Galaxy S4 ถือเป็นอีกหนึ่งสุดยอดสมาร์ทโฟนสำหรับผู้ที่ชื่นชอบระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ต้องลองสัมผัสดู เพราะนอกจากจะชูความโดดเด่นที่สเปกเครื่องแล้ว ทางซัมซุงยังได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ต่างๆเข้ามารวมไว้ด้วยกัน เพื่อให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้กลายเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์สำคัญในชีวิตประจำวัน
สิ่งที่มาการันตีความสามารถของ Galaxy S4 คงหนีไม่พ้นการที่กูเกิล เลือก Galaxy S4 ให้กลายเป็น Nexus Phone รุ่นล่าสุด ที่ทางกูเกิลประกาศภายในงานประชุมนักพัฒนาช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ในชื่อ Galaxy S4 Nexus ทำให้เห็นว่าสเปกของเครื่องรุ่นนี้กำลังจะกลายเป็นมาตรฐานสำคัญสำหรับนักพัฒนาแอปพลิเคชัน ที่จะต่อยอดนำฟีเจอร์ต่างๆของตัวเครื่องให้ออกมาเป็นแอปพลิเคชันที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น
การออกแบบและสเปก
ในแง่ของการออกแบบก็ต้องยอมรับว่า Galaxy S4 แทบไม่แตกต่างจากรุ่นที่ออกมาก่อนหน้านี้อย่าง Galaxy S3 หรือ Galaxy Grand แต่จุดที่ทำให้ Galaxy S4 แตกต่างออกไปคงหนีไม่พ้นในเรื่องของวัสดุ ที่แม้จะใช้พลาสติกแบบโพลีคาร์บอเนตเป็นหลัก แต่สัมผัสของตัวเครื่องที่ได้กลับดูแข็งแรงดี ที่สำคัญคือตัวเครื่องก็มีน้ำหนักเบาลง
โดยรอบตัวเครื่องจะมีการนำขอบโครเมียมมาใช้งานเพิ่มความหรูหราให้ตัวสินค้า ขนาดของตัวเครื่อง Galaxy S4 อยู่ที่ มิลลิเมตร น้ำหนัก กรัม เบื้องต้นเริ่มวางจำหน่าย 2 สีคือ ขาว และ ดำ แต่ก็เชื่อว่าในอนาคตอาจจะมีสีอื่นตามของมาเหมือนตอนที่ Galaxy S3 วางจำหน่ายนั่นเอง
ด้านหน้า - ไล่จากส่วนบนจะประกอบไปด้วยแถบลำโพงสนทนา โดยมีเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว ตรวจจับใบหน้า ปรับความสว่างหน้าจอ ไฟแสดงสถานะ และกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล โดยมีโลโก้ซัมซุงสีเงินพาดอยู่ตรงกึ่งกลาง
ถัดลงมาเป็นหน้าจอ Full HD Super AMOLED ความละเอียด 1,920 x 1080 พิกเซล ขนาด 4.99 นิ้ว ซึ่งถ้าสังเกตเวลาใช้งานจะรู้สึกว่าหน้าจอมีขนาดใหญ่กว่านั้นเล็กน้อย โดยซัมซุงให้เหตุผลว่ามีการนำจอแบบโค้งมาใช้งาน ทำให้ได้มุมมองที่กว้างขึ้น ส่วนล่างหน้าจอมีปุ่มเมนู และย้อนกลับแบบสัมผัส โดยยังคงปุ่มโฮมแบบกดไว้เช่นเดิม
ด้านหลัง - ไล่จากขอบบนลงมาจะมีกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช และสัญลักษณ์ของซัมซูงอยู่ตรงกึ่งกลาง โดยมีช่องลำโพงอยู่ที่ส่วนล่าง ตัวเครื่องสามารถถอดฝาหลังออกมาเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ขนาด 2,600 mAh ได้ ภายในมีช่องใส่ไมโครซิมการ์ด และไมโครเอสดีการ์ด รองรับสูงสุด 64 GB
ด้านซ้าย - มีเพียงปุ่มปรับระดับเสียงเท่านั้น ด้านขวา - เป็นที่อยู่ของปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง และช่องแงะฝาหลัง
ด้านบน - เป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ไมค์ตัดเสียงรบกวน และเซ็นเซอร์อินฟาเรตที่ใช้ควบคุมโทรทัศน์และอุปกรณ์ต่อพ่วงได้ ด้านล่าง - มีพอร์ตไมโครยูเอสบี และไมโครโฟนสนทนา
สำหรับสเปกภายในของ Galaxy S4 จะมาพร้อมกับ หน่วยประมวลผลแบบ Octacore ที่เป็นควอดคอร์ 1.6 GHz และควอดคอร์ 1.2 GHz RAM 2 GB หน่วยความจำที่ให้มาภายในตัวเครื่อง 16 GB เหลือให้ใช้งานประมาณ 8 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.2.2 รองรับการเชื่อมต่อ 3G ทุกคลื่นความถี่ ให้ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุด 42 Mbps รองรับ WiFi 802.11 a/b/g/n/ac บลูทูธ จีพีเอส และ NFC
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
สิ่งที่น่าสนใจในเครื่อง Galaxy S4 มีให้เล่นกันตั้งแต่หน้าจอปลดล็อกที่ผู้ใช้งานสามารถตั้งคำบรรยายที่หน้าจอได้ด้วยตนเอง ด้วยการกดรูปเครื่องหมายดินสอที่จะมีขึ้นมาหลังจากสัมผัสตรงหน้าจอปลดล็อก ซึ่งนอกจากใส่คำบรรยายด้วยตัวเองยังสามารถเลือกรูปแบบฟอนต์ หรือสีอักษรได้อีกด้วย
การปลดล็อกหน้าจอทำได้ด้วยการลากนิ้วบริเวณล่างนาฬิกาเพื่อปลดล็อก หรือถ้าไม่ต้องการปลดล็อกแต่เลือกใช้เมนูไอค่อนลัดก็สามารถใช้นิ้วลากปาดซ้ายขวาบริเวณพื้นที่ตั้งแต่นาฬิกาขึ้นไป ซึ่งจะมีทั้งในส่วนของไอค่อนลัดเข้าแอปพลิเคชันต่างๆ และวิตเจ็ตอื่นๆให้เลือกใช้กัน
สำหรับวิตเจ็ตที่มีให้เลือกใช้บริเวณหน้าจอที่ยังไม่ปลดล็อกจะประกอบไปด้วย นาฬิกา การแจ้งเตือน อีเมล โน้ตย่อ ระบบแสดงข้อมูลที่สำคัญของ Google Now ข้อความ ปุ่มควบคุมเครื่องเล่นเพลง รีโมททีวี ข้อมูลข่าวสารต่างๆจากยาฮูเป็นต้น
ขณะที่เมื่อปลดล็อกหน้าจอเข้ามาก็จะพบกับ TouchWiz UI ที่คุ้นเคยกันดีสำหรับผู้ใช้งานซัมซุง โดยแน่นอนว่าผู้ใช้ยังสามารถเลือกนำไอค่อนลัด วิตเจ็ตต่างๆมาเรียงใส่ในหน้าหลักได้เหมือนเดิม นอกจากนี้ฟีเจอร์อย่าง MuitiScreen ที่เป็นแถบไอค่อนลัดให้เลือกลากแอปฯออกมาใช้้แบบแบ่งหน้าจอก็ยังมีให้ได้ใช้งานกันอยู่ (การเรียกใช้งานแถบไอค่อนลัดให้กดปุ่มย้อนกลับค้างไว้)
ย้อนกลับไปในขั้นตอนการตั้งค่าเครื่องก่อนใช้งาน จะมีสอนการเรียนรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของเครื่อง Galaxy S4 กันไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ส่งข้อมูลผ่านบลูทูธและไวไฟไดเร็คที่ใช้ NFC เป็นตัวเชื่อมอย่าง S Beam ระบบ AirView ที่จะแสดงผลเนื้อหาบนหน้าจอในขณะที่นำนิ้วจ่อๆไว้ที่หน้าจอ
รวมถึงระบบใหม่ๆอย่างการใช้งานโดยไม่สัมผัสตัวเครื่อง (ใช้มือปาดเพื่อเลื่อนรูปภาพ หรือรับโทรศัพท์) ควบคุมด้วยเสียง (สั่งเล่นเพลง เปลี่ยนเพลง) พักหน้าจออัจฉริยะ (ตรวจจับสายตาว่ายังจ้องหน้าจออยู่หรือไม่ ถ้าจ้องอยู่หน้าจอจะไม่ดับ) หยุดเล่นไฟล์ภาพยนต์อัตโนมัติ (ในขณะรับชมภายนตร์เมื่อหันหน้าออกจากหน้าจอจะหยุดเล่น)
โดยในการใช้งานคำสั่งต่างๆหน้านี้ผู้ใช้จำเป็นต้องเปิดการใช้งานเสียก่อน ซึ่งถ้าต้องการเปิด ปิดหรือตั้งค่าใดๆ ก็สามารถใช้การลากนิ้วจากขอบบนหน้าจอเพื่อเรียกหน้าจอการแจ้งเตือนลงมา แล้วกดที่มุมขวาบนเพื่อแสดงแถบควบคุมลัดต่างๆเหล่านี้ได้ทันที
ในขณะที่แอปพลิเคชันที่ให้มาภายในเครื่องยังคงเป็นมาตรฐานทั่วไปของแอนดรอยด์ แต่จะมีในส่วนของแอปฯซัมซุงเพิ่มขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นแอปแชทอย่าง ChatON แหล่งรวมแอป Samsung Apps แหล่งรวมคอนเทนต์ Samsung Hub บริการคลาวด์สำหรับเข้าถึงไฟล์บนเครื่อง Link ระบบสั่งงานด้วยเสียง S Voice
แอปแปลภาษาที่สามารถฟังและออกเสียงได้ S Translator สมุดจดบันทึกที่ใช้นิ้วขีดเขียนแทนได้อย่าง S Memo แอปเพื่อสุขภาพ S Health ฟังก์ชันควบคุมและสั่งงานมัลติมีเดียหลายๆเครื่องอย่าง GroupPlay เมื่อรวมกับแอปสิทธิพิเศษอย่าง Galaxy Gift Galaxy Bookstore Galaxy EatOut และ Galaxy Kids ที่มีเฉพาะในไทย ก็คือว่าให้มาค่อนข้างครอบคลุมการใช้งานในทุกๆกลุ่ม
ที่นี้มาดูรายละเอียดเจาะลึกในแต่ละโปรแกรมไล่กันตั้งแต่ Samsung Link โดยคอนเซปต์ของการใช้งานแล้ว มีขึ้นมาเพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สาย ให้สามารถแชร์ และเล่นคอนเทนต์ข้ามกันได้แบบไร้สาย นั่นรวมถึงการเข้าถึงข้อมูลเครื่องผ่านพีซี โน้ตบุ๊ก และสมาร์ททีวี
ซึ่งในการใช้งานเมื่อลงทะเบียนบัญชีผู้ใช้ในสมาร์ทโฟนเรียบร้อย ก็ให้เข้าไปยังลิงก์ link.samsung.com เพื่อติดตั้งโปรแกรมเสริมในพีซีก่อน หลังจากนั้นล็อกอินเข้าใช้งานก็จะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่แชร์กันระหว่างสมาร์ทโฟนและพีซีได้ทันที นอกจากนี้ก็ยังมีบริการอัปโหลดคอนเทนต์ไปเก็บไว้ยังบริการคลาวด์อย่าง SugarSync Dropbox และ SkyDrive อีกด้วย
Watch On ถือเป็นแอปพลิเคชันที่นำความสามารถของเซ็นเซอร์อินฟาเรตมาใช้งานในการควบคุมอุปกรณ์ให้ความบันเทิงภายในบ้าน ทั้งโทรทัศน์ กล่องดาวเทียม เครื่องเล่นดีวีดี บลูเรย์ ชุดโฮมเธียเตอร์ หรือแม้กระทั่งโปรเจกเตอร์ ซึ่งเมื่อเลือกเข้าไปตั้งค่าก็จะมีแบรนด์ต่างๆให้เลือก หลังจากนั้นก็สามารถนำไปใช้งานได้ทันที
ในส่วนของ AirView ยังคงสามารถใช้งานได้ในแอปพลิเคชันเฉพาะอย่าง Calendar เพื่อดูรายละเอียดของตารางนัดหมายโดยไม่ต้องกดเข้าไปในแต่ละวัน และในอัลบั้มรูปที่ใช้นิ้วจ่อๆเพื่อดูรูปภายในโฟลเดอร์ได้นั่นเอง ส่วน S Memo ก็ยังคงความสามารถเช่นเดียวกับใ Note 2 เพียงแต่เปลี่ยนจากการใช้ S Pen มาเป็นนิ้วมือแทนนั่นเอง
S Health ถือเป็นแอปที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการรักษาสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการออกกำลังกาย หรือ ควบคุมอาหารให้ได้ปริมาณเพียงพอตามความต้องการของร่างกาย โดยเมื่อเปิดใช้งานแอปจะมีให้กรอกวันเดือนปีเกิด น้ำหนัก ส่วนสูง และปริมาณกิจกรรมออกกำลังกาย เพื่อให้แอปนำไปคำนวนค่าที่เหมาะสม
หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่หน้าหลักที่มีเมนูให้เลือกแบ่งเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆคือ การควบคุมแคลลอรี่ ผ่านการเดิน การออกกำลังกาย การวิ่ง และอาหารที่รับประทาน สภาพอากาศรอบตัวทั้งอุณหภูมิ และความชื้นสัมพัทธ์ สุดท้ายคือสมุดบันทึก ที่ให้ผู้ใช้คอยบันทึกน้ำหนักเพื่อดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
เมื่อเข้ามาในหน้าเกี่ยวกับการออกกำลังกาย ก็จะมีปริมาณแคลลอรี่ต้องร่างกายต้องเผาผลานเป็นเป้าหมายในแต่ละวันไว้ ถ้าผู้ใช้งานมีกิจกรรมออกกำลังกายใดๆ ก็สามารถเลือกประเภท ใส่นาทีที่เล่นระบบก็จะคำนวนออกมาให้ทันที หรือจะใช้แอป Running Pro ควบคู่กันไปสำหรับนักวิ่งก็ได้เช่นเดียวกัน
ในส่วนของการควบคุมอาหาร ก็จะมีข้อมูลมาให้กรอกอาหารที่รับประทานในแต่ละวัน ประกอบไปด้วย 3 มื้อหลัก และอื่นๆ โดยเมื่อกดเข้าไปก็จะมีรายชื่ออาหารให้ไว้ค้นหา ก็ให้ทำการเลือกแล้วระบบจะทำการคำนวนให้ทันทีว่ารับประทานเข้าไปทั้งถึงปริมาณที่กำหนดไว้หรือยัง
ซึ่งสำหรับระบบ S Health ก็เปรียบเสมือนแอปพลิเคชันสำหรับผู้ที่ต้องมีวินัยในตนเอง ทั้งในแง่ของการออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร รวมไปถึงการที่ต้องคอยมากรอกข้อมูลเข้าไปไว้ในแอปพลิเคชันเพื่อให้ได้ผลตามที่หวังไว้นั่นเอง
ถัดมาในส่วนของระบบโทรศัพท์ Galaxy S4 มาพร้อมกับระบบเดาหมายเลขโทรศัพท์ และรายชื่อ เมื่อกดไปสัก 2-3 ตัวก็จะมีรายชื่อ (ลูกศรลงพร้อมตัวเลขหลังชื่อ) ให้เลือกกดใช้งานได้ทันที สำหรับหน้าจอขณะสนทนาก็จะประกอบไปด้วย ชื่อ หมายเลข เวลาโทร สัญลักษณ์ตัดเสียงรบกวน พักสาย เพิ่มสาย วางสาย เปิดลำโพง ปิดเสียง หรือเลือกใช้บลูทูธตามปกติ
สำหรับในส่วนของแว็บเบราว์เซอร์ มีทั้งตัวเบราว์เซอร์ปกติ และ Chrome การตอบสนองทำได้รวดเร็วขึ้นอย่างสัมผัสได้ และแน่นอนว่าฟีเจอร์พิเศษอย่างการเลื่อนหน้าจอโดยไม่ต้องสัมผัสก็สามารถใช้งานกับเว็บเบราว์เซอร์
โดยการทำงานของ Air VIew ในหน้าจอเบราว์เซอร์ จะทำงานโดยการที่ใช้กล้องหน้าตรวจสอบระยะขนานของใบหน้าผู้ใช้ เมื่อตรวจสอบแล้วจะขึ้นสัญลักษณ์ดวงตาสีเขียวที่หน้าจอ หลังจากนั้นตัวเครื่องก็จะใช้ระบบ Gesture ที่มีในเครื่องตรวจจับองศาการหงายหรือคว่ำเครื่อง เพื่อเลื่อนหน้าจอ
อีกจุดเด่นหนึ่งที่น่าสนใจใน Galaxy S4 คงหนีไม่พ้นเรื่องของโหมดกล้อง ที่มีมาให้เลือกทั้งถ่ายภาพปกติแบบอัตโนมัติ โหมดหน้าสวย (ปรับให้ภาพเนียน) รูปภาพที่ดีที่สุด (ถ่ายหลายรูปติดต่อกันแล้วเลือกรูปที่ดีที่สุด) เบสท์เฟส (ถ่ายภาพหลายๆภาพแล้วเลือกใบหน้าทีดีที่สุด)
เสียงและช็อต (เป็นการถ่ายภาพนิ่ง หลังจากนั้นจะบันทึกเสียงรอบข้างในขณะนั้น) ดราม่า (การถ่ายภาพต่อเนื่องแล้วนำมาประมวลผลวัตถุที่มีการเคลื่อนไหวออกมาเป็นภาพต่อเนื่อง) รูปภาพเคลื่อนไหว (การบันทึกภาพเคลื่อนไหว ที่สามารถปรับแต่งได้ว่าจะให้จุดไหนหยุดนิ่งหรือเคลื่อนไหวแล้วแปลงภาพออกมาเป็นไฟล์ Gif) HDR (ถ่ายภาพชดเชยแสง)
ยางลบ (การถ่ายภาพบุคคล ต่อเนื่องหลายๆช็อตแล้วระบบจะทำการประมวลผลวัตถุที่เคลื่อนไหวเพื่อลบทิ้ง) พานอราม่า (การถ่ายภาพทิวทัศน์ในมุมกว้าง ใช้การเคลื่อนกล้องในแนวต่างๆ) กีฬา (การถ่ายภาพด้วยชัตเตอร์ความเร็วสูง) และกลางคืน
นอกจากนี้ก็ยังมีในส่วนของ Dual Camera หรือการถ่ายภาพจากกล้องหลัง และกล้องหน้าพร้อมกัน โดยภาพจากกล้องหน้าจะไปแปะอยู่ในรูปคล้ายกับสแตมป์บนซองจดหมาย โดยผู้ใช้สามารถใช้นิ้วย่อ ขยายขนาดช่องสี่เหลี่ยมได้ด้วย
สุดท้ายส่วนของโหมดถ่ายวิดีโอ ตัวกล้องสามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวที่ความละเอียด 1080p แน่นอนว่ายังมีความสามารถของแอนดรอยด์ 4.2 ในการบันทึกภาพนิ่งขณะถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้ด้วยเช่นเดียวกัน
ในส่วนของผลการทดสอบ ผ่านโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพบนแอนดรอยด์อย่าง Quadrant Standart และ Antutu ได้คะแนน 11,766 คะแนน และ 26,725 คะแนน ตามลำดับ หน้าจอรองรับการสัมผัส 10 จุดพร้อมกัน
ทดสอบการใช้งาน HTML 5 ผ่าน Vellamo ได้ 2,003 คะแนน ส่วนประสิทธิภาพตัวเครื่องได้ 1,015 คะแนน ทดสอบกราฟิกผ่าน Nenamark1 และ Nenamark2 59.9 fps An3dBench 7,994 คะแนน และ An3dBenchXL 46,415 คะแนน
ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม Passmark PerformanceTest Mobile ได้คะแนน System 4,279 คะแนน CPU 16,334 คะแนน Disk 23,672 คะแนน Memory 3,163 คะแนน 2D Graphics 2,941 คะแนน และ 3D Graphics 1,429 คะแนน
ส่วนการทดสอบ CF-Bench ดูรายละเอียดได้จากรูปด้านล่าง
โดยถ้ามองคะแนนของการทดสอบเครื่อง ก็ต้องยอมรับว่าในตอนที่เครื่อง Galaxu S4 วางจำหน่าย ถือว่าเป็นเครื่องที่มีสเปกดีที่สุดในท้องตลาดขณะนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นไปตามที่ซัมซุงคาดหวังไว้ว่าตัวเครื่องต้องเป็นผู้นำในท้องตลาดให้ได้นั่นเอง
จุดขาย
- สเปกเครื่องจัดเต็มทั้งซีพียู Octa Core จอ FullHD รับ 3G ดาวน์โหลดสูงสุด 42 Mbps
- ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา งานประกอบดูดีขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
- แบตเตอรี่ที่ให้มา 2,600 mAh ช่วยให้ใช้งานได้เต็มวัน
- พัฒนาเซ็นเซอร์ต่างๆออกมาเป็นฟีเจอร์ได้ตอบสนองการใช้งาน
- อัดลูกเล่นอย่างกล้อง S-Health รีโมทควบคุม มาเพิ่มความน่าใช้งาน
ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่
- ตัวเครื่องร้อนค่อนข้างง่ายจากหน่วยประมวลผล Octa Core
- สัมผัสที่ได้ของวัสดุที่แม้จะเป็นพลาสติกคุณภาพสูง แต่ก็ยังดูบอบบาง
- ด้วยการที่ใส่ฟีเจอร์มาเยอะเกินไปทำให้กินพื้นที่เก็บข้อมูลไปด้วย เครื่อง 16 GB เหลือให้ใช้งานเพียง 8 GB
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป
ต้องยอมรับว่าด้วยการทุ่มทำตลาดสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ส่งผลให้ซัมซุง กลายเป็นแบรนด์ที่หลายคนนึกถึงทันที เมื่อพูดถึงสมาร์ทโฟน และด้วยฟีเจอร์ในเครื่อง Galaxy S4 ที่ให้มา ยิ่งช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีของซัมซุงได้มากขึ้น จากลูกเล่นที่สามารถสื่อไปยังผู้บริโภคได้อย่างหลากหลาย ดังจะเห็นได้จากการทำตลาดในช่วงหลังที่ซัมซุงเน้นการให้ข้อมูลของฟีเจอร์ มากกว่าสเปกเครื่องอย่างเห็นได้ชัด
ด้วยความสามารถโดยรวมของ Galaxy S4 เมื่อเทียบกับราคาเปิดตัวที่ 21,900 บาท ไม่ถือว่าเป็นราคาที่สูงเกินไป เพราะสิ่งที่ให้มาในตัวเครื่องเรียกได้ว่าเป็นการนำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในปัจจุบันมารวมไว้ในตัวเครื่อง ประกอบกับสินค้าในตระกูลแฟลกชิปของซัมซุง จะได้รับการอัปเดตระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์รุ่นใหม่อย่างต่อเนื่องด้วย
ท้ายนี้ถ้าเป็นผู้บริโภคที่ชื่นชอบและติดตามเทคโนโลยี รวมกับมีงบประมาณถึง Galaxy S4 ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากที่สุดในขณะนี้ในแง่ของฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลาย แต่ถ้าต้องการสมาร์ทโฟนที่ดูหรูหราดูท่าแฟลกชิปจากค่ายคู่แข่งยังมีภาษีมากกว่านิดหน่อย
แต่จุดหนึ่งที่ทำให้ผู้ที่ชื่นชอบแบรนด์ซัมซุงต้องลังเลเล็กน้อยจากประสบการณ์เมื่อตอนซัมซุงวางจำหน่าย Galaxy S3 คือ การมาของ Galaxy Note2 ที่ดูแล้วหลังจากนี้ไม่นานก็จะมี Galaxy Note3 ตามหลัง Galaxy S4 ออกมาในขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น พร้อมกับฟีเจอร์ที่เพิ่มเติมไปจาก Galaxy S4 ซึ่งจุดต่างที่ต้องตัดสินใจคงหนีไม่พ้นเรื่องของขนาดหน้าจอระหว่าง 5 นิ้ว และ 6 นิ้วกว่าๆที่จะมาตอบสนองการใช้งานได้ดีที่สุดนั่นเอง
สำหรับข่าวคราวล่าสุดของ Galaxy S4 คงหนีไม่พ้นยอดการจัดส่งไป 10 ล้านเครื่องภายในเวลาไม่ถถึง 1 เดือน ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของซัมซุงในการจำหน่ายโทรศัพท์ในขณะนี้
Company Related Links :
Samsung