TMAเผย 3 องค์กรชั้นนำ WHA - บางจาก - SCG ร่วมเปิดวิสัยทัศน์ขับเคลื่อนองค์กรฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจไทย ปี 69 ชี้องค์กรไทยต้องกล้าเปลี่ยน ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันด้านความยั่งยืนที่เข้มข้นขึ้น ระบุต้องมองไกล 10 ปี ธุรกิจต้องคำนึงถึงความเป็นมิตรกับชุมชน สังคม และ สิ่งแวดล้อม Up Skill/Re Skill บุคลากรต่อเนื่อง ชี้ปีหน้าจะเผชิญทั้งภาวะตลาดผันผวนสูงและแรงกดดันด้านต้นทุนที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม
นายนิธิ ภัทรโชค ประธาน TMA และที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทยจำกัด(มหาชน) หรือ เอสซีจี เปิดเผยถึงขีดความสามารถขององค์กรธุรกิจไทยในปี 2026 ว่า ศักยภาพขององค์กรไทยกำลังดีดตัวขึ้นจากแรงส่งของดิจิทัล AI และการลงทุนเทคโนโลยีขั้นสูง แต่หากไม่เร่งปลดล็อกคอขวดเชิงโครงสร้าง ทั้งผลิตภาพแรงงาน การเข้าถึงทุนของ SMEs และกฎระเบียบที่ยังไม่คล่องตัว ไทยอาจเสียพื้นที่การแข่งขันในตลาดโลกได้ วันนี้องค์กรต้องกล้าที่จะเปลี่ยนผ่านจริงจัง ปรับโมเดลธุรกิจ ใช้นวัตกรรมยกระดับผลิตภาพ และพัฒนาทักษะคนให้เท่าทันอนาคต หากไทยต้องการยืนแถวหน้าในภูมิภาค เราต้องก้าวข้ามวิธีคิดเดิม ปรับโมเดลการเติบโตของประเทศใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่การยกระดับทักษะประชาชนไปจนถึงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญา เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริง
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA กล่าวภายหลังการรับรางวัลพระราชทาน Thailand Corporate Excellence Awards 2025 สาขาความเป็นเลิศด้านผู้นํา (Leadership Excellence) ว่า การเป็นผู้นำที่ดีต้องมีวิสัยทัศน์ ต้องคาดการณ์อนาคตว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับธุรกิจ ที่ผ่านมา WHA วางกลยุทธจากวิสัยทัศน์ที่มองเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 10 ปีข้างหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น การเปลี่ยนแปลงจะส่งผลกระทบกับธุรกิจอย่างไร ทำให้เราปรับตัวจากนิคมอุตสาหกรรมดั้งเดิม ไปสู่การเป็นบริษัทนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ ขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจพลังงาน โดยเฉพาะพลังงานหมุนเวียน โลจิสติกส์ และ เทคโนโลยีดิจิทัลโซลูชัน
ส่วนแนวโน้มและทิศทางการทำธุรกิจในอีก 10 ปี ข้างหน้า นางสาวจรีพร ระบุว่า เป็นทศวรรษของการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำธุรกิจ และเป็นหน้าที่ของผู้นำที่จะต้องวางวิสัยทัศน์ในการนำองค์กรให้สามารถก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็นผู้นำธุรกิจ ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจในปัจจุบันมีความผันผวนและความไม่แน่นอนสูง การเป็นผู้นำองค์กรต้องให้ความสำคัญกับการวางวิสัยทัศน์ และ สร้างโอกาสให้กับธุรกิจเพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
นอกจากวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนองค์กรท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจแล้ว สภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอน ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นจากแรงเสียดทานด้านความยั่งยืนและการพัฒนาเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว การเติบโตของภาคธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่เป็นมิตรกับชุมชน สังคม และ สิ่งแวดล้อม เพื่อที่จะสร้างความมั่นคงด้านรายได้ ให้กับชุมชนและสังคม เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจและสังคมเพราะองค์กรเติบโตเพียงลำพัง ไม่ได้
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) องค์กรที่ได้รับรางวัลพระราชทาน Thailand Corporate Excellence Awards 2025 สาขาความเป็นเลิศด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Excellence) กล่าวว่า กลุ่มบางจากฯ ให้ความสำคัญใน 2 ประเด็นหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ
ประเด็นแรกคือเรื่องความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรทางการเงิน ที่มาจากการบริหารธุรกิจ และประเด็นที่สองคือ การทำธุรกิจโดยคำนึงถึงชุมชน สังคม และ สิ่งแวดล้อม ให้เติบโตไปพร้อมกับการเติบโตขององค์กร
“การทำกิจกรรมเพื่อชุมชน สังคม และ สิ่งแวดล้อม ของบางจากฯ ไม่ได้แค่ให้เงินลงไปในกิจกรรม CSR เท่านั้น แต่เราออกแบบและวางแผนในการทำกิจกรรมที่สอดคล้องกับแผนการลงทุนของบริษัท อาทิ การลงทุนหมื่นล้านบาท ในการทำโครงการผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) จากน้ำมันพืชใช้แล้ว เราไม่ได้ใช้แค่เงินใส่เข้าไปทำกิจกรรมเพื่อชุมชน พอเงินหมดแล้วก็จะจบโครงการ แต่เป็นการลงทุนสร้างรายได้ระยะยาวให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน แนวคิดดังกล่าว ส่งผลให้บางจากฯ ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน เพราะเราเชื่อว่า เมื่อภาคธุรกิจ ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่มีความแข็งแรง เมื่อเผชิญกับความผันผวนและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ก็จะสามารถก้าวข้ามผ่านทุกวิกฤตได้”
นายปรเมศวร์ นิสากรเสน ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ การบริหารกลาง บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC องค์กรที่ได้รับรางวัลพระราชทาน Thailand Corporate Excellence Awards สาขาความเป็นเลิศด้านการจัดการทรัพยากรบุคคล (Human Resource Management Excellence) หนึ่งในองค์กรที่ได้รับการโหวตให้เป็น 1 ใน 2 องค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุดจากการทำผลสำรวจโดย WorkVenture บริษัทที่ปรึกษาด้านแบรนด์นายจ้างและโซลูชั่นด้านบุคลากร กล่าวภายหลังการรับรางวัลว่า “ทรัพยากรบุคคล เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ ปูนซีเมนต์ไทย ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง
“ปูนซีเมนต์ไทย มีหลักการทำงานโดยนำกระบวนการ “2P 2S” โดย P ตัวแรกคือ People P ตัวที่สองคือ Process กระบวนการทำงาน ส่วน S แรกคือ Structure โครงสร้างขององค์กร และ S ตัวที่สองคือ System ระบบการทำงาน จะเห็นว่า บุคลากร เป็นหัวใจสำคัญของเรา เพราะบุคลากรที่มีคุณภาพ จะสามารถพัฒนากระบวนการทำงาน วางโครงสร้างองค์กร และ ระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ เราเชื่อว่าการพัฒนาบุคลากร การให้ความรู้ การ Upskill และ Reskill จะทำให้เรามีบุคลากรที่พร้อมจะขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตท่ามกลางความผันผวนและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคต” นายปรเมศวร์ กล่าว
TMA Excellence Awards เป็นแพลทฟอร์มที่ริเริ่มขึ้นเพื่อส่งเสริมให้องค์กรธุรกิจมีความมุ่งมั่นและพัฒนาการบริหารจัดการองค์กรอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงสร้างเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันและความแข็งแกร่งให้กับภาคธุรกิจ อันเป็นฐานรากสำคัญด้านเศรษฐกิจของประเทศ ประกอบด้วยโครงการรางวัลพระราชทานในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี Thailand Corporate Excellence Awards และโครงการรางวัลพระราชทาน SMEs Excellence Awards โดย TMA ร่วมกับสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเอกชนชั้นนำของไทย


