การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กับความพยายามผลักดันแนวคิดในการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้า (Transit Oriented Development:TOD) พร้อมกับการพัฒนาก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ เพื่อสร้างรายได้จากพื้นที่รอบสถานี เพื่อเพิ่มมูลค่า จากการที่มีรถไฟฟ้าเข้าถึง กลับคืนมาที่รฟม. เป้าหมายหนึ่งก็เพื่อนำมาใช้เป็นค่าลงทุนก่อสร้าง ค่าบริหารจัดการโดยไม่ต้องเป็นภาระให้รัฐอุดหนุน หลายประเทศประสบความสำเร็จ ทำรถไฟฟ้าได้แบบไม่ขาดทุน เพราะมีรายได้จากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มหาศาล เช่น รถไฟฟ้าประเทศญี่ปุ่น ซึ่งวันนี้แนวคิดนี้ สำหรับรฟม.มีการปลดล็อกไปบางส่วนแล้วหลัง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 มีผลบังคับใช้ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2568 ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ รฟม.จะสามารถดำเนินการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าให้เกิดประโยชน์เพิ่มขึ้นและคาดหวังการมีรายได้เข้ารัฐเพิ่มขึ้นจากที่ดินเวนคืน
การแก้ไข พ.ร.บ. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543 ที่ทำขึ้นเพื่อจัดตั้งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)และใช้บังคับมาเป็นเวลานาน บทบัญญัติบางประการจึงไม่เหมาะสมกับการจัดทำและการให้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในปัจจุบัน สมควรปรับปรุงวัตถุประสงค์และอำนาจกระทำการตามวัตถุประสงค์ และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดทำและให้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมให้สามารถใช้จ่ายเงิน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมได้ อันจะเป็นประโยชน์แก่การพัฒนาระบบขนส่งมวลชนของประเทศให้มีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ส่งเสริมให้ประชาชนได้ใช้ระบบขนส่งมวลชนมากขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติในภาพรวมในระยะยาว
สำหรับ พ.ร.บ.รฟม.ฉบับใหม่นี้ มีสาระสำคัญ เช่น
- การขยายอำนาจหน้าที่ รฟม. ให้ครอบคลุมงานวิจัย นวัตกรรม และการร่วมทุนกับภาคเอกชนมากขึ้น
-การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารงาน เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและความโปร่งใส
-การวางกรอบกำกับอัตราค่าโดยสาร คุณภาพการให้บริการ
ขณะที่มีข้อได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. เสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทยในภูมิภาคอาเซียนโครงสร้างพื้นฐานระบบรางที่มีประสิทธิภาพจะช่วยยกระดับสมรรถนะด้านโลจิสติกส์ และสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจเมือง 2. สนับสนุนแนวคิด Smart City และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ระบบขนส่งทางรางถือเป็นรูปแบบการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถลดการปล่อยมลพิษและลดการพึ่งพาพลังงานเชื้อเพลิงอื่น 3. เพิ่มมูลค่าที่ดินและเศรษฐกิจโดยรอบสถานี เพราะการพัฒนาและขยายโครงข่ายรถไฟฟ้าส่งผลโดยตรงต่อการเติบโตของพื้นที่เมือง กระตุ้นให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์
โดยพ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ระบุในมาตรา 3 ให้ยกเลิกความใน (3) ของมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ.2543 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(3) ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับกิจการรถไฟฟ้าและธุรกิจอื่นเพื่อประโยชน์แก่ รฟม. หรือประชาชน”
@พาดูโมเดล ญี่ปุ่น "Takanawa Gateway City"
การพัฒนาพื้นที่ร่วมกับการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนระบบราง (TOD) ของประเทศญี่ปุ่นนั้น ถือเป็นโมเดลต้นแบบแห่งหนึ่งของโลกที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเมื่อช่วงเดือนพ.ย. 2568 ที่ผ่านมา รฟม.ได้นำคณะสื่อมวลชนไทยศึกษาดูงานการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟฟ้า ณ Takanawa Gateway City ประเทศญี่ปุ่น พัฒนาโดยองค์การพัฒนาเมืองแห่งประเทศญี่ปุ่น หรือบริษัท Urban Renaissance Agency หรือ UR ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลญี่ปุ่น ที่ได้พัฒนาโครงการล้อมรอบสถานีรถไฟฟ้า หรือ TOD มากมาย "Mr.Moritani Koichiro” Associate Vice President for Global Affairs ของ UR ระบุว่า ประเทศญี่ปุ่น หากมีการก่อสร้างรถไฟ รัฐบาลจะมีการทำ TOD ควบคู่ไปด้วย โดยมีการก่อสร้างพื้นที่พื้นที่ผสมผสาน หรือมิกซ์ยูส มีถนน ที่จอดรถยนต์ รถบัส เกิดการเชื่อมโยงกับสถานีรถไฟ การใช้ประโยชน์ของผู้คน และเป็นศูนย์กลางระบบขนส่งสาธารณะของเมือง
บริษัท UR ให้ข้อมูล โปรเจ็กต์ "Takanawa Gateway City" ว่า มีพื้นที่ 30 เฮกเตอร์ ประเมินมูลค่าลงทุน 1 แสนล้านเยน หรือประมาณ 22,000-25,000 ล้านบาท พื้นที่เดิมเป็น สถานีรถไฟเดิม และเดปโป้ เป็นที่ดินของ บริษัทรถไฟญี่ปุ่นตะวันออก (JR East) และ Keikyu Railway ที่จับมือกันพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ โดยมี UR เป็นหน่วยงานกลาง รับผิดชอบโครงสร้างพื้นฐาน โครงการมีการแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย อาคารพื้นที่เชิงพาณิชย์ 85% ที่อยู่อาศัย 10% และพื้นที่สีเขียว 5% โดยรัฐอุดหนุนการลงทุน เพราะจะได้ประโยชน์จากการพัฒนาเศรษฐกิจ จากพื้นที่ใจกลางโตเกียว ที่นั่งรถไฟไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงสนามบินฮาเนดะ จะก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ ในแง่การเดินทางของนักท่องเที่ยวและ การลงทุนในระยะยาว
นายพัฒนพงษ์ พงษ์ศุภสมิทธิ์ รองผู้ว่าการ (บริหาร) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)ในฐานะหัวหน้าคณะดูงาน กล่าวว่า การพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟฟ้า ณ Takanawa Gateway City ประเทศญี่ปุ่น ถือว่าเป็นอีกแม่แบบของการพัฒนาพื้นที่ร่วมกับการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนระบบราง (TOD) ของหลายๆ ประเทศ รวมถึงไทยที่ปัจจุบัน ได้บังคับใช้ กฎหมายสำคัญ คือ พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ที่มีการปรับขยายข้อความในการใช้ประโยชน์พื้นที่ได้มากขึ้น จากเป็นการเปิดโอกาสให้ รฟม. นำที่ดินที่มาจากการเวนคืนมาพัฒนาได้มากยิ่งขึ้น หลังจาก ได้นำไปใช้ประโยชน์สำหรับระบบรถไฟฟ้าครบถ้วนแล้ว เพื่อเพิ่มรายได้นอกเหนือ จากค่าโดยสาร และยังจะเสริมสร้างระบบรางให้แข็งแรงและยั่งยืนมากขึ้น รวมไปถึงลดภาระประชาชน ลดภาระรัฐบาล อีกด้วย
"ที่ดินที่เวนคืนมาใช้ประโยชน์เรื่องการก่อสร้างรถไฟฟ้าและมีศูนย์ซ่อมบำรุงทั้ง 2 สาย ต้องถือว่าพื้นที่นี้ใช้ประโยชน์ในด้านของรถไฟฟ้าแล้ว แล้วยังมีเหลือที่สามารถใช้ประโยชน์อื่นที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ทั้งในด้านของรถไฟฟ้า แล้วก็ในการพัฒนาเชิงพาณิชย์ เช่นเดียวกับที่ญี่ปุ่น"
ล่าสุด รฟม.มีแผนในการให้เช่าหรือให้สิทธิ์ใดๆในอสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารและลานอเนกประสงค์โครงการรถไฟฟ้าสายเฉลิมราชมงคล (สีน้ำเงิน) สายฉลองราชธรรม (สีม่วง) สายสีส้ม ซึ่งเป็นพื้นที่สถานีตามแนวสายทางรถไฟฟ้าและทางเข้า - ออก รวมไปถึงศูนย์ซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้ามหานครที่ห้วยขวาง (พระราม 9 ) โดยหากโครงการไหนมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาท จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบก่อน สำหรับสายสีส้ม จะมีโครงการนำร่อง " โครงการ Metro-Medical" เป็นการบูรณาการระบบขนส่งมวลชนเข้ากับบริการทางการแพทย์บนพื้นที่สถานีของรถไฟฟ้าสายสีส้ม บริเวณห้วยขวาง ซึ่งเตรียมเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.เห็นชอบในเดือนธันวาคม 2568 ก่อนเสนอครม. คาดว่า จะเริ่มโครงการได้ภายในปี 2569
@เปิดแผน TOD พัฒนารอบ"สถานีสีน้ำเงิน"นำร่อง 7 แห่ง จ่อชงครม.
นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า หลังจากพ.ร.บ.รฟม.(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 มีผลบังคับใช้ ทำให้วัตถุประสงค์ในการใช้พื้นที่ที่เวนคืนกว้างขึ้น ส่งผลให้รฟม.มีความคล่องตัวและมีโอกาสในการบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ได้มากขึ้นจากเดิมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ รฟม.ตามความจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่การให้บริการกิจการรถไฟฟ้า คือ จะต้องเกี่ยวกับผู้โดยสารอย่างเดียว แต่พ.ร.บ.รฟม.ปี 2568 สามารถนำไปพัฒนาเพื่อประโยชน์ขององค์กร ประโยชน์สาธารณะได้ด้วย แบบนี้ทำให้กรอบมันกว้างขึ้น แต่ที่พ.ร.บ.รฟม.ปี 68 ยังไม่ได้แก้ไขคือ การให้เช่าหรือให้สิทธิใดๆ ในอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีมูลค่าเกินสิบล้านบาท รฟม.ยังต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะดำเนินการ ให้เช่าหรือให้สิทธิใดๆ ได้
เบื้องต้น มีการแบ่งพื้นที่การพัฒนาเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ตามแนวสายทางรถไฟฟ้าสายสีน้เเงิน สายสีม่วงและสายสีมส้ม ซึ่งแต่ละแห่งจะมีพื้นที่แตกต่างกันไป อีกกลุ่มคือ พื้นที่ ศูนย์ซ่อมบำรุง (เดปโป้) ย่านพระราม 9 (ห้วยขวาง) ซึ่งได้วางแนวคิดในการพัฒนาให้เหมาะสมกับทั้งขนาดพื้นที่และสภาพรอบข้าง โดยหากมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาทก็ต้องเสนอครม.เห็นชอบ
ผู้ว่าฯรฟม.กล่าวว่า ก่อนหน้านี้รฟม.ได้มีการศึกษาแผนการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้ ได้มีโครงการนำร่อง ซึ่งคณะกรรมการ(บอร์ด) รฟม.พิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการให้ รฟม. ดำเนินการให้เช่าหรือให้สิทธิใด ๆ ในอสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารเชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้าและอาคารอเนกประสงค์ โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล จำนวน 7 แห่ง ได้แก่
1.อาคารอเนกประสงค์ 2 ชั้น และแผงค้า (Entrance 1 และ 2) สถานีกำแพงเพชร
2.อาคารเชื่อมต่อสถานีห้าแยกลาดพร้าวกับสถานีพหลโยธิน (Entrance
3.อาคารเชื่อมต่อ MRT สถานีสุขมวิทกับ BTS สถานีอโศก (Entrance 3)
4. อาคารอเนกประสงค์ (Entrance 2) สถานีวัดมังกร
5. อาคารอเนกประสงค์ (Entrance 1) สถานีสามยอด
6. อาคารอเนกประสงค์ (Entrance 2) สถานีสามยอด
7. อาคารอเนกประสงค์ (Entrance 3) สถานีสามยอด
โดยรฟม.ได้สรุปเรื่องเสนอกระทรวงคมนาคมและ เพื่อนำเสนอครม.ขออนุมัติต่อไป จากนั้นรฟม.จะดำเนินการเปิดคัดเลือกตามแนวทางแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้เนื่องจากโครงการแต่ละแห่งมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาท ซึ่งพื้นที่ทั้ง 7 แห่ง มีแนวคิดในการดำเนินการ และคาดการณ์รายได้ แล้ว เช่น จัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและผู้ใช้บริการถไฟฟ้า ส่งเสริมให้เกิดความคุ้นเคยต่อระบบรถไฟฟ้า เช่น ตู้กดเงินสดอัตโนมัติ (ATM) กดสินค้าอัตโนมัติ (Vending machine) ร้านค้าและบริการ การสื่อสารโทรคมนาคม โฆษณาประชาสัมพันธ์ ลานกิจกรรมและพื้นที่สันทนาการ เป็นต้น
@ดันล็อต 2 อีก กว่า 50 แห่ง รอบสถานี "สีน้ำเงิน-สีม่วง-สีส้ม"
และพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้า หลังจากนี้มีแผนการดำเนินงานต่อเนื่อง ตามสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง และ สถานีสายสีน้ำเงินที่เหลือรวมถึงสายสีส้มด้านตะวันออก รวมแล้วอีกประมาณ 50 กว่าแห่ง ที่มูลค่าเกิน 10 ล้านบาท ที่เตรียมเสนอครม.ในระยะต่อไป
@ ทบทวน แผนพัฒนาพื้นที่"เดปโป้ ห้วยขวาง (พระราม 9) "
ส่วน พื้นที่บริเวณศูนย์ซ่อมบำรุงห้วยขวาง ถนนพระราม 9 หรือเดปโป้ นั้น เนื่องจากมีพื้นที่ค่อนข้างมากและมีมูลค่า ดังนั้น จะมีการรีวิวทบทวนแผนการพัฒนาอีกครั้ง เพื่อให้เป็นปัจจุบันมากขึ้น ร่วมถึงได้มีความร่วมมือกับหน่วยงาน เช่น ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อจัดผังการพัฒนาให้เกิดการเชื่อมโยงพื้นที่ มีการใช้ประโยชน์ร่วมกันเพื่อประโยชน์สาธารณะและทำให้ผู้โดยสารรถไฟฟ้าได้รับความสะดวกมากที่สุด
"ตรงเดปโป้ ห้วยขวาง พื้นที่กว้างและสามารถพัฒนาได้หลากหลาย จึงต้องศึกษาเพื่อวางผังการใช้พื้นที่และรูปแบบการพัฒนาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อให้เกิดมูลค่าและประโยชน์มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าจากนี้ รฟม.จะมีรายได้จากการเช่าหรือให้สิทธิใดๆ ในอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้นทุกๆ ปีจะช่วยลดภาระการพึ่งพางบประมาณ เฉพาะพื้นที่ตามแนวสายทางคาดว่าจะเพิ่มหลายร้อยล้านบาทต่อปี"
@สแกนรายได้จากเชิงพาณิชย์ ปี 67
หากจะย้อนไปกลับไปดูตัวเลขผลดำเนินงานของรฟม.ใน ปีงบประมาณ 2567 พบว่า มีรายได้จากค่าโดยสารรถไฟฟ้า จำนวน 4,275.69 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 11.68 ล้านบาทต่อวัน โดย รฟม. ได้รับเงินตอบแทนจากค่าโดยสารรถไฟฟ้าตามสัญญาสัมปทาน จำนวน 3,569.18 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)ประกอบด้วย 1. เงินตอบแทนเป็นร้อยละ 15 (ส่วนแบ่งรายได้ค่าโดยสาร) จำนวน 463.57 ล้านบาท และ 2. เงินตอบแทนรายปีจากค่าโดยสารรถไฟฟ้า จำนวน 3,105.61 ล้านบาท
โดยรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) มีจำนวนผู้โดยสาร รวม 154.55 ล้านคน-เที่ยวหรือเฉลี่ย 4.22 แสนคน-เที่ยวต่อวัน มีการพัฒนาเชิงพาณิชย์และรายได้จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ ตามสัญญาโครงการระบบรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคลระหว่าง รฟม.กับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ซึ่ง BEM ได้ให้สิทธิในการดำเนินการพัฒนาเชิงพาณิชย์และ BEM ตกลงแบ่งเงินรายได้จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ให้แก่ รฟม. ตลอดระยะเวลาตามสัญญาซึ่ง BEM ได้ว่าจ้างบริษัทที่มีความชำนาญในการดำเนินธุรกิจเป็นผู้บริหารการดำเนินการพัฒนาเชิงพาณิชย์ภายในสถานีรถไฟฟ้าและขบวนรถไฟฟ้าโดยมีรายละเอียดการพัฒนาเชิงพาณิชย์ ดังนี้
1. การพัฒนาเชิงพาณิชย์จากสื่อโฆษณา ประกอบด้วย สื่อโฆษณาภายในสถานี สื่อโฆษณาภายในขบวนรถไฟฟ้า สื่อโฆษณาพร้อมกิจกรรม การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ผ่านระบบจอแสดงข้อมูลสำหรับผู้โดยสาร (Passenger Information Display : PID) Digital Media จอโฆษณาบนประตูกั้นชานชาลา (Platform Screen Door : PSD) และการโฆษณาและประชาสัมพันธ์บนห่วงมือจับ (Hand Grip)
2. การพัฒนาเชิงพาณิชย์พื้นที่เช่าและบริการ ประกอบด้วย เครื่องบริการถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) ของธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ เครื่องให้บริการอัตโนมัติต่าง ๆ (Automatic Machine) และการให้เช่าพื้นที่ ในรูปแบบของร้านค้าปลีก (Retail)
3. การพัฒนาเชิงพาณิชย์ในรูปแบบการสื่อสารโทรคมนาคม
4. การพัฒนาเชิงพาณิชย์อื่นๆ
โดยในปีงบประมาณ 2567 รฟม. ได้รับเงินตอบแทนจากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ตามสัญญาสัมปทาน จำนวน 102,389,996.31 บาท
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ประกอบด้วย 1) เงินตอบแทนเป็นร้อยละ (ส่วนแบ่งรายได้จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์) จำนวน
55,661,024.35 บาท และ 2) เงินตอบแทนรายปีจากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ จำนวน 46,728,971.96 บาท
ขณะที่มีรายได้จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ เฉพาะส่วนที่รฟม.ดำเนินการเอง ไม่รวมรายได้จากสัญญาสัมปทาน ประจำปีงบประมาณ 2567 จำนวน 141.90 ล้านบาท โดยมาจากแหล่งรายได้ 8 รายการ
1. อาคารและลานจอดรถ
2.แผงค้าสถานีกำแพงเพชร
3. การอนุญาตให้ใช้อสังหาริมทรัพย์ ประเภทอาคารอเนกประสงค์/อาคารเชื่อมต่อ/อาคารสำนักงาน
4.การอนุญาตให้ใช้อสังหาริมทรัพย์ ประเภทอาคารและ ลานจอดรถ
5. การอนุญาตให้ใช้พื้นที่ ตามแนวสายทาง
6.การอนุญาตให้ใช้พื้นที่ แนวสายทางเข้า - ออก ศูนย์ซ่อมบำรุงห้วยขวาง
7. การอนุญาตให้เชื่อมต่อสถานีและทางเดิน/ปรับภูมิทัศน์/เปิดทางเข้า - ออก
8.การอนุญาตให้ใช้พื้นที่ชั่วคราว
สำหรับ รถไฟฟ้ามหานครสายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) ปีงบประมาณ 2567 มีจำนวนผู้โดยสารรวม 24.22 ล้านคน-เที่ยว หรือเฉลี่ย 66,165 คน-เที่ยวต่อวัน
รฟม.มีรายได้จากค่าโดยสารรถไฟฟ้า จำนวน 361.01 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 0.99 ล้านบาทต่อวัน มีรายได้จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ เฉพาะส่วนที่ รฟม. ดำเนินการเองจำนวน 36.78 ล้านบาท
โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต มีรายได้จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ เฉพาะส่วนที่ รฟม. ดำเนินการเอง ไม่รวมรายได้จากสัญญาสัมปทาน จำนวน 44.95 ล้านบาท
สำหรับที่ดินแปลงใหญ่สุดของรฟม.ที่ศูนย์ซ่อมบำรุงห้วยขวาง ( พระราม 9) มีประมาณ 1,000 ไร่นั้น ได้ใช้พื้นที่ในการก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเฉลิมรัชมงคล และสำนักงานใหญ่ของรฟม.ไปแล้วประมาณ 500 ไร่ และเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงของรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี อีกประมาณ 155 ไร่ ซึ่งถือว่าได้ใช้ที่ดินสมประโยชน์แล้ว ดังนั้นการเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมพัฒนาพื้นที่สามารถทำได้
อย่างไรก็ตามเมื่อปี 2557 รฟม.ได้ว่าจ้างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ศึกษาทบทวนแผนการพัฒนาที่ดินศูนย์ซ่อมห้วยขวาง จำนวน 1,000 ไร่ ในขณะนั้น ซึ่งมีการประเมินมูลค่าถึง 3 แสนล้านบาท และคาดหมายว่าจะสร้างรายได้ให้ รฟม.มากกว่า 1 แสนล้านบาท โดยมีแนวคิดจัดสรรพื้นที่เหนือศูนย์ซ่อมรถไฟฟ้าสายสีส้ม เช่น ศูนย์ประชุมระดับชาติ โรงแรม สำนักงานให้เช่า ศูนย์การค้า ศูนย์แสดงสินค้า หรือ นิคมไฮเทคในแนวดิ่ง เป็นต้น ซึ่งปัจจุบัน รฟม.กำลังทบทวนแผนใหม่ เพื่อให้เข้ากับบริบทของกรุงเทพฯและเศรษฐกิจในปัจจุบันและเพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบขนส่งให้แข็งแกร่งอย่างยั่งยืน!!!


