หลังจากคราวที่แล้วแนะนำหูฟังบลูทูธระดับพรีเมียมอย่าง Jawbone ERA ไปแล้ว คราวที่มาถึงลำโพงไร้สาย ที่ใช้การเชื่อมต่อบลูทูธในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อใช้งานเป็นลำโพง ที่ผนวกรวมความสามารถในการใช้เป็นลำโพงโทรศัพท์เพื่อประชุมสายได้ด้วย
การออกแบบและสเปกพื้นฐาน Jawbone Jambox
ตัว Jambox นั้น เป็นเพียงกล่อง 4 เหลี่ยมขนาด 151 x 57 x 40 มิลลิเมตร น้ำหนัก 347 กรัม มีให้เลือก 4 สีคือ Black Diamond, Red Dot, Blue Wave และ Gray Hex ซึ่งแต่ละสีก็จะมีลวดลายพื้นผิวเปลี่ยนไปตามชื่อที่ตั้ง อย่างสีดำที่ทางทีมงานได้มารีวิว ก็จะมีลวดลายเป็นลักษณะแบบเหลี่ยมเพชร ถ้าเป็นสีแดง ก็จะเป็นลายจุดๆ สีน้ำเงินเป็นลายคลื่น
ตัวลำโพงเป็นแบบสเตอริโอ ที่มาพร้อมเบส ให้เสียงในช่วงความถี่ 60 Hz - 20 kHz ระดับ 85dB ที่ระยะ 0.5 เมตร สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 10 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับระดับเสียงเพลง ระยะการเชื่อมต่อ 33 ฟุต รองรับบลูทูธ 2.1 EDR A2DP
ที่ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับช่องเสียบสายลำโพงขนาด 3.5 มม. พอร์ตไมโครยูเอสบี (ใช้ชาร์จ - ซิงค์ข้อมูล) ที่ต้องเชื่อมกับเว็บไซต์ mytalk.jawbone.com ในการอัปเดต และซิงค์ข้อมูล เช่นเดียวกับหูฟัง Jawbone ERA ภายในกล่องที่ให้มาจะประกอบไปด้วย ตัวลำโพง ที่ชาร์จกับปลั้กไฟ สายยูเอสบี 2 เส้น (ยาว-สั้น) สายสเตอริโอขนาด 3.5 มม. เคสใส่ลำโพง และคู่มือการใช้งาน
จุดขาย Jawbone Jambox
แน่นอนว่าฟีเจอร์หลักๆของอุปกรณ์เชื่อมต่อบลูทูธของ Jawbone ทั้งใน ERA และ Jambox นั้นค่อนข้างเหมือนกัน ดังนั้นสามารถย้อนกลับไปอ่านรายละเอียดได้ที่ Review : Jawbone Era หูฟังบลูทูธฉลาดๆ
สิ่งที่เพิ่มเข้ามาภายใน Jambox โดยเฉพาะคือการเป็นลำโพงขยายเสียงไร้สาย ที่สามารถใช้สำหรับฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม รวมไปถึงใช้สำหรับคอนเฟอเรนซ์คอลล์ เพื่อประชุมผ่านโทรศัพท์ หรือระบบอินเทอร์เน็ตก็ได้เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ถ้าอยู่ในต่างประเทศ Jawbone จะมีบริการเพลงออนไลน์ให้ได้ใช้กัน ทำให้ผู้ใช้สามารถลำโพงเป็นวิทยุฟังเพลงได้ในตัวด้วย แต่ก็น่าเสียดายที่บริการดังกล่าวยังไม่รองรับการใช้งานในประเทศไทย
ทดสอบประสิทธิภาพ
หลังลองเชื่อมต่อกับอุปกรณ์พกพาอย่าง แอนดรอยด์โฟน ใช้เปิดเพลงฟังต่อเนื่อง เวลาที่ Jawbone เคลมไว้ราว 10 ชั่วโมงนั้นค่อนข้างแม่นยำ เสียงที่ได้อยู่ในช่วงที่กว้าง ครอบคลุมทุกช่วงเสียง มีเบสภายในตัว สามารถใช้งานในห้องขนาด 5 x 5 เมตรได้สบายๆ แต่ถ้าในพื้นที่กว้างกว่านั้น เสียงที่ได้จะเริ่มดรอปลง
และเมื่อใช้งานร่วมกับ ไอแพด การที่เป็นลำโพงแบบไร้สาย ทำให้ผู้ใช้ สามารถวางลำโพงไว้บนโต๊ะ เปิดเล่นเกมให้เสียงกระหึ่มมาจากหลังเครื่อง หรือจะวางไอแพด ไว้ข้างหน้า เพื่อให้เสียงออกมาจากหลังเครื่องเพิ่มอรรถรสในการรับชมภาพยนตร์ก็ได้
ตอบจุดขายหรือไม่/ข้อสังเกต
- ในเมื่อจุดขายของ Jambox คือความสะดวกในการใช้งานแบบไร้สาย จากความสามารถที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธได้ทั้ง ฟังเพลง เล่นเกม ดูหนัง และประชุมสาย จึงกลายเป็นจุดขายที่ชัดเจน
-แต่จุดที่น่าสังเกตคือราคาจำหน่ายของ Jambox ที่ 7,990 บาท ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง ทำให้ดูกลายเป็นสิ้นค้าค่อนข้างฟุ่มเฟือยสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป?
สำหรับผู้บริโภคที่ต้องการหาลำโพง ไว้ใช้เวลาไปเที่ยว หรือ ใช้งานเป็นลำโพงนอกสถานที่ ที่ต้องการความบันเทิงแบบพกพาได้ Jambox น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้ เพราะคุณภาพเสียง การออกแบบดีไซน์ ทำให้พกพาได้สะดวก แถมยังเลือกใช้ได้ทั้งแบบไร้สาย และต่อสายหูฟัง 3.5 มม. ทำให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น
ด้วยความที่สิ้นค้าอยู่ในระดับพรีเมียมทำให้ราคาของสิ้นค้าสูงไปสักหน่อย สำหรับผู้ใช้งานทั่วๆไป อาจมองว่าเกินความจำเป็น แถมถ้าไม่ต้องการรูปแบบการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ยังมีลำโพงขนาดพกพาอีกหลายตัวในตลาดให้เลือกใช้ในราคาที่ประหยัดกว่ากันมากกว่า 50% แต่ก็ต้องยอมรับกับการต่อสาย ที่จะทำให้ใช้ถือไอแพดเล่นเกมไม่ได้ด้วย