

27

GX7 ถือว่าเป็นกล้องที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและสะดวกรวดเร็ว โดยเมื่อลองยกกล้องสุ่มถ่ายระหว่างเดินทางก็สามารถบันทึกภาพได้อย่างน่าประทับใจ และแม้ว่าผู้ถ่ายจะอยู่บนรถประจำทางที่เคลื่อนที่แบบต่อเนื่องก็สามารถบันทึกภาพได้เช่นกัน

ส่วนใครที่อยากรับชมตัวอย่างภาพขนาดใหญ่และรับชมภาพอื่นๆ จากกล้อง Lumix GX7 สามารถกดชมได้จากลิงค์นี้ ภาพตัวอย่างจากกล้อง GX7



มาทดสอบด้านการถ่ายวิดีโอโดยเป็นการถ่ายในสภาวะแสงน้อยช่วงกลางคืน ถ่ายด้วยขนาด Full HD 1920x1080 พิกเซล ความเร็ว 25 เฟรมต่อวินาที การโฟกัสภาพและแสงที่ได้ถือว่าทำออกมาได้ดี ความต่อเนื่องของภาพไม่มีอาการกระตุกยกเว้นในส่วนของการซูมเข้า-ออก ภาพจะมีอาการกระตุกอย่างเห็นได้ชัด

ตอบจุดขาย

- เซ็นเซอร์ DMC-GX7 ถือว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการเลือกใช้ภาพแบบ JPEG
- น้ำหนักกล้องเบา สามารถพกพาได้สะดวก
- คุณภาพวิดีโอทำออกมาได้ประทับใจ ให้รายละเอียดของสีที่ดี
- มีรูปแบบของฟิลเตอร์ให้เลือกใช้มากมายกว่า 22 แบบ
- รองรับเทคนิคการถ่าย Time lapse
- อินเตอร์เฟสของหน้าจอสัมผัสสามารถใช้งานได้ครบและลื่นไหลดี

ข้อสังเกต

- การปรับตั้งค่าบางอย่างเช่นการเลือกความเร็วชัดเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ค่อยข้างอยู่ลึกเกินไป เข้าใช้งานยาก
- การเชื่อมต่อ NFC สำหรับสมาร์ทโฟนบางรุ่นยังมีข้อติดขัดด้านการเชื่อมต่อครั้งแรกอยู่บ้าง
- โปรแกรมควบคุมอาจมีความสับสนได้เนื่องจากจำนวนของโปรแกรมมีเยอะมาก

ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป?

GX7 เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับมืออาชีพที่ต้องการความละเอียดอ่อนของการปรับตั้งค่าเพื่อควบคุมกล้องได้ทุกอณู นั่นเพราะความง่ายของกล้องซ่อนการปรับแต่งค่าที่มืออาชีพต้องการให้อยู่ลึกเกินกว่าที่จะใช้งานได้สะดวกมือ ซึ่งก็น่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ยืนยันว่ากล้องรุ่นนี้ทำมาให้ใช้งานง่ายแบบครบๆเท่านั้น

หากจะเทียบกล้องรุ่นนี้กับรุ่นอื่นก็ถือว่าได้เปรียบในส่วนของมุมมองภาพจาก LVF ที่สามารถถ่ายทอดภาพออกมาได้อย่างสมจริง เป็นการเพิ่มอรรถรสในการถ่ายภาพได้อีกแบบ ขณะที่เซ็นเซอร์รุ่นใหม่ช่วยให้ความเร็วของการถ่ายภาพเป็นไปได้อย่างสมราคา แน่นอนว่าผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายในสภาวะแสงน้อยย่อมต้องการเซ็นเซอร์ที่มีคุณสมบัติเช่นนี้

เมื่อมองชื่อชั้นของพานาโซนิกแล้วคงเทียบไม่ได้กับยี่ห้อใหญ่ที่เป็นค่ายหลักกินตลาดกล้อง DSLR อยู่ในปัจจุบัน แต่เมื่อมองเพียงกลุ่มกล้องมิร์เรอร์เลสก็ถือว่ามีโอกาสที่ระดับราคา 38,990 สำหรับชุดคิตจะสามารถแทรกเข้าตลาด ด้วยคุณภาพของกล้องที่เทียบชั้นกล้องรุ่นใหญ่ได้อย่างสบาย

คุ้มค่าถ้าจะซื้อมาใช้งานเป็นอีกหนึ่งกล้องคู่กายที่ใช้พกพาไปไหนมาไหนได้อย่างไม่ลำบาก แล้วคุณจะสนุกกับการถ่ายภาพในทุกที่ที่ได้เดินทางไป

Company Related Link :
Panasonic









กำลังโหลดความคิดเห็น