xs
xsm
sm
md
lg

Review : Olympus µ 1040 กล้องแฟชั่นที่ใครๆก็เอื้อมถึง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

Olympus µ 1040
เป็นกล้องดิจิตอลรุ่นเล็กไซส์เบา ที่มีฟังก์ชันการทำงานต่างๆครบครัน ในราคาที่ผู้บริโภคทุกระดับสามารถเป็นเจ้าของได้ คุณภาพของภาพถ่ายอยู่ในระดับดี สีออกโทนธรรมชาติ อาจซีดนิดหน่อยสำหรับบางคนที่ชอบสีสดๆ นอยซ์ต่ำในระดับน่าประทับใจไปจนถึง ISO 800 อย่างไรก็ตามการใช้งานยังขัดกับความรู้สึกอยู่บ้าง อันเป็นผลจากการจัดเรียงฟังก์ชันที่แปลกกว่าชาวบ้าน รวมถึงการจัดวางปุ่มควบคุมต่างๆที่ด้านหลังกล้อง บางฟังก์ชันเข้าข่าย “เสร็จแต่ไม่สุด” คือมี แต่ใช้ได้ไม่เต็มที่ อย่าง Smile Shot ที่ทำงานเฉพาะความละเอียด 3 ล้านพิกเซลลงไป และ Movie (VGA) ที่ถูกจำกัดระยะเวลาถ่ายไว้ที่ 10 วินาทีเท่านั้น และบางฟังก์ชันอย่าง พาโนรามา ก็ต้องพึ่งซอฟต์แวร์ที่อยู่บนเมมโมรี่การ์ดถึงจะทำงานได้
ฝาปิดเลนส์เป็นโลหะ มัน เงา ใส เหมือนกระจก สวยมากๆ
Olympus µ 1040 เป็นกล้องดิจิตอล Ultra Compact รุ่นใหม่ของค่ายโอลิมปัสซึ่งเป็นผู้ผลิตกล้องชั้นนำของโลก เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคมปี 2551 และเริ่มวางจำหน่ายเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เน้นความบางกะทัดรัด สีสันสดใส ดีไซน์แฟชั่น พร้อมอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ล้ำยุค มีความละเอียดสูง 10.1 ล้านพิกเซล พร้อมซูม 3x Optical (38-144 มม.) จอแอลซีดีขนาดใหญ่ 2.7 นิ้ว ISO สูงสุดที่ระดับ 3200 และความไวชัตเตอร์สูงสุด 1/1000 วินาที

เด่นด้วยเทคโนโลยี
Olympus µ 1040
Olympus µ 1040 เป็นกล้องดิจิตอลอีกรุ่นหนึ่งที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี เพื่อช่วยให้เราถ่ายภาพระดับโปรฯได้ง่ายๆแค่ Point & Shoot เช่น “Intelligent Auto” (iA) โหมดออโต้ฉลาดๆ ที่เราไม่ต้องปรับค่าอะไรให้ยุ่งยาก ระบบจะวิเคราะห์ซีนที่เราเล็ง และเลือกโหมดถ่ายภาพที่เหมาะสมให้โดยอัตโนมัติ ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นภาพที่มีความคมชัดในทุกส่วนภาพ พร้อมสีสันที่สมจริงเป็นธรรมชาติ
หน้าจอฟังก์ชัน Shadow Adjust
“Shadow Adjust” เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยในการถ่ายภาพย้อนแสง หรือภาพที่มีแสงแบ็คไลท์แรงๆ ช่วยให้เก็บรายละเอียดของวัตถุที่เราต้องการถ่ายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น, “Advaced Face Detection” เทคโนโลยีช่วยในการถ่ายภาพบุคคลเป็นหมู่คณะ สามารถตรวจจับใบหน้าได้มากสุดถึง 16 ใบหน้าพร้อมกัน ช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีใครหน้าเบลอ และ “Smile Shot” เทคโนโลยีที่ช่วยในการถ่ายช็อต “ยิ้ม” ถ้ายังไม่ยิ้ม ชัตเตอร์ไม่ลั่น
(บน) หน้าจอฟังก์ชัน Perfect Fix, (ล่าง) หน้าจอฟังก์ชัน Color Edit
ถ้าเทคโนโลยีที่ช่วยในการถ่ายภาพยังช่วยไม่ได้ ภาพที่ออกมายังไม่เป็นที่พอใจ ก็ยังมีเทคโนโลยีสำหรับงานโพสต์โปรดักชันด้วย เช่น “Perfect Fix” ที่จะทำให้ภาพทุกภาพที่คุณถ่ายสวยขึ้นจนคุณพอใจ เทคโนโลยีนี้จะแก้ไขภาพถ่ายใน 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ ปรับแก้ภาพเบลอ ทำให้ภาพที่ถ่ายกลับมาคมชัด, ปรับแก้ Contrast ช่วยให้เห็นรายละเอียดภาพส่วนในเงามืดชัดขึ้น และการปรับแก้ตาแดง นอกจากนี้ก็ยังมีฟังก์ชัน “Edit color” ที่ช่วยปรับเพิ่มลดความสดของสีได้ด้วย ตรงนี้น่าจะถูกใจคนชอบสไตล์สีแบบ Vivid

ลองถ่ายภาพนิ่ง ชัดดี สีธรรมชาติ
ด้านหลังของ µ 1040 กับการจัดวางปุ่มที่แตกต่าง
ในการใช้งานจริง ช่วงแรกๆไม่ค่อยถนัดมือเท่าไหร่ เนื่องจากกล้องรุ่นนี้มีเลย์เอาต์และการจัดวางปุ่มควบคุมทางด้านหลังผิดแผกแตกต่างไปจากปกติ ปุ่ม OK / Func แยกออกมาวางไว้เดี่ยวๆ ไม่วางไว้กลางกลุ่มปุ่มเคอร์เซอร์เหมือนทั่วๆไป แถมปุ่ม OK ก็เป็นคนละปุ่มกับ Menu ด้วย ทำให้ต้องทำความคุ้นเคยกันอยู่พักใหญ่กว่าจะใช้งานได้คล่องมือ
(บน) หน้าจอเลือกโหมดถ่ายภาพระหว่าง P กับ iA, (ล่าง) โหมด Movie เป็นส่วนหนึ่งของ Scene
การเลือกโหมดถ่ายภาพ เป็นอีกจุดหนึ่งที่เล่นเอางงไปชั่วขณะ เพราะปกติกล้องทั่วๆไปโหมดถ่ายภาพจะถูกจัดเรียงไว้ประมาณว่า iA, P, Scene, Movie และทุกโหมดจะสามารถเปิด/ปิดระบบ is (Image Stabilization), iExposure, iISO หรือระบบ intelligent ต่างๆนานาได้ แต่ของโอลิมปัสจะจัดเรียงต่างออกไปแบบนี้คือ P (iA), is, Scene (Movie) คือรวมโหมด iA ไปไว้ในโหมด P, รวมโหมด Movie ไปไว้ในโหมด Scene และแยกระบบ is ออกมาเป็นโหมดทำงานเดี่ยวๆ

การแยกระบบ is ออกมาต่างหากเป็นเรื่องที่ผิดวิสัย เพราะโดยทั่วไปผู้ออกแบบกล้องจะดีไซน์ให้ระบบ is สามารถเปิด/ปิดการทำงานได้จากทุกโหมดการทำงาน ด้วยเหตุผลที่ว่ากล้องไซส์เล็กแบบนี้ เวลากดชัตเตอร์ทีไรมือมักสั่นทุกที สั่นน้อยสั่นมากนั่นอีกเรื่อง เพราะน้ำหนักมันเบา ทำให้มือสั่นง่าย เปิด is แช่ไว้เลยดีที่สุด ภาพที่ออกมาจะคมกริบ ยกเว้นบางกรณีที่ต้องการปิดการทำงานของ is ก็เข้าไปปิดได้จากใน Menu ... แต่ µ 1040 ไม่ใช่

ส่วนฟังก์ชัน Smile Shot สำหรับ µ 1040 จะทำงานเฉพาะที่ความละเอียดภาพ 3 ล้านพิกเซลหรือต่ำกว่าลงไป ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเลือกปฏิบัติเช่นนั้น ทั้งๆที่ควรจะเป็นฟังก์ชันพื้นฐานสำหรับทุกความละเอียด

ส่วนเรื่องคุณภาพของภาพ สามารถดูได้จากตัวอย่างภาพทางด้านล่างนี่เลย

หมายเหตุ : คุณภาพของภาพจะลดลงประมาณ 20% อันเนื่องมาจากข้อจำกัดในการอัปโหลดและการแสดงผลบนเว็บไซต์
(บน) โหมด iA, (กลาง) โหมด P, (ล่าง) โหมด is ทั้ง 3 โหมดไม่แตกต่างสำหรับสภาพแสงปกติ
โหมด Super Macro เก็บรายละเอียดได้ชัดเจนดี
(ซ้าย) Super Macro ระยะชัด 7 ซม., (กลาง) Macro ระยะชัด 20 ซม., (ขวา) P
(บน) โหมด P ไม่แฟลช, (กลางบน) โหมด is ไม่แฟลช, (กลางล่าง) โหมด P เปิดแฟลช, (ล่าง) โหมด iA
(บนซ้าย) ISO 50, (บนขวา) ISO 100, (กลางซ้าย) ISO 200, (กลางขวา) ISO 400, (ล่างซ้าย) ISO 800, (ล่างขวา) ISO 1600; นอยซ์เริ่มซีเรียสตั้งแต่ ISO 1600 ขึ้นไป
(บน) ซูม 1X, (กลาง) ซูม 2X, (ล่าง) ซูม 3X
ถ่ายย้อนแสง ควบคุมการฟุ้งของแสงได้ดี
(บน) โหมด P ไม่ Shadow, (กลาง) โหมด P เปิด Shadow, (ล่าง) โหมด iA
(บน) โหมด P ไม่ Shadow, (กลาง) โหมด P เปิด Shadow, (ล่าง) โหมด iA
หมายเหตุ : โหมด พาโนรามา ไม่สามารถทดสอบได้ เพราะกล้องที่เราได้มาทดสอบ ไม่มี XD การ์ดของโอลิมปัสมาให้ในกล่อง ทั้งนี้โหมด พาโนรามา ต้องทำงานคู่กับ XD การ์ดของโอลิมปัสเท่านั้น ไม่มีการ์ด ระบบไม่ทำงาน เปลี่ยนยี่ห้อการ์ดก็ไม่ได้ เพราะต้องอาศัยซอฟต์แวร์ในการ์ดเป็นตัวช่วยในการจัดการภาพ ... ทำไมไม่ฝังมาเป็น Firmware เลยก็ไม่รู้

โดยรวมเรื่องคุณภาพของภาพที่ถ่ายอยู่ในเกณฑ์ดี สีออกโทนธรรมชาติ มีความชมชัดสูง และนอยซ์ต่ำ การถ่ายรูปภายใต้สภาพแสงน้อย มีปัญหาเรื่องมือสั่น แม้จะถ่ายในโหมด is ก็ต้องเปิดแฟลชช่วย แฟลชทำงานประสานกับระบบต่างๆได้ดี ให้ภาพออกมาตามที่คาดหวัง ซูม (ออปติคอล) ทำงานได้ดี ไม่มีเกรนแตก ไม่มีนอยซ์ให้เห็น และคมชัดตลอดระยะซูม ส่วนมาโครก็สามารถเก็บรายละเอียดวัตถุได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน

เปรียบเทียบภาพที่ถ่ายในโหมด iA, P และ is พบว่าโหมด iA ให้ภาพที่ดีที่สุดในทุกซีนทุกสภาพแสง ยกเว้นการถ่ายมาโครที่โหมด is ทำได้ดีกว่า ดังนั้นจุดขายของกล้องรุ่นนี้จึงชัดเจนว่าอยู่ที่ iA ที่ให้เราถ่ายรูปภายใต้สภาวะแสงต่างๆได้อย่างรวดเร็ว สะดวก ง่าย และคาดหวังได้ในเรื่องคุณภาพ แต่ก็น่าแปลกใจที่โอลิมปัสเซ็ตโหมด Default ตอนเปิดฝาเลนส์เป็นโหมด P แทนที่จะเป็น iA

ถ่ายวิดีโอ คุณภาพระดับทั่วไป

สำหรับโหมดวิดีโอ ปัญหาแรกที่เจอก็คือ เราหาโหมด Movie ไม่เจอ ทั้งๆที่มันก็ไม่น่าจะหายาก จนกระทั่งไปเปิดคู่มือดูถึงได้รู้ว่า โอลิมปัสดีไซน์ให้โหมด Movie ไปซ้อนอยู่ในโหมด SCN ตรงนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นอีกจุดเปราะอีกหนึ่งจุดของ µ 1040 เพราะกว่าจะหาโหมด Movie เจอ ก็ถึงขั้นต้องพึ่งคู่มือกันเลยทีเดียว ทั้งๆที่มันก็ไม่ใช่ฟังก์ชันที่ซับซ้อนอะไร เป็นโหมดการทำงานปกติที่มีอยู่ในกล้องดิจิตอลทุกรุ่น รุ่นอื่นเจอกันง่ายๆ แต่ µ 1040 ต้องเปิดคู่มือ

µ 1040 สามารถถ่าย VDO ที่ความละเอียดระดับ VGA (640 x 480 พิกเซล) ที่ 30 เฟรมต่อวินาที (fps) ได้ แต่จำกัดเวลาถ่ายสูงสุดสำหรับแต่ละช็อตไว้แค่ 10 วินาทีเท่านั้น ถ้าจะถ่ายยาวจนเต็มเมมฯการ์ด ต้องลดความเร็วลงมาที่ 15 fps หรือลดไซส์ลงมาเป็น QVGA (320 x 240 พิกเซล) แทน ไฟล์วิดีโอที่ถ่ายจะถูกเก็บไว้ในสกุล .AVI ส่วนเรื่องคุณภาพถือว่าธรรมดา

ดีไซน์สวยหรูดูดีมาก

µ 1040 มีดีไซน์ที่ ... จะเรียกว่าธรรมดาก็ได้ แต่มันก็ไม่ธรรมดา คือธรรมดาเหมือนกับค่ายอื่นๆที่มีกล้องประเภทนี้อยู่ในตลาด ฝาปิดเลนส์เป็นแบบสไลด์เลื่อนขึ้นลง พร้อมกับเป็นสวิตช์เปิด/ปิดการทำงานในตัว คล้าย T Series ของโซนี่ แต่สะดุดตากว่าด้วยการใช้โลหะมันเงาเหมือนกระจกมาทำเป็นฝาปิดเลนส์แทนการใช้โลหะสีเดียวกับบอดี้ ส่งผลให้ดูไฮโซขึ้นมาทันตาเห็น และโดดเด่นเอามากๆ
ด้านหน้า หรูหรา ไฮโซ
ด้านหน้าสะดุดตาด้วยฝาปิดเลนส์โลหะมันวาว แข็งแรง ทนทาน จังหวะเปิดปิดกำลังดี น้ำหนักเหมาะมือ เหนือฝาปิดเลนส์ขึ้นไป เป็นแฟลช และเลนส์ ประดับกรอบเลนส์ด้วยเส้นโครเมี่ยม ดูสวยงามและหรูหรา
ปุ่มกดที่ด้านหลังมีแบ็คไลท์สีขาวสวยงาม
ด้านหลังเป็นที่อยู่ของจอแอลซีดีขนาด 2.7 นิ้ว กินพื้นที่ประมาณ 3 ใน 4 ของพื้นที่ทั้งหมด เหลือพื้นที่อีก 1 ใน 4 ทางด้านขวาไว้สำหรับปุ่มควบคุมต่างๆ ได้แก่ (บนซ้าย) ปุ่มเลือกโหมดถ่ายภาพ, (บนขวา) ปุ่ม Playback สำหรับดูรูปที่ถ่าย ถัดลงมาระดับที่ 2 (ซ้าย) ปุ่ม Menu สำหรับเข้าไปเซ็ตค่าการทำงานต่างๆ และ (ขวา) ปุ่มคีย์ลัดสำหรับตั้งค่าการทำงานที่มีการเรียกใช้กันบ่อยๆ และเป็นปุ่ม OK ในตัว ถัดลงมาในระดับที่ 3 เป็นปุ่มเคอร์เซอร์ และเซ็ตค่าการทำงานของกล้อง ได้แก่ มาโคร, ตั้งเวลาถ่ายภาพ, แฟลช และชดเชยแสง ถัดลงมาระดับสุดท้าย (ซ้าย) ปุ่ม Disp เลือกรูปแบบการแสดงผลของจอแอลซีดี และ (ขวา) ปุ่มลบ หรือเปิดปิดการทำงานระบบ Shadow Adjust
(บน) ด้านบนของตัวกล้อง, (ล่าง) ด้านใต้ท้อง
ด้านบนมีช่องลำโพง ปุ่มชัตเตอร์ ที่ใช้โลหะมันเงามาทำเพื่อเพิ่มความหรูหรา และปุ่มซูม ด้านล่างเป็นช่องใส่แบตฯแบบ Li-Ion และเมมโมรี่การ์ดแบบ xD-Picture (สูงสุด 2 GB) มีฝาปิดเรียบร้อย
(บน) ด้านซ้าย, (ล่าง) ด้านขวา
ด้านซ้ายของตัวเครื่องไม่มีปุ่มใดๆให้เกะกะ ส่วนทางด้านขวามีพอร์ต USB 2.0 สำหรับเสียบสายดาต้าลิงก์และสายชาร์จ

สรุป

Olympus µ 1040 นับเป็นกล้องดิจิตอล Ultra Compact ที่มีดีไซน์สวยงามและมีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมตัวหนึ่งในตลาด ใครที่ชอบสไตล์ บาง เบา สวย หรู แล้ว ต้องมีชื่อ Olympus µ 1040 ติดอยู่ในลิสต์ด้วยแน่นอน เรื่องคุณภาพและความสามารถไม่ได้เป็นรองใคร โดยเฉพาะเทคโนโลยี iA สามารถคาดหวังและไว้ใจได้เลย แม้ฟังก์ชันการใช้งานและปุ่มต่างๆจะมีการจัดเรียงแปลกๆอยู่บ้างก็ตาม แต่ถ้าทำความคุ้นเคยสักระยะแล้ว ก็สามารถใช้งานได้คล่องมือ ข้อบกพร่องมีพอสมควร แต่เทียบกับราคา 8,990 บาทแล้ว (ณ วันที่ 30 มกราคม 2552) เจ้า Olympus µ 1040 ก็ดูน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว

Company Relate Link :
Olympus
กำลังโหลดความคิดเห็น