หลังจากโซนี่ประสบความสำเร็จกับกล้องไร้กระจกสะท้อนภาพ (Mirrorless) ในตระกูล NEX ไปหลายรุ่นก่อนหน้า ล่าสุดทางโซนี่ก็ถึงเวลาปรับเปลี่ยน (Major Change) อีกครั้ง โดยในคราวนี้นอกจากปรับสเปกให้ดีขึ้นแล้ว ด้านการออกแบบก็มีการปรับเปลี่ยนด้วยเช่นกัน
การออกแบบและสเปก
สำหรับการออกแบบ Sony NEX-F3 จะมีการปรับเปลี่ยนด้านดีไซน์ใหม่จากตัว NEX-C3 โดยกริปจะถูกออกแบบให้จับกระชับมือมากขึ้น และน้ำหนักมีการปรับเป็น 255 กรัม พร้อมแฟลช Pop-up ในตัว (ฺBuilt-in Flash) และในส่วนเมาท์ยังใช้ E-mount เช่นเดิมพร้อมรองรับ Adapter LA-EA2 สำหรับนำเลนส์ A-mount กล้อง DSLR ตระกูล Alpha มาใ่ช้งานร่วมกันได้ตามลิงค์นี้ > http://store.sony.com/webapp/wcs/stores/servlet/ProductDisplay?catalogId=10551&storeId=10151&langId=-1&partNumber=LAEA2
ในส่วนเซ็นเซอร์จะเป็น APS-C (23.5x15.6มม.) Exmor APS HD CMOS ซึ่งมีขนาดเทียบเท่า DSLR APS-C มาพร้อมความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล มีระบบกำจัดฝุ่นละอองด้วยการฉาบสารป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ที่ผิวของฟิลเตอร์และใช้ระบบสั่นด้วยคลื่นเสียง ultrasonic
ส่วนด้านล่างของตัวกล้องจะเห็นว่าแบตเตอรียังคงใช้รุ่น NP-FW50 เหมือน NEX ทุกรุ่น (ถ่ายภาพได้ประมาณ 470 ภาพต่อการชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งตามสเปกที่โซนี่ให้มา) แต่ในรุ่นนี้จะแยกช่องการ์ดความจำออกมาอยู่ด้านข้างช่องใส่แบตเตอรี โดยรองรับการ์ด Memory Stick PRO Duo / Memory Stick PRO-HG Duo / SD memory card / SDHC memory card และ SDXC memory card
ด้านจอภาพจะเป็นแบบไวด์สกรีน TFT Xtra Fine LCD ขนาด 3 นิ้ว พร้อมความละเอียด 921K และสามารถปรับเปลี่ยนองศาการมองภาพได้ 180 องศา รองรับการถ่ายภาพตัวเอง
มาที่ด้านหลังของกล้อง นอกจากจอภาพที่สามารถปรับองศาการมองได้แล้ว ด้านข้างของจอจะเป็นปุ่มคำสั่ง (Soft Key) ที่สามารถปรับแต่งได้ รวมถึงวงล้อสำหรับหมุนเลือกคำสั่งในเมนูกล้อง ส่วนด้านบนจะประกอบด้วยปุ่มเปิด-ปิด ไฟแฟลช - ปุ่มพรีวิวภาพที่ถ่าย - ปุ่มบันทึกภาพเคลื่อนไหว (ปุ่มวงกลมที่มีสีแดงตรงกลาง) ที่สามารถกดใช้งานได้ทันทีไม่ว่าจะอยู่ในโหมดถ่ายภาพใดก็ตาม และสุดท้ายเหนือปุ่มบันทึกวิดีโอจะเป็นสวิตซ์ปิด-เปิดกล้องและชัตเตอร์ถ่ายภาพที่มีการปรับตำแหน่งใหม่จาก NEX-C3
ส่วนช่องเชื่อมต่อจะมีพอร์ต USB 2.0 และ miniHDMI โดบในส่วนของ USB 2.0 นอกจากใช้รับ-ส่งข้อมูลปกติได้แล้ว ในรุ่น NEX-F3 ยังสามารถใช้เชื่อมต่อกับ Power Backup หรือโน้ตบุ๊ก สำหรับใช้ชาร์จไฟเข้าตัวเครื่องได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่ต้องพึ่งไฟบ้าน
สำหรับสเปกในเรื่องระบบบันทึกภาพของกล้อง NEX-F3 จะบันทึกภาพได้่ทั้งรูปแบบ JPEG, RAW และบันทึกภาพ 3 มิติ 3D MPO ได้ โดยขนาดภาพสูงสุดจะอยู่ที่ 4,912x3,264 พิกเซล ต่ำสุดที่ 2,448x1,624 พิกเซล (4 ล้านพิกเซล) พร้อมรองรับการถ่ายภาพ HDR และ D-Range Optimizer (Auto, Level) สามารถปรับ White Balance แบบ Manual ได้ และรองรับ Color Space sRGB และ Adobe RGB พร้อมเอฟเฟคภาพ ให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งภาพถ่ายได้ตามต้องการ
สำหรับชัตเตอร์สปีดใน Sony NEX-F3 จะสามารถเลือกปรับแต่งแบบ Full Manual ได้ โดยจะเริ่มตั้งแต่ชัตเตอร์ B (Bulb) ต่ำสุด 30 วินาที ถึง 1/4,000 วินาที
ในส่วนการบันทึกภาพเคลื่อนไหวจะเป็นไฟล์ AVCHD (Blu-Ray Format) หรือ MP4 ที่ความละเอียด FullHD 1080 (50p28Mbps/50i24Mbps/50i17Mbps - 25p/24Mbps/25p/17Mbps) ส่วนไฟล์ MP4 จะมีความละเอียด 1,440x1,080 (25fps/12Mbps) และ VGA 640x480 (25fps/3Mbps) โดยการบีบอัดไฟล์จะเป็นแบบ MPEG-4 AVC (H.264) / Dolby Digital (AVCHD) และ MPEG-4 AAC-LC (MP4)
สุดท้ายสำหรับระบบโฟกัสและระบบวัดแสง ส่วนของระบบโฟกัสหลักๆ จะเป็น Contrast-detection AF สามารถเลือกโหมดโฟกัสแบบ Full Auto Focus ได้ทั้งโหมดถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ โดยเขตโฟกัสของ NEX-F3 จะอยู่ที่ 25 จุด (สามารถเลือกโฟกัสเป็นแบบ Flexible spot ได้) พร้อมฟีเจอร์พิเศษอย่าง Object Tracking (โฟกัสติดตามวัตถุ) และระบบโฟกัสตรวจจับใบหน้าได้ทั้งวิดีโอและภาพนิ่ง
ส่วนระบบวัดแสงใน NEX-F3 จะมีค่าความไวแสง (ISO) เริ่มต้นตั้งแต่ 200-3,200 และสามารถบู๊ต ISO เพิ่มได้ถึง 16,000 มาพร้อมโหมดถ่ายภาพ Programmed AE (iAUTO, P), Aperture priority (A), Shutter-speed priority (S), Manual (M), Sweep Panorama, 3D Sweep Panorama, Anti Motion Blur, Scene Selection แบบเดียวกับรุ่นก่อนหน้า พร้อมโหมดถ่ายภาพอัตโนมัติใหม่ Superior Auto ที่กล้องสามารถปรับเรื่อง HDR และลักษณะภาพถ่ายได้ละเอียดขึ้น
ในส่วนของฟีเจอร์เด่นและสเปกอื่นๆ รวมถึงหน้า UI ของกล้องสามารถรับชมได้จากคลิปวิดีโอด้านล่าง...
คลิปวิดีโอเจาะลึกฟีเจอร์เด่น Sony NEX-F3 แบบละเอียด
สรุปฟีเจอร์ที่เพิ่มใหม่ใน Sony NEX-F3 จากรุ่น NEX-C3
- Auto Portrait Framing
- ISO 200-3,200
- Full HD 1080p AVCHD จากรุ่น NEX-C3 ถ่ายได้แค่ 720p
- Clear Image Zoom บนเทคโนโลยี By Pixel Super Resolution ต่อยอด Digital Zoom ให้ทำงานได้ประสิทธิภาพสูงขึ้น
- Face Detection และ Object Tracking
- 16.1 MP
- LCD ปรับองศาได้ 180 องศารองรับการถ่ายภาพตัวเอง
- ถ่ายภาพต่อเนื่อง 5.5 ภาพต่อวินาที
- Built-in Flash ทำให้เหลือช่อง Smart Accessory Terminal สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมต่างๆ
ทดสอบประสิทธิภาพ
มาที่การทดสอบแรก High ISO Test เนื่องจาก Sony NEX-F3 มีการขยายขอบเขตของค่าความไวแสงจาก 1,600 ไปเป็น 3,200 และทางโซนี่ก็ชูจุดเด่นของ NEX-F3 ว่าขจัดสัญญาณรบกวนได้ดีขึ้น ทำให้ทีมงานขอเลือกทดสอบวัดสัญญาณรบกวน (Noise) ที่เกิดขึ้นในค่าความไวแสงต่างๆ โดยเริ่มจาก ISO 1,600 จะเห็นว่า Noise น้อย รายละเอียดของภาพยังอยู่ครบ ส่วนเมื่อเพิ่มมาที่ ISO 3,200 จะเริ่มพบ Noise บ้างแต่รายละเอียดของภาพยังอยู่ให้เกณฑ์พอใช้ถ้าไม่ซูม 100% จะไม่เห็นความแตกต่างมากนัก
ขยับมาใช้โหมดถ่ายภาพ Handheld Twilight ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถ่ายภาพในที่แสงน้อยโดยไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้อง ยกตัวอย่างภาพนี้ถ่ายในโหมดดังกล่าวที่ค่า ISO 3,200 จะเห็นว่า Noise ค่อนข้างมากและรายละเอียดภาพเสียไปพอสมควร เนื่องจากบริเวณที่ทีมงานถ่ายแสงน้อยมาก แต่ก็ยังถือว่าทำได้ดี และเมื่อนำไปอัดภาพประมาณ 4x6 หรือ 8x10 ภาพที่ได้ไม่เห็น Noise มากนัก แตกต่างจากการดูผ่านจอคอมพิวเตอร์ที่ซูม 100%
ส่วนถ้าเป็นสภาพแสงตอนบ่ายปกติ ISO ใน NEX-F3 จะกดต่ำสุดได้เพียง ISO 200 ทำให้ภาพที่ได้อาจไม่เรียบเนียนเหมือน NEX-5N ที่กด ISO ได้ต่ำสุด 100 แต่ก็ด้วยการที่เป็นกล้องยุคใหม่กว่า 5N ทำให้ ISO 200 ของ NEX-F3 กับสภาพแสงปกติแสดงผลออกมาได้อย่างน่าพอใจ แต่ในส่วนมืดอาจยังมี Noise ให้เห็นบ้างเล็กน้อย
มาทดสอบฟีเจอร์ใหม่ถอดด้ามอย่าง Auto Portrait Framing พบว่าเป็นโหมดที่ทำหน้าที่ครอปภาพบุคคลพร้อมจัดองค์ประกอบให้เหมาะสมได้ดีอีกหนึ่งฟีเจอร์ ตามภาพประกอบด้านบนจะเห็นว่าภาพซ้ายคือระยะจริงที่ทีมงานถ่าย ส่วนขวาคือระบบ Auto Portrait Framing ครอปภาพออกมาให้
แต่ทั้งนี้ระบบดังกล่าวอาจทำงานได้ไม่ดีกับภาพบุคคลแบบหมู่คณะ โดยเฉพาะถ้ากลุ่มเพื่อนที่ถ่ายภาพมีบางคนหันข้างให้กล้อง ระบบดังกล่าวจะเห็นระยะครอปหมดแค่นั้น (เพราะกล้องไม่สามารถจับหน้าคนได้จึงมองเป็นวัตถุ) และตัดภาพทิ้งทันที (โชคดีที่ระบบ Auto Portrait Framing จะเก็บภาพต้นฉบับที่ไม่ได้ผ่านการครอปไว้ให้ด้วย)
มาดูอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาอย่าง Clear Image Zoom บนเทคโนโลยี By Pixel Super Resolution ที่เป็นเหมือนการพัฒนาระบบ Digital Zoom สำหรับใช้ขยายช่วงเลนส์คิท 18-55 มม. ให้ซูมได้ใกล้ขึ้น โดยจาการทดสอบพบว่าโซนี่พัฒนาระบบนี้มาได้ดีพอสมควรตามภาพประกอบด้านบน จะเห็นว่าที่ระยะ 55 มม. ผนวกกับ Clear Image Zoom ที่ 2 เท่า ก็เท่ากับว่าเราได้เลนส์ 110 มิลลิเมตรไว้ใช้งาน
แต่ทั้งนี้เมื่อต้องใช้ ISO ที่ 3,200 บนระบบ Clear Image Zoom 2X พบว่าถ้ามองในมุมมองภาพรวมที่ได้ยังมีความคมชัด แต่เมื่อกดซูม 100% เมื่อใดก็ต้องพบกับความแตกของภาพพอสมควร จึงทำให้พอสรุปได้ว่าระบบ Clear Image Zoom จะทำงานได้ที่ ISO ไม่สูงมาก
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Sony NEX-F3
Picture Effect > Partial Color
Superior Auto Mode + Auto HDR
A Mode-ISO 200-f7.1-s1/125
Program Mode-ISO 3,200-f5-s1/80
A Mode-ISO 1,600-f5-s1/50
Superior Auto Mode
สุดท้ายทดสอบการบันทึกวิดีโอ 1080p ที่ความละเอียดสูงสุด พบว่าในรุ่น NEX-F3 ให้คุณภาพงานวิดีโอที่ดีมาก Noise น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ไฟล์วิดีโอสวยเหมือน NEX-5N ในขณะที่ความลื่นไหลของภาพค่อนข้างสูง และสามารถปรับ ISO และรูรับแสงได้ตามต้องการ
ตัวอย่างการนำ NEX-F3 ไปใช้งานในการผลิตรายการทีวีออนไลน์
จากคลิปรายการด้านบนทีมงานใช้ Sony NEX-F3 2 ตัวพร้อมเลนส์ 18-55mm ในการถ่ายทำโดยตัวหนึ่งเป็นกล้องหลัก และอีกตัวเป็นกล้อง Insert โดยขนาดไฟล์วิดีโอจะบันทึกที่ 1080-24p ที่คุณภาพไฟล์สูงสุด และจัดการไฟล์ด้วย Final Cut Pro X ในฟอร์แมต Apple ProRess และ Export ออกมาในรูปแบบ H.264 เพื่ออัปโหลดลง YouTube ที่ขนาดไฟล์ 720p
ความคุ้มค่าและสรุป
สำหรับราคาเปิดตัวของ Sony NEX-F3 พร้อมเลนส์ 18-55 จะเริ่มต้นที่ 21,990 บาทเป็นต้นไป ก็นับว่าเป็นราคาที่เข้ามาแทนที่ NEX-C3 รุ่นก่อนหน้าแต่ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการถ่ายวิดีโอ FullHD ที่มีการปรับเรื่อง Noise และระบบออโต้โฟกัสระหว่างถ่ายที่แม่นยำมากขึ้น ซึ่งสำหรับผู้ใช้ที่ชอบโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูปดีๆ เน้นถ่ายภาพสนุก ก็นับว่า NEX-F3 คุ้มค่าและน่าจะถูกใจผู้ใช้ได้ไม่ยาก
สุดท้ายก็ถือว่า Sony NEX-F3 เป็นการปรับปรุง Major Change ครั้งสำคัญของกล้อง Mirrorless จากโซนี่ ที่นับว่าเป็นการปรับปรุงในทิศทางที่ดีขึ้น ฟีเจอร์ช่วยเหลือให้มาอย่างเพรียบพร้อม รวมถึงความแม่นยำของระบบออโต้โฟกัสทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่ปรับปรุงใหม่ให้ดีขึ้น โดยเฉพาะระบบ Face Detection ในโหมดถ่ายวิดีโอที่ทำงานได้ดีอย่างมาก และแทบจะใช้งานแทนที่ DSLR APS-C ได้ทันที เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ชอบท่องเที่ยว ชอบถ่ายภาพสตรีท และอยากได้กล้องที่ให้ไฟล์ภาพ DSLR APS-C แต่ไม่ต้องการแบกกล้องตัวใหญ่ NEX จะเข้ามาชดเชยตรงจุดนี้ได้ดีมาก แต่สำหรับการทำงานแบบมืออาชีพอย่างไร NEX-F3 คงตอบจุดนั้นไม่ได้ เพราะตัวกล้องไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้งานลักษณะนั้น
Company Related Link :
Sony