ความหวังครั้งล่าสุดของโนเกียที่จะกลับขึ้นมายืนในตลาดสมาร์ทโฟน ไฮเอนด์ อาจเหลือไม่มากนัก หลังจากเปิดราคา โนเกีย E7 มาอยู่ที่ 20,800 บาท เนื่องจากเมื่อเทียบกับผู้เล่นรายอื่นในตลาดแล้ว ความน่าสนใจหลักของ E7 สามารถหาได้ในเครื่องหลากหลายรุ่นในปัจจุบัน
สิ่งที่โนเกียพยายามนำมาทำตลาดกับ E7 คือชูดีไซน์ที่โดดเด่นเช่นเดียวกับเครื่องที่วางจำหน่ายจนขาดตลาดเมื่อปีที่ผ่านมาอย่าง N8 ที่ถอดแบบกันออกมา พร้อมเพิ่มความสามารถด้วยคีย์บอร์ด QWERTY แบบสไลด์ข้าง
น่าเสียดายที่ความสามารถหลักของ N8 อย่างกล้องถ่ายภาพความละเอียดสูงที่ใช้เลนส์ CarlZeiss พร้อมออโต้โฟกัส ไม่ได้ถูกใส่มาใน E7 เพราะโนเกียต้องการความเร็วในการถ่ายภาพแบบสเน็บช็อตเลยใส่เลนส์ธรรมดาแบบ Fix Focus มาแทน
Feature On Nokia E7-00
ฟีเจอร์หลักของ E7 ที่เป็น ซิมเบียน3 นั้นไม่ได้มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นจากเมื่อสมัยเปิดตัวแต่อย่างใด ดังนั้นถ้าต้องการทราบรายละเอียดถึงความสามารถของ S^3 สามารถย้อนกลับไปอ่านได้ที่ Review - Nokia N8 สัมผัสซิมเบียน^3
นอกจากการแสดงผลในรูปแบบแนวตั้งปกติแล้ว E7 ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่มีคีย์บอร์ด QWERTY สไลด์ข้าง ทำให้สามารถแสดงผลหน้าจอในแนวนอนได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น
โดยยังคงแบ่งหน้าจอหลักออกเป็น 3 หน้า แต่ละหน้าสามารถนำวิตเจ็ตมาใส่ได้ 6 ช่อง จัดเรียงเคลื่อนย้ายได้ตามความต้องการ ซึ่งในการใช้งานวิตเจ็ตบางตัวจะทำการเชือมต่อกับอินเทอร์เน็ตเพื่อเรียกข้อมูล ดังนั้นถ้าไม่ได้เปิดใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบไม่จำกัดไว้ ก็ควรเข้าเมนูออปชัน เพื่อเลือกตั้งใช้งานวิตเจ็ตในโหมดออฟไลน์ด้วย
อีกจุดที่น่าสนใจสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยใช้มาก่อนคือ ทางลัดเข้าสู่การตั้งค่าการใช้งาน ไล่ตั้งแต่ชื่อโทรศัพท์ เสียงเรียกเข้า เสียงปุ่มกด ภาพพื้นหลัง ธีม แน่นอนว่ารวมถึงการตั้งค่าการสไลด์คีย์บอร์ดเพิ่มเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นโน้ต ส่งข้อความ อีเมล เข้าเมนู เปิดแอปฯ และเข้าบุ๊กมาร์ค สุดท้ายคือตั้งล็อกหน้าจอหลังจากปิดสไลด์
ภายในหน้าเมนูประกอบไปด้วย 12 หมวดหลักๆ ไล่ตั้งแต่ปฏิทิน รายชื่อ เพลง เบราว์เซอร์ ข้อความ รูปภาพ โอวีสโตร์ แผนที่ เครื่องมือออฟฟิศ ตั้งค่า เครือข่ายสังคม และแอปพลิเคชันอื่นๆ
เครื่องเล่นเพลงยังใช้การจัดการรูปแบบปกติคือไล่ตั้งแต่ชื่อเพลง ศิลปิน อัลบั้ม ในหน้าเครื่องเล่นมีการแสดงปกอัลบั้ม แถบควบคุมการเล่น สามารถตั้งบาลานซ์ เพิ่มเสียง และความครอบคลุมของเสียง หรือเข้าไปปรับอีควอไลเซอร์ ให้เป็นแบบ เพิ่มเบส คลาสสิก แจ๊ซ ป็อป และร็อกได้เช่นเดิม
ส่วนของวิทยุ เมื่อเข้าใช้งานครั้งแรกตัวเครื่องจะทำการค้นหาคลื่นให้อัตโนมัติ หลังจากนั้นผู้ใช้สามารถเข้าไปจัดการ ย้าย ตั้งชื่อ ลบ คลื่นที่ไม่ต้องการได้ ตามปกติ
การแสดงผลรูปภาพสามารถเลือกดูแบบอัลบั้ม ตามแท็ก หรือเลือกดูทั้งหมด เมื่อเข้าไปสามารถใช้มัลติทัชในการซูม หรือจะเลือกซูมจากแถบด้านข้าง แชร์รูปภาพไปยังเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่าง ทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊กได้ทันที
โซเชียลเน็ตเวิร์กที่มากับตัวเครื่องหลักๆแล้วยังมีเพียงแค่ ทวิตเตอร์ และ เฟซบุ๊กเท่านั้น การแสดงผลทำออกมาเป็นรูปแบบของไทม์ไลน์ สามารถเข้าไปดู Mention หรือ ข้อความส่วนตัว และยังสามารถอัปโหลดรูปได้จากภายในอีกด้วย
โหมดโทรศัพท์นั้นผู้ใช้สามารถกดตัวเลขได้จากทั้งบนหน้าจอและบนคีย์บอร์ด QWERTY ในหน้าจอระหว่างโทรศัพท์ สามารถกดพักสาย เข้าสู่รายชื่อ ปิดไมโครโฟน และเปิดลำโพงได้ แต่ทั้งนี้ถ้าไม่อยากเลื่อนคีย์บอร์ดสไลด์ออกมาก็สามารถใช้งานโหมดโทรศัพท์ได้เหมือนในรุ่น N8 ตามปกติ
อีกจุดเด่นที่น่าสนใจใน E7 คือ "USB On The Go" ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถนำแฮนดีไดร์ฟ หรือแม้กระทั่งการ์ดรีดเดอร์ที่ต่อผ่านสายยูเอสบีปกติ เชื่อมต่อกับตัวเครื่องได้โดยตรง ผ่านสายพิเศษที่แถมมาให้ในกล่อง การใช้งานก็เหมือนเปิดเครื่องมือจัดการไฟล์ตามปกติ สามารถเลือกย้าย คัดลอกไฟล์ไปยังโฟลเดอร์ในเครื่องได้ทันที แน่นอนว่าก่อนถอดอย่าลืมสั่งรีมูฟยูเอสบีป้องกันข้อมูลหายกันด้วย
โหมดการนำทางผ่าน Ovi Maps ก็ยังมีมาให้ใช้กัน การจับสัญญาณจีพีเอส ทำได้ค่อนข้างรวดเร็ว การคำนวนเส้นทางเป็นไปตามมาตรฐานของแผนที่จากโนเกีย ที่ให้ความแม่นยำพอสมควร และไม่แน่ว่าในอนาคตผู้ใช้อาจได้เห็นบริการเหล่านี้ไปอยู่ใน WP7 ที่โนเกียผลิตก็เป็นได้
การใช้งานอีเมลผู้ใช้สามารถเลือกแสดงเฉพาะแต่ละบัญชี หรือรวมการแสดงทั้งหมดไว้ในหน้าจอเดียว การแสดงผลทำได้ไม่แตกต่างจากบนพีซี สามารถตอบกลับ ส่งต่อ ได้ตามปกติ ในส่วนของการพุชอีเมล ตัวเครื่องสามารถตั้งให้ทำการซิงค์อีเทลเมื่อถึงกำหนดเวลา หรือกดให้ซิงค์เองก็ได้
สำหรับสเปกภายในของ Nokia E7 ใช้หน่วยประมวลผล ARM 11 680MHz หน่วยความจำ RAM 256 MB ROM 1024 MB พร้อมหน่วยความจำภายในอีก 16GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการซิมเบียน 3
Design of Nokia E7-00
ถ้าจะบอกว่า E7 เป็นแฝดผู้พี่ของ N8 คงไม่มีใครยกมือค้านกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นรูปทรงการดีไซน์ที่ออกมาในแนวเดียวกัน ทำให้เข้าใจได้ไม่ยากว่าเป็นพี่น้องกัน จุดเด่นของการดีไซน์คือใช้วัสดุที่เป็นอะลูมิเนียม 2 ชิ้นมาประกอบกันในส่วนของสไลด์คีย์บอร์ด ที่มีแกนเป็นพลาสติกยึดระหว่างตัวเครื่องและหน้าจอ
ขนาดรอบตัวของ E7 อยู่ที่ 123.7 x 62.4 x 13.6 มิลลิเมตร ใหญ่และหนากว่า N8 เล็กน้อย ขณะที่น้ำหนัก 175 กรัม ที่เพิ่มขึ้นมาจากคีย์บอร์ด QWERTY ทำให้ความคล่องตัวในการใช้งานด้านการพิมพ์เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
ด้านหน้า - หน้าจอ AMOLED Clear Black แบบ Capacitive ขนาด 4 นิ้ว ของ E7 กลายเป็นจุดขายสำคัญที่โนเกียพยายามสื่อสารออกมายังผู้บริโภค เนื่องจากหน้าจอรุ่นอื่นๆในตลาดยังแสดงผลสีดำได้ไม่โดดเด่นเท่ากับรุ่นนี้ แต่น่าเสียดายที่ความละเอียด 640 x 360 พิกเซล กลายเป็นข้อผิดพลาดของโนเกีย เนื่องจากในตลาดระดับราคาเดียวกันความละเอียดของหน้าจอขึ้นไปอยู่ที่ 800 x 480 พิกเซลกันเรียบร้อยแล้ว
นอกเหนือจากหน้าจอแล้วส่วนอื่นๆยังประกอบไปด้วย ช่องลำโพงสนทนาอยู่บริเวณขอบหน้าจอส่วนบน ถัดลงมาเป็นโลโก้โนเกีย พร้อมกับเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสง และกล้องหน้าความละเอียด VGA ส่วนล่างหน้าจอมีปุ่มเมนูพร้อมไฟกระพริบ แสดงสถานะการทำงานอยู่ตรงกลาง (สามารถกดค้างเพื่อเข้าสู่หน้ามัลติเทสก์)
เมื่อสไลด์คีย์บอร์ดออกมาจะพบกับ เลย์เอาท์แบบ QWERTY 3 แถว ที่จัดวางเลย์เอาท์ภาษาอังกฤษมาได้ค่อนข้างดี แต่กลับกันสำหรับภาษาไทยแล้วคงต้องปรับความเคยชินกันพอสมควร เนื่องจากมีจำนวนปุ่มไม่เพียงพอทำให้บางปุ่มมี 3 ตัวอักษร รวมถึงการจัดวางที่ไม่ได้อิงตามคีย์บอร์ดทั่วไป แต่ทั้งนี้ในเรื่องของการป้อนข้อมูลหลังจากเกิดความเคยชินแล้ว ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานค่อนข้างมาก
ด้านหลัง - หลังเครื่อง E7 กลับเป็นอะไรที่ดูแล้วเรียบง่าย มีเพียงกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชคู่ ที่ไม่มีออโต้โฟกัส และ ตัวอักษณโนเกียสกรีนอยู่กลางตัวเครื่อง ส่วนลำโพงสเตอริโอถูกย้ายมาอยู่ส่วนล่างของเครื่อง
ด้านซ้าย - มีเพียงปุ่มล็อกหน้าจอเท่านั้น ด้านขวา - มีช่องใส่ซิมการ์ด ปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มลัดเข้าสู่โหมดกล้อง ที่ใช้เป็นชัตเตอร์ไปในตัว
ด้านบน - นอกจากเป็นที่อยู่ของปุ่มเปิด-ปิดเครื่องแล้ว ยังเป็นจุดที่รวมช่องการเชื่อมต่อต่างๆมาไว้ด้วยกันไม่ว่าจะเป็น ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. พอร์ต Mini HDMI และ พอร์ตไมโครยูเอสบี ด้านล่าง - มีการสกรีนข้อมูลต่างๆของตัวเครื่อง ช่องร้อยสายโทรศัพท์ และไมโครโฟนสนทนา
บทสรุป
ถ้าเป็นสมัยก่อนที่สมาร์ทโฟนยังไม่มีให้เลือกหลากหลาย และมีราคาสูง E7 คงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในระดับราคา 20,800 บาท แต่เมื่อเทียบกับตลาดสมาร์ทโฟนในปัจจุบันที่ระดับราคาเดียวกันหรือสูงกว่าเล็กน้อยแล้ว ความสามารถของ E7 ไม่ได้แตกต่างจากคู่แข่งแบรนด์อื่น หรือแม้แต่ความสามารถบางอย่างก็ด้อยกว่าเครื่องในระดับราคาเดียวกัน
จุดเด่นของ E7 ที่เหลืออยู่จึงมีเพียงแค่การประกอบและวัสดุที่ใช้ แนวดีไซน์ที่ดูทันสมัยพร้อมคีย์บอร์ด QWERTY การเชื่อมต่อ 3G ที่รองรับทั้ง 850/900/2100 MHz และฟีเจอร์ USB On The Go เท่านั้น ส่วนจุดเด่นอื่นๆอย่างพอร์ต HDMI การนำทาง อินเทอร์เน็ตเบราซ์เซอร์ อีเมลเซอรวิส และอื่นๆ สามารถหาได้ทั่วไปในสมาร์ทโฟนระดับหมื่นต้นๆ
อีกจุดที่น่าเสียดายคือกล้องความละเอียด 8 ล้านที่ให้มาแแต่เป็น Fix Focus โดยทางโนเกียให้เหตุผลว่า "คนส่วนใหญ่ใช้มือถือถ่ายภาพระยะไกล และต้องการความเร็วในการจับภาพ ทำให้ Fix Focus สามารถตอบโจทย์เหล่านั้นได้" จุดนี้เองทำให้ความโดดเด่นที่สำคัญในรุ่น N8 ต้องหายไปกับการปรากฏตัวของรุ่นพี่อย่าง E7
ในแง่ของเสียงสนทนายังคงเป็นจุดขายที่น่าสนใจของ E7 เนื่องจากรักษาระดับความคมชัดของเสียงสนทนาได้ค่อนข้างดี ระบบตัดเสียงช่วยให้สนทนาในที่ๆมีเสียงรบกวนได้ รวมถึงระยะเวลาการใช้งานบนแบตฯ 1200 mAh สามารถใช้งานทั่วๆไปได้เกือบ 2 วัน แต่ถ้ามีการเชื่อมต่อ 3G จะสามารถใช้งานได้เพียงวันต่อวันเท่านั้น
ขอชม
- ฟีเจอร์ครบครันตามสไตล์โนเกีย
- รองรับ 3G ทุกเครือข่ายที่มีให้ใช้งานในประเทศไทย
- คีย์บอร์ด QWERTY (ภาษาอังกฤษ) ช่วยให้สามารถ Texting ได้ง่ายขึ้น
ขอติ
- ไม่สามารถถอดเปลี่ยนแบตฯได้
- กล้อง 8 ล้านพิกเซล แต่ Fix Focus
- ราคาเปิดตัวค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น
Company Related Links :
Nokia
