ก่อนหน้านี้ทีมงานไซเบอร์บิซ ได้รายงานข่าวว่า ทวิตเตอร์มีแผนที่จะเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เกี่ยวกับการตกแต่งรูปภาพ โดยจะมีให้ใช้งานเฉพาะทวิตเตอร์สำหรับไอโอเอส และแอนดรอยด์ (Twitter for iOS, for Android)
แน่นอนว่า การเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่เอี่ยมอ่องนี้ ย่อมเหมือนการส่งสัญญาณกลายๆ ว่าทวิตเตอร์ มีความพร้อมที่จะก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับอินสตาแกรม (Instgram) ที่เป็นผู้นำด้านการตกแต่ง และแชร์รูปภาพชื่อดัง รวมถึงเฟสบุ๊กที่มีให้ใช้งานในแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ และไอโอเอส
โดยการเข้าใช้งานฟิลเตอร์ของทวิตเตอร์นั้น จะต้องใช้งานผ่านแอปพลิเคขัน Twitter for Android หรือ Twitter for iOS เท่านั้น (จากนี้จะเรียกย่อๆ ว่าทวิตเตอร์) ซึ่งการจะเรียกใช้ฟิลเตอร์ สามารถเลือกภาพที่มีอยู่ใน Gallery ได้เลย หรือเลือกที่จะถ่ายภาพใหม่ แล้วใช้ฟิลเตอร์ช่วยตกแต่งภายหลังก็ย่อมได้
เมื่อเข้าสู่หน้าฟิลเตอร์ จะเห็นว่า จะมีเมนูอยู่ 3 เมนู ประกอบไปด้วย Auto-Enhance, Filter และ Crop
ซึ่งเมนู Auto-Enhance นั้น จะช่วยในการปรับสี และแสง อย่างอัตโตมัติ เมนูถัดมาเป็นเมนูของฟิลเตอร์ โดยจะมีฟิลเตอร์ให้เลือกใช้สอยอยู่ 8 ตัว ประกอบไปด้วย Vignette, B&W, Warm, Cool, Vintage, Cinematic, Happy และ Gritty
ในส่วนของฟิลเตอร์นี้ มองว่า ค่อนข้างดูดีกว่าอินสตาแกรม ตรงที่ว่า ผู้ใช้สามารถเลือกที่จะดูภาพพรีวิวฟิลเตอร์ผ่านการปาดนิ้วจากขวาไปซ้ายได้เลย หรือจะเลือกดูพรีวิวภาพทั้ง 8 ภายในหน้าเดียวเลยก็ได้
และเมนูสุดท้าย นั่นคือ เมนู Crop โดยการครอปภาพนั้น จะมีรูปแบบการครอปอยู่ 2 แบบ นั่นคือ การครอปภาพแบบแนวนอน (Landscape) และแนวตั้ง (Portrait) พร้อมกันนี้ผู้ใช้สามารถที่จะซูมเข้า-ซูมออก เพื่อเลือกจุดครอปภาพได้ตามใจที่ต้องการ ทำให้การครอปภาพค่อนข้างมีอิสระพอสมควรเลยทีเดียว
แน่นอนว่าการที่ทวิตเตอร์ ใส่ความสามารถในการตกแต่งภาพด้วยฟิลเตอร์ ทำให้แอปพลิเคชันทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการในสมาร์ทโฟน มีความน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงแล้ว แอปฯทวิตเตอร์ที่ถูกพัฒนาโดยทางทีมงานทวิตเตอร์เอง แทบไม่มีจุดเด่นใดๆ ให้ดึงดูดการใช้งานเลย เมื่อเทียบกับแอปพลิเคชันทวิตเตอร์ตัวอื่นๆ ที่มาจากนักพัฒนาอิสระ (3rd Party Apps) อย่าง Tweetbot, Echofon จากฝั่งไอโอเอส และ Falcon Pro, Tweedle และ Twicca จากแพลตฟอร์มแอนดรอยด์
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ทวิตเตอร์เป็น 'หน้าใหม่' ในวงการตกแต่งภาพ โดยภาพรวมคงต้องบอกว่า ทวิตเตอร์ยังคงเป็นรอง อินสตาแกรมอยู่พอสมควร
สิ่งที่เห็นได้ชัด ประการแรก นั่นคือ ฟิลเตอร์มีให้เลือกค่อนข้างน้อย ฟีเจอร์สำหรับการทำภาพเบลอเฉพาะส่วนที่อินสตาแกรมมีให้ใช้งานมานานแล้ว การตกแต่งรูปภาพด้วยเฟรม รวมไปถึงการหมุนภาพ (Rotate) เหล่านี้บนแอปฯทวิตเตอร์ ยังไม่ปรากฏ ซึ่งในอนาคตหลังการอัปเกรดอาจมีฟีเจอร์ดังกล่าวนี้ แทรกเข้ามาก็เป็นได้ แต่ในเมื่อเวลาน้ียังไม่มี จึงถือว่ายังคงเป็นรองอินสตาแกรมอยู่
Instagram สามารถแชร์ภาพไปเครือข่ายสังคมอื่นได้หลากหลาย
นอกจากนี้แล้ว ทวิตเตอร์ จะเสียเปรียบอินสตาแกรม ในแง่ของการแชร์เข้าสู่เครือข่ายสังคม แบรนด์อื่น อย่างเฟซบุ๊ก (Facebook) โฟร์สแควร์ (Foursquare) ฟลิกเกอร์ (Flickr) และทัมเบลอร์ (Tumblr) เนื่องจากว่าโฟโต้ ฟิลเตอร์ (Photo Filter) ของทวิตเตอร์ ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อใช้งานกับผู้ใช้แอปพลิเคชันทวิตเตอร์ (อย่างเป็นทางการ) เพียงรายเดียวเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากอินสตาแกรมที่มีความยืดหยุ่นกว่า และเปิดกว้างที่จะกระจายตัวไปยังเครือข่ายสังคมแบรนด์อื่นสบายๆ
มาที่อินสตาแกรมที่ปล่อยอัปเดตใหม่เป็นเวอร์ชัน 3.2 ในวันเดียวกับทวิตเตอร์ใหม่ปล่อยให้ดาวน์โหลด ก็ถือว่ามีการปรับเปลี่ยนที่สำคัญหลายประการ โดยเฉพาะหน้าตากล้องถ่ายภาพใหม่ที่ยังคงคอนเซปอัตราส่วนภาพ 1:1 รวมถึงได้เพิ่มปุ่ม grid views หรือเส้นช่วยจัดองค์ประกอบภาพและครอปภาพเข้ามา
ในส่วน Gallery สำหรับใช้เลือกภาพที่ต้องการมาใส่ใน Instagram ก็มีการปรับหน้าตาใหม่เช่นกันเป็นการโชว์รูปแบบภาพรวมแบบอัตราส่วน 1:1 และไม่มีการแบ่งเป็นอัลบั้มเหมือนเวอร์ชันก่อน
ในส่วนต่อไปที่มีการปรับเปลี่ยนใหม่ก็คือหน้าแจ้งเตือน (News) ที่ปรับเปลี่ยนให้มีความสมส่วนมากขึ้น
และเมื่อในหน้า Location (เมื่อผู้้ใช้กดดูสถานที่ถ่ายภาพ) จะมีไอคอนเชื่อมต่อกับ Foursquare ซึ่งเมื่อกดลงไป แอปฯ จะเปลี่ยนไปเข้าแอปฯ Foursqaure ทันที
สำหรับเอฟเฟ็กต์ที่เพิ่มเข้ามาใน Instagram 3.2 ก็คือ Willow Effect และมีการปรับปรุง Tilt-Shift ใหม่
โดย Willow Effect จะจำลองอารมณ์ภาพแบบฟิล์มขาว-ดำเก่าเก็บที่ถ่ายด้วยกล้องฟิล์มโบราณใส่ฟิลเตอร์สีม่วง ซึ่งช่วยให้อารมณ์ภาพออกไปในแนวไลฟ์หรือสตรีท
ส่วน Tilt-Shift แบบใหม่จะเป็นการปรับปรุงเอฟเฟ็กต์ให้เหมือนใช้เลนส์ Tilt-Shift มากขึ้น โดยจากการทดสอบพบว่าเอฟเฟ็กต์ใหม่นี้จะไล่ระดับการเบลอภาพบนล่างที่ละเอียดขึ้นและดูไม่หลอกตาเหมือน Tilt-Shift เวอร์ชันก่อน
มาถึงการปรับเปลี่ยนลำดับสุดท้ายก็คือ เรื่องอัลบั้มภาพสำหรับ iOS camera roll ที่จะมีการแยกอัลบั้มเก็บภาพ Instagram ไว้ให้เป็นหมวดหมู่แบบอัตโนมัติ
ก็ถือเป็นการปรับเปลี่ยนที่แทบจะเรียกได้ว่า Major Change อีกครั้งของ Instagram หลังจากที่เคยปรับหน้าตาแบบยกแผงมาแล้ว โดยในครั้งนี้การปรับเปลี่ยนจะเน้นไปที่ iOS เป็นหลักเพราะจะเห็นว่าความลื่นไหล หน้าตาและความเร็วเมื่อแสดงผลบนไอโฟน 5 จะสวยงามและน่าใช้กว่าดีไวซ์อื่นๆ
ส่วนเอฟเฟ็กต์ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ยอมรับว่าอินสตาแกรมทำการบ้านมาดีจากเอฟเฟ็กต์เดิมๆ ที่ให้อารมณ์เป็นดิจิตอลมากๅ สู่ Willow Effect ที่เป็นสไตล์ Analog และมีแค่เอฟเฟ็กต์เดียวในตอนนี้ที่ให้อารมณ์แบบฟิล์มแท้ๆ มีสไตล์ดี ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีและสนับสนุนที่อินสตาแกรมจะค้นหาแนวทางใหม่ในการพัฒนาเอฟเฟ็กต์ครั้งต่อๆ ไป เพราะตอนนี้แอปฯ ถ่ายภาพและตกแต่งภาพในลักษณะอินสตาแกรมมีออกมาเยอะมาก การที่อินสตาแกรมจะฉีกตัวเองออกมาจากแนวทางเดิมเพื่อหาจุดต่างเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างยิ่ง
แต่โดยส่วนตัวแล้ว ณ ตอนนี้ (บทสรุปนี้ขอตัดเรื่องจุดประสงค์หลักของแอปฯ ออกและขอวัดเฉพาะเรื่องการถ่ายภาพล้วนๆ) หลังการใช้งานค่อนข้างชอบส่วนของการถ่ายภาพจากทวิตเตอร์มากกว่าฝั่งอินสตาแกรมในแง่ของความละเอียดภาพที่ได้ดีกว่ารวมถึงอัตราส่วนที่ไม่จำเป็นต้องครอปตามคอนเซปของอินสตาแกรมแบบ 1:1 ทำให้องค์ประกอบภาพอยู่ครบถ้วน ไม่เกิดอาการรักพี่เสียดายน้องแบบที่หลายคนพบเจอในอินสตาแกรม แต่ถ้าเป็นเรื่องของความสมจริงของเอฟเฟ็กต์ภาพรวมถึงความหลากหลายอย่างไรอินสตาแกรมกินขาดอยู่ดี
CyberBiz Social