ผู้จัดการรายวัน 360- ตลาดรวมบิวตี้ความงาม 1.7 แสนล้านบาท แข่งดุต่อเนื่อง “เจ้านาง” สปีดตัวเอง เดินหน้าขยายธุรกิจ สู่สกินแคร์ ขยายกลุ่มGEN Z พร้อมลงทุนสร้างโรงงานผลิต 100 ล้านบาท รองรับการเติบโต ทั้งในไทยและต่างประเทศ เป้าหมาย 1,000 ล้านบาท ในปี 2570
นายสิทธา สมควรดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นางสาวธัญญ์ฐิตา ทรัพยศิรินารากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้านาง (ไทยแลนด์) จำกัด ร่วมกันเปิดเผยว่า ตลาดรวมเครื่องสำอางและความงามและสกินแคร์ มูลค่ารวม 1.7 แสนล้านบาท ตามรายงานของ Custom Market Insight รวมถึงจำนวนผู้เล่นในธุรกิจเครื่องสำอางที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 16.9% ในช่วงปี 2562-2566 แข่งขันรุนแรงต่อเนื่อง ทั้งจากการที่มีแบรนด์ใหม่เข้าตลาดมากมายและแบรนด์เดิมที่ต้องทำตลาดเพื่อป้องกันแชร์ตัวเอง อีกทั้งความภักดีในแบรนด์สินค้าน้อยลงสำหรับคนรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตามตลาดรวมก็ยังคงเติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 5% ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะเป็นอย่างไร
ในส่วนของแบรนด์เจ้านางที่ทำตลาดมา 10 ปี ก็ยังคงวางแผนในการขยายธุรกิจและสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่ทำตลาดเมคอัพเป็นหลัก โดยตั้งเป้าหมายว่าภายใน 2 ปีจากนี้จะมีการขยายธุรกิจไปในส่วนของความงามที่หลากหลาย ตลาดสกินแคร์ และตลาดเพอร์ซันนัลแคร์ ในอนาคตด้วย
โดยตั้งเป้าหมายรายได้รวมปี 2570ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท จากปีที่แล้วรายได้รวม 230 ล้านบาท ส่วนปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 400 ล้านบาท และปีหน้าอยู่ที่ 800 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันเจ้านาง มีส่วนแบ่งตลาดกลุ่มคอสเมติกส์ประมาณ 1% จากตลาดรวมกลุ่มนี้ 50,000 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายจะมีแชร์เพิ่มเป็น 3%-5% ในตลาดคอสเมติกส์และสกินแคร์
ทั้งนี้บริษัทฯได้ทำการรีแบรนด์เจ้านางใหม่ให้มีความทันสมัยทั้งแพคเกจจิ้งและการสื่อสาร ให้มีบุคลิกที่เด็กลง เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายGEN Z เพิ่มด้วย จากเดิมกลุ่มเป้าหมายจะมีอายุ ตั้งแต่คนเริ่มวัยทำงานขึ้นไป
“กลยุทธ์หลักที่เรานำมาใช้ในการรีแบรนด์คือกรอบความคิด 'เปลี่ยน-เพิ่ม-สร้าง' โดยเริ่มจากการเปลี่ยนภาพลักษณ์แบรนด์ให้ทันสมัย เพิ่มช่องทางสื่อสารและการเข้าถึงทั้งสื่อดิจิทัลและหน้าร้าน และสร้างประสบการณ์แบบที่เปิดพื้นที่ให้ลูกค้ามีส่วนร่วม แชร์รีวิว หรือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาผลิตภัณฑ์” นางสาวธัญญ์ฐิตา กล่าว
โดยหนึ่งในไฮไลต์คือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์แห่งปี "แป้งพัฟโกลว์สกิน (Glow Skin Powder Foundation)" ช่วงปลายปี 2568และไลน์อัปสินค้ายังครอบคลุมเมกอัปหลายรูปแบบ อาทิ ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดอย่าง Glowy Bloom Liquid Lip ลิควิดลิปเนื้อกลอส และ Soft Blush Powder พาเลตต์บลัช 4 เฉดสีในวอร์มโทนและคูลโทน และจะเปิดตัว Flawless Skin Concealer คอนซีลเลอร์เนื้อครีมวันที่ 15 ธันวาคม 2568 นี้ และต้นปี 2569 จะเปิดตัว Glowy Tint ผลิตภัณฑ์ทินต์งานผิวที่ผสานคุณสมบัติกันแดด การบำรุง และการเบลอผิวไว้ในหนึ่งเดียว นอกจากนี้ในปี 2569 เจ้านางยังเตรียมลุยตลาดสกินแคร์อย่างเต็มรูปแบบ
“ การปรับโฉมอย่างสมบูรณ์ในปี 2569 จึงเป็นการเสริมรากฐานให้แกร่งเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันระยะยาว และเตรียมความพร้อมให้แบรนด์ขยายสู่ตลาดต่างประเทศด้วยภาพลักษณ์ที่ทันสมัย แข็งแกร่ง และน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น วันนี้เจ้านางเป็นแบรนด์บิวตี้ครบวงจรอย่างเต็มตัว ทั้งในด้านไลน์อัปผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และประสบการณ์ลูกค้า โดยนำอินไซต์จากผู้บริโภคทุกเจเนอเรชันมาพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ที่ลูกค้ามีร่วมกับแบรนด์ เรามองว่าตลาดไทยและตลาดเอเชียมีศักยภาพมหาศาล และแบรนด์ไทยก็มีความสามารถพอที่จะเติบโตไปสู่ระดับสากล” นายสิทธา กล่าว
ทั้งนี้บริษัทฯเพิ่งลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตเองที่ขอนแก่น ลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท สามารถผลิตสินค้าบิวตี้ได้หลากหลาย รวมทั้งกลุ่มสกินแคร์ได้ด้วย เพื่อรองรับการขยายตลาดทั้งในไทยและต่างประเทศ
นางสาวธัญญ์ฐิตา กล่าวว่า ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายในประเทศจีน, สปป.ลาว และเมียนมา ซึ่งเป็นตลาดที่เปิดรับแบรนด์ไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะความนิยมสินค้าไทยในกลุ่มผู้บริโภคต่างชาติ ที่มีชื่อเสียงเรื่องคุณภาพ ความคุ้มค่า และดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ แบรนด์มองเห็นโอกาสในการขยายต่อไปในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตลาดเอเชียตะวันออก ซึ่งให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวเอเชียเช่นเดียวกับไทย การขยายเข้าสู่ตลาดระดับภูมิภาคจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญในการผลักดันแบรนด์สู่การเป็นผู้เล่นระดับเอเชียในอนาคตอันใกล้
“เจ้านาง จะยังมุ่งเน้นการสื่อสารที่คำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหลัก ควบคู่ไปกับสร้างคอมมูนิตี้ออนไลน์ที่แข็งแรง ทำงานร่วมกับ ครีเอเตอร์ และใช้ช่องทางดิจิทัลสร้างประสบการณ์แบรนด์ที่จริงใจ พร้อมนำกลยุทธ์ O2O (Online-to-Offline) มาผสานประสบการณ์ออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อทำให้เจ้านางเป็นแบรนด์ที่แชร์ค่านิยมเดียวกับผู้บริโภค ไม่ใช่เพียงแบรนด์ที่เน้นการขายสินค้าเท่านั้น” นางสาวธัญญ์ฐิตา กล่าว
สำหรับช่องทางจำหน่าย แบ่งเป็น ออฟไลน์ และ ออนไลน์ อย่างละ 50% เช่นในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น วัตสัน ซีเจมอร์ เป็นต้น ซึ่งสินค้าแบบซองเล็กในเซเว่นอีเลฟเว่น ที่ผ่านมาขายได้ดีพอสมควร ซึ่งกำลังซื้อต่อบิลของลูกค้าที่ผ่านมาเฉลี่ย 350 บาทต่อบิล ราคาสินค้าเริ่มตั้งแต่ 99 บาทถึง 599 บาท อนาคตมีแผนที่จะเปิดช้อปเจ้านางด้วย แต่รอให้มีไลน์อัปสินค้าที่จำนวนมากขึ้นกว่านี้ก่อน
เจ้านาง จะยังมุ่งเน้นการสื่อสารที่คำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหลัก ควบคู่ไปกับสร้างคอมมูนิตี้ออนไลน์ที่แข็งแรง ทำงานร่วมกับ ครีเอเตอร์ และใช้ช่องทางดิจิทัลสร้างประสบการณ์แบรนด์ที่จริงใจ พร้อมนำกลยุทธ์ O2O (Online-to-Offline) มาผสานประสบการณ์ออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อทำให้เจ้านางเป็นแบรนด์ที่แชร์ค่านิยมเดียวกับผู้บริโภค ไม่ใช่เพียงแบรนด์ที่เน้นการขายสินค้าเท่านั้น


