ถ้าคิดว่าโน้ตบุ๊กไฮบริดถอดหน้าจอได้เป็นนวัตกรรมใหม่ของโลกโน้ตบุ๊กปี 2013 จงเปลี่ยนความคิดเสียใหม่เมื่อได้อ่านบทความรีวิวนี้กับ VAIO Duo 11 ที่ถือเป็นการเปลี่ยนโฉมไฮบริดโน้ตบุ๊กของปี 2013 กับการออกแบบตัวเครื่องเป็นแบบ Convertible PC สามารถสไลด์หน้าจอเปลี่ยนลักษณะการใช้งานได้พร้อมฟีเจอร์สไตล์โซนี่ที่ยังคงประสิทธิภาพและสร้างความแตกต่างจนทีมงานไซเบอร์บิซต้องขอมาลองสัมผัสและพิสูจน์ให้ผู้อ่านได้ชมในบทความนี้
การออกแบบ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า VAIO Duo 11 โดดเด่นในเรื่องดีไซน์กับการออกแบบที่เรียกว่า Surf Slider (บนแนวคิด Convertible PC) หรืออธิบายอย่างภาษาชาวบ้านก็คือ "VAIO รุ่นนี้สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการใช้งานระหว่างแท็บเล็ตที่สามารถพกพาไปไหนต่อไหนกับใช้งานแบบมีคีย์บอร์ดเมาส์พอยเตอร์คล้ายโน้ตบุ๊กทั่วไปได้เพียงแค่สไลด์ขึ้นและลงเท่านั้น
ในส่วนวัสดุที่ใช้ผลิตเกือบทุกส่วนจะใช้เป็น Gun metallic งานประกอบแข็งแรงสมราคาหลักหมื่น พร้อมน้ำหนัก 1.305 กิโลกรัมและขนาดตัวเครื่อง 319.9 x 17.85 x 199 มิลลิเมตร
มาที่หน้าจอสัมผัสแบบ Capacitive โซนี่เรียกว่า VAIO Display Plus (LED) + OptiContrast Panel ขนาด 11.6 นิ้วความละเอียด FullHD 1,920x1,080 พิกเซล พร้อมกล้องเว็บแคม Exmor R ด้านหน้า 1080p และ Ambient light sensor สำหรับตรวจจับแสงในสภาพแวดล้อมรอบตัวเครื่องและปรับความสว่างของหน้าจออัตโนมัติ
ส่วนด้านล่างสุดของตัวเครื่องจะมียางกันลื่นทั้งสี่มุม แบตเตอรี Lithium-ion บรรจุอยู่ภายในไม่สามารถถอดออกได้ ด้านบนมีกล้องหลัง Exmor R ความละเอียด 1080p และสัญลักษณ์บอกการรองรับ NFC นอกจากนั้น VAIO Duo 11 ยังให้ช่องสำหรับเชื่อมต่อกับแบตเตอรีก้อนที่สองอยู่บริเวณตรงกลางเครื่อง พร้อมปุ่มคำสั่ง ASSIST สำหรับเรียกซอฟต์แวร์ช่วยเหลือเวลาต้องการ Restore ระบบปฏิบัติการหรือตรวจสอบข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างใช้งาน
รวมถึงยังเป็นที่อยู่ของปุ่มคำสั่งเพิ่ม-ลด เสียง, ล็อคการหมุนของหน้าจอ และเป็นที่อยู่ของลำโพงสเตอริโอด้วย
มาที่บริเวณสันเครื่องด้านหน้าจะเป็นที่อยู่ของไฟสถานะต่างๆ ตั้งแต่ซ้ายมือสุด ไปแสดงสถานะปิด-เปิดเครื่อง, ไฟชาร์จแบตเตอรี, ไฟฮาร์ดดิสก์ และไฟ Wireless LAN โดยโซนี่ได้ออกแบบมาให้ไฟแสดงสถานะเหล่านั้นมีสีที่แตกต่างกันเพื่อง่ายต่อการสังเกต
กลับมาที่คีย์บอร์ดกับการออกแบบเน้นความบางของปุ่มเพียง 1.2 มิลลิเมตรกับขนาด key pitch 18 มิลลิเมตร ทำให้การใช้งานค่อนข้างอึดอัดไปนิดสำหรับคนนิ้วใหญ่นิ้วยาว อีกทั้งโซนี่ไม่ได้ให้ Trackpad ขนาดใหญ่มาแบบโน้ตบุ๊กทั่วไป เนื่องจากจะกินพื้นที่และทำให้เครื่องใหญ่และกว้าง แต่โซนี่เลือกใช้ Optical Trackpad เป็นส่วนควบคุมเมาส์พอยเตอร์
โดยวิธีใช้ก็เพียงนำนิ้วชี้ไปสัมผัสและเลื่อนขึ้นลงแบบเดียวกับการใช้ปุ่มแดงบน ThinkPad แต่ของโซนี่จะใช้งานได้ลื่นไหลกว่ามาก ส่วนการคลิกซ้ายสามารถทำได้สองวิธีคือ สัมผัสหนึ่งครั้งเบาๆ บน Optical Trackpad อีกครั้งหรือใช้ปุ่มคลิกซ้าย-ขวาที่อยู่บริเวณด้านล่างของคีย์บอร์ดก็ได้เช่นกัน
นอกจากนั้นเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับตลาดคอมพิวเตอร์พกพาพลังวินโดวส์ 8 โซนี่เลือกที่จะแถมปากกา digitizer (ใช้ถ่าน AAA 1 ก้อนและวัสดุผลิตปากกาเป็น Gun metallic แบบเดียวกับบอดี้เครื่อง) พร้อมหูฟัง in-ear ผนวกเทคโนโลยี Noise Cancelling เจ้าแรกของตลาดโน้ตบุ๊ก ที่ทีมงานไซเบอร์บิซจะมาเจาะลึกพร้อมอธิบายหลักการทำงานให้ชมอีกครั้งในหัวข้อ "ฟีเจอร์เด่น"
ช่องเชื่อมต่อรอบตัวเครื่อง
เริ่มจากด้านขวามือของตัวเครื่องจะเป็น USB 3.0 จำนวน 2 ช่อง - HDMI 1 ช่อง และปุ่มเปิด-ปิดตัวเครื่อง
ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่องจากซ้ายมือสุดจะเป็นช่อง D-Sub สำหรับต่อออกจอมอนิเตอร์หรือโปรเจคเตอร์ - ช่องอ่านการ์ดความจำ SD/SD HC/UHS/Memory Stick Duo และช่องเสียบหูฟัง Headphone/Headset
มาที่ด้านหลังจะเป็นช่องระบายความร้อนเกือบทั้งหมด พร้อมช่อง Ethernet Port 1000BASE-T/100BASE-TX/10BASE-T จำนวน 1 พอร์ต และช่องเชื่อมต่อ Adapter ไฟบ้าน
สเปก
สเปกของ VAIO Duo 11 ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Intel Core i5-3317U ความเร็ว 1.70 GHz (Turbo Boost up to 2.60 GHz) พร้อมแรมขนาด 4GB และกราฟิกออนชิป Intel HD Graphics 4000 บนความละเอียดหน้าจอ Native แบบ 1080p
หน้าจอความละเอียด 1080p ให้ความคมชัดสูงพร้อมพื้นที่ในการทำงานที่กว้างมากขึ้น
สำหรับสเปกอื่นๆ ของ Duo 11 มาพร้อมหน่วยเก็บข้อมูลแบบแฟลชเมมโมรี่ขนาด 128GB ในส่วน Wireless LAN รองรับมาตรฐาน IEEE 802.11a/b/g/n ความเร็วสูงสุด 300Mbps, Bluetooth 4.0, มี GPS จากโซนี่ และภายในตัวเครื่องยังมี Accelerometer, Gyro และเข็มทิศดิจิตอลแบบเดียวกับสมาร์ทโฟน
เวอร์ชันวินโดวส์ 8 ที่ให้มากับ Sony VAIO Duo 11 คือ Single Language
ฟีเจอร์เด่น
VAIO Sound System ฟีเจอร์ที่ทำให้ VAIO Duo 11 โดดเด่นเหนือแบรนด์อื่นๆ ก็คงต้องยกให้ด้านระบบเสียงที่ถือเป็นงานถนัดของโซนี่ โดยใน Duo 11 นอกจากระบบเสียงที่ให้มาจะสามารถใช้งานแบบพื้นฐาน Dolby Home Theater V4 ปกติได้แล้ว โซนี่ยังใส่เทคโนโลยีเสียง xLOUD/Clear Phase มาให้แบบเดียวกับ Walkman ที่ช่วยปรับโทนเสียงให้ชัดเจนขึ้น พร้อมด้วยฟังก์ชัน Digital Noise Cancelling ที่ต้องใช้งานร่วมกับหูฟังที่ให้มากับ VAIO Duo 11
โดยระบบ Digital Noise Cancelling จะช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง โดยใช้วิธีปล่อยคลื่นความถี่ที่หูเราไม่สามารถได้ยินออกมาสร้างเป็นสนามเสียงป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก ทำให้การฟังเพลงผ่านหูฟังจาก VAIO Duo 11 ทำได้ชัดเจนโดยเฉพาะเสียงเบสที่ได้ยินชัดมากถึงแม้จะนั่งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังก็ตาม
VAIO Care ซอฟต์แวร์ตัวนี้จะทำงานควบคู่กับปุ่ม ASSIST ด้านล่างของตัวเครื่อง โดย VAIO Care จะเป็นเหมือนร้านคุณหมอที่คอยช่วยเหลือเวลาระบบมีปัญหา ทั้งช่วยแจ้งไปยัง Support Center ของโซนี่ไปถึงช่วยอัปเดตเฟริมแวร์ระบบต่างๆ
DLNA และ Remote Keyboard สำหรับผู้ใช้สมาร์ททีวีและสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ DLNA จะช่วยให้การส่งไฟล์เพลง วิดีโอ รูปภาพ ทำได้ง่านผ่านระบบ WiFi ส่วน Remote Keyboard จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานคีย์บอร์ดของ VAIO Duo 11 ในการพิมพ์ข้อความและควบคุมอุปกรณ์ของโซนี่ เช่น เครื่องเล่่นเกมคอนโซล PlayStation 3 หรือทีวีของโซนี่ได้
vMUSIC แอปพลิเคชันสำหรับวินโดวส์ 8 ที่เปิดโอกาสให้เฉพาะผู้ใช้ VAIO Duo 11 (เวอร์ชันขายในประเทศไทย) สามารถเข้าไปฟังเพลงแบบสตรีมมิ่งเต็มอัลบั้มกับศิลปินที่ชื่นชอบได้ฟรีๆ
PlayMemories Home และ VAIO Movie Creator ซอฟต์แวร์สำหรับใช้รับชมภาพจากกล้องดิจิตอล ที่มีจุดเด่นอยู่ที่สามารถตกแต่งภาพแบบเบื้องต้นได้ รวมไปถึงจัดอัลบั้มภาพตามวัน เดือน ปี ได้ด้วย
ส่วน VAIO Movie Creator เป็นซอฟต์แวร์สำหรับใช้ตัดต่อวิดีโอ สามารถใส่ข้อความและไตเติ้ลแบบสำเร็จรูปได้
สุดท้ายกับฟังก์ชันตั้งค่าระบบที่น่าสนใจ เช่น USB ที่ผู้ใช้สามารถเปิดให้พอร์ตสามารถชาร์จไฟให้กับสมาร์ทโฟนในขณะที่เครื่องเข้าสู่โหมดสลีบหรือไฮเบอร์เนต หรือแม้แต่ออปชันช่วยยืดอายุแบตเตอรี Life Cycle ก็สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการเช่นกัน
**สำหรับ Sony VAIO Duo 11 รุ่นที่วางจำหน่ายจริง จะมาพร้อมซอฟต์แวร์ VAIO Message Center, VAIO Control Center, VAIO Gesture Control, Xperia Link, Active Clip และ Adobe Photoshop Elements 10**
ทดสอบประสิทธิภาพ
3DMark 05 คะแนนทดสอบที่ได้คือ 8,198 คะแนนบนความละเอียดหน้าจอ 1,366x768 + Shader Model 3
3DMark 06 คะแนนทดสอบที่ได้คือ 5,502 คะแนนโดยแบ่งเป็นคะแนน Shader Model 2 = 1,800 คะแนน, HDR/Shader Model 3 = 2,400 คะแนน ส่วนคะแนนประมวลผลซีพียูจะอยู่ที่ 3,022 คะแนน ที่ความละเอียด 1,366x768 พิกเซล
Cinebench R11.5 ในส่วนของการทดสอบด้วยการให้ซีพียูวาดภาพ 3 มิติผลคะแนนที่ได้คือ ในการใช้ซีพียูวาดคะแนนจะอยู่ที่ 2.38pts ส่วน OpenGL มีคะแนนอยู่ที่ 16.06 fps
HD Tach 3.0 มาที่การทดสอบฮาร์ดไดร์ฟหลักจะมีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 269.6 MB/s ที่ Random access 0.2ms
มาที่การทดสอบรับชมภาพยนตร์จาก Blu-Ray 1080p (MKV) ขนาดไฟล์ประมาณ 42GB พบว่าสามารถรับชมได้อย่างลื่นไหล และระหว่างรับชมภาพยนตร์ความละเอียดสูงนั้นสามารถใช้งานแอปพลิเคชันอื่นๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่มีอาการหน่วงหรือภาพกระตุกให้เห็นตลอดการทดสอบ
ในส่วนกล้องถ่ายภาพด้านหลังถือเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดสำหรับ VAIO Duo 11 เพราะนอกจากโซนี่จะให้ความละเอียดภาพทั้งกล้องหน้าและหลังเท่ากันที่ 1080p แล้ว ในเรื่องความคมชัดของภาพถือว่ายังทำออกมาได้ไม่ดีแม้จะใช้งานแค่แก้ขัดก็อาจต้องคิดหนักเลยทีเดียว
มาถึงการทดสอบปากกา digitizer ถือว่าการตอบสนองค่อนข้างไว ความแม่นยำอยู่ในระดับกลางๆ และอาจมีติดอาการลากเส้นหน่วงๆ บ้างในบางครั้ง ซึ่งตรงจุดนี้น่าจะเกิดจากเฟริมแวร์หรือไม่ก็ตัววินโดวส์ 8 เอง เพราะเพียงแค่รีสตาร์ทเครื่องก็สามารถแก้ปัญหาอาการหน่วงของปากกาได้แล้ว
สำหรับการทดสอบเล่นเกม เนื่องจาก VAIO Duo 11 มาพร้อมซีพียู Core i5 + Intel HD Graphics 4000 ทำให้สามารถเล่นเกมออฟไลน์ 3 มิติได้ถ้าตั้งค่ากราฟิกไม่สูงมาก อย่างเช่นเกม Resident Evil 5 จากการทดสอบบน DirectX 10 ที่ความละเอียด 1080p เฟรมเรตอยู่ที่ประมาณ 18-23 เฟรมต่อวินาที และถ้าลดความละเอียดลงมา 720p ก็สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลที่ค่ากราฟิกกลางๆ
ในส่วนเกมจาก Windows Store ส่วนนี้ถือว่าไม่มีปัญหา เล่นได้สบายหายห่วง
สุดท้ายกับการทดสอบแบตเตอรีส่วนนี้ต้องยอมรับว่าด้วยแบตเตอรีขนาดเล็ก (โซนี่เครมว่าใช้งานได้ต่อเนื่องประมาณ 4-5 ชั่วโมง) ซึ่งจากการทดสอบจริงด้วยการเล่นเว็บไซต์ ฟังเพลง รับชมภาพยนตร์ แบตเตอรีมีอายุอยู่ได้แค่ประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น ซึ่งตรงจุดนี้ปัญหาน่าจะเกิดจากซีพียูที่ยังบริโภคพลังงานค่อนข้างสูงเพราะเป็น Core i Series (ไม่ใช่ ATOM เหมือนที่ทีมงานเคยทดสอบ)
แน่นอนว่าสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ Sony VAIO Duo 11 สำหรับการพกพาติดตัวไปทำงานต่างประเทศหรือต่างจังหวัดจำเป็นต้องหาแบตเตอรีก้อนที่ 2 เพื่อยืดอายุให้ VAIO ตัวนี้ใช้งานได้แตะ 10 ชั่วโมง
ตอบจุดขาย/ข้อสังเกต/สรุป
เชื่ออย่างหนึ่งว่าทุกครั้งที่โซนี่คลอดสินค้าใหม่ในไลน์ VAIO จะต้องมีเรื่องน่าตื่นเต้นด้านดีไซน์มาโดยตลอด และ Sony VAIO Duo 11 ก็ทำให้เกิดปรากฏการณ์เหล่านั้นอีกครั้ง พร้อมราคาสูงลิ่วถึง 4 หมื่นกว่าบาท
แต่อย่าเพิ่งเมินหน้าหนีครับ เพราะสิ่งได้จากราคาที่แพงลิ่วขนาดนี้มีทั้งฟีเจอร์ ฟังก์ชัน และวัสดุที่ใช้ผลิตที่ดูดีสมราคา (เป็น Gun metallic ทุกชิ้นยกเว้นหูฟัง) ด้วยคอนเซป sleek, light and full featured Ultrabook ตามที่ทีมงานได้อธิบายไปแล้วข้างต้น
อีกทั้งตัวโน้ตบุ๊กยังมีทีเด็ดในเรื่องปากกาที่ถึงแม้จะจะยังไม่แม่นยำมากนัก แต่กับการใช้งานจริงก็สามารถใช้สร้างผลงานเขียนต่างๆ ทั้งศิลปะและเขียนนัดหมายงาน แก้ไขเอกสารต่างๆ ได้อย่างง่ายๆ หรือผู้อ่านเป็นคนชอบฟังเพลง VAIO Duo 11 ก็ตอบสนองได้ดีด้วยระบบเสียงที่เชื่อว่าไม่มีใครทำได้ในปัจจุบันนี้ (วัดเฉพาะวงการโน้ตบุ๊ก)
แต่ก็อย่างว่ามีข้อดีก็ต้องมีข้อเกตสะกิดใจ และยิ่งสำหรับคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเก็บความประจับใจด้วยแท็บเล็ต จะต้องผิดหวังกับกล้องของ VAIO Duo 11 ตั้งแต่ขนาดภาพแค่ 1080p ไปถึงคุณภาพของกล้องที่ไม่ได้ดีสมราคาคุยจาก Exmor R แต่อย่างใด
อีกทั้งในเรื่องของแบตเตอรีกับโน้ตบุ๊กราคา 4 หมื่นบาทแต่แบตเตอรีใช้ได้ไม่เกิน 5 ชั่วโมง มองอีกมุมก็เหมือนจะใช้งานพกพาไปไหนต่อไหนค่อนข้างลำบาก เพราะแบตฯ อยู่ได้ไม่นาน จะคอยตามหาที่ชาร์จไฟตามสถานที่ต่างๆ ก็คงลำบากอยู่พอสมควร
เพราะฉะนั้นเฉลี่ยทั้งข้อดีและข้อสังเกตแล้ว Sony VAIO Duo 11 คงเหมาะแก่คนที่ชื่นชอบโน้ตบุ๊กดีไซน์โซนี่ที่มีงานประกอบยอดเยี่ยม แข็งแรงเป็นอันดับต้นๆ เป็นทุนเดิม รวมไปถึงพวกฟีเจอร์ระบบเสียงและการใช้งานปากกาที่หลากหลาย ความโดดเด่นเหล่านี้ถ้าผู้อ่านเป็นคนที่ชอบทำงานศิลปะไปถึงพวกทำงานบันเทิง เงินหนาๆ ก็อาจหลงรักเจ้า VAIO Duo 11 กับการออกแบบและฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใครได้ง่ายๆ ซึ่งก็ไม่ถือว่าผิด เพราะเจ้า VAIO Duo 11 ให้สิ่งเหล่านั้นได้จริงๆ
แต่ถ้าผู้อ่านเป็นผู้ใช้ที่ชื่นชอบความคุ้มค่า ไม่สนเรื่องดีไซน์ เงิน 4 หมื่นบาทสามารถหาโน้ตบุ๊กสเปกเหนือกว่า Sony VAIO Duo 11 ได้หลายรุ่นหลายแบรนด์เลยทีเดียว
Company Related Link :
Sony