บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด เจ้าของแบรนด์ยาดมสมุนไพรชื่อดังยี่ห้อ “หงส์ไทย” ประกาศให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐเต็มที่ เร่งยกระดับคุณภาพและมาตรฐานถูกต้องทุกหลักเกณฑ์ ยินดีที่กระทรวงสาธารณสุขให้โอกาสผู้ประกอบการที่ผิดแล้วแก้ไข และพร้อมผลักดันผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยบุกตลาดโลก ยืนยันล็อตที่พบปัญหาถูกเรียกเก็บจากท้องตลาดหมดแล้ว ส่วนล็อตอื่นๆ ยังคงใช้ได้อย่างมั่นใจตามคำชี้แจงของ อย.
นายธีระพงส์ ระบือธรรม เจ้าของบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ผู้ผลิตยาดมยี่ห้อ “หงส์ไทย” เปิดเผยหลังเข้าร่วมแถลงข่าวการตรวจสอบการผลิตยาดมสมุนไพรไม่ขออนุญาตสถานที่ผลิต ณ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) ว่า บริษัทฯ ขอยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการปรับปรุงกระบวนการผลิตและมาตรฐานโรงงานให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ทุกประการ โดยให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอย่างเต็มที่ ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการยกระดับมาตรฐานการผลิตยาดมสมุนไพรไทยให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น เพื่อคงไว้ซึ่งชื่อเสียงของสินค้าส่งออกของประเทศไทย
“ผมขอน้อมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดและพร้อมปรับปรุงแก้ไขทุกอย่างให้ถูกต้องควบคู่ไปกับการพัฒนา จากการหารือในที่ประชุมนอกรอบ เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุขได้ให้คำแนะนำต่างๆ ที่ดี เกี่ยวกับการปรับปรุงพัฒนาการผลิต รวมทั้งให้ความเชื่อมั่นว่าจะเข้ามาส่งเสริมและดูแลผู้ประกอบการผ่านกลไกต่างๆ ที่สำคัญ ส่วน อย. พร้อมให้การสนับสนุนและให้คำแนะนำเรื่องการจัดตั้งโรงงานที่อ้อมน้อยให้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งบริษัทฯ ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไว้ ณ ที่นี้
หลังจากนี้ บริษัทฯ วางแผนว่าจะนำสินค้าทั้งหมดที่ผลิตเสร็จแล้ว ส่งตรวจวิเคราะห์กับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แล้วค่อยนำไปฆ่าเชื้อด้วยเทคโนโลยีการฉายรังสีกับสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ซึ่งให้การรับรองว่าไม่ก่อให้เกิดสารพิษหรือสารตกค้างในผลิตภัณฑ์ ปลอดภัยต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม 100% ส่วนสินค้าที่ผ่านมาตรฐานแล้วก็จะทำหนังสือยืนยันกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งหนังสือยืนยันเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคต่อไปในทุกล็อตการผลิต”
สำหรับผู้บริโภคที่สอบถามถึงความปลอดภัยในการใช้ผลิตภัณฑ์ยาดมสมุนไพรหงส์ไทย ในที่นี้ นายธีระพงส์อยากให้ผู้บริโภควางใจว่าสินค้าล็อตที่พบปัญหา ทางบริษัทฯ ได้รับผิดชอบด้วยการเรียกคืนสินค้าทั้งหมดออกจากท้องตลาดแล้ว ส่วนสินค้าล็อตอื่นๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบยังคงสามารถใช้ได้อย่างมั่นใจตามการชี้แจงของ อย. สำหรับสินค้าที่ถูกอายัดจากโรงงานที่ยังไม่ได้ขออนุญาต อยู่ระหว่างรอให้ อย. สรุปว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ทั้งนี้ จากการแถลงข่าวดังกล่าวถือว่าส่งสัญญาณบวกต่ออุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย เนื่องจาก นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมสนับสนุนและให้โอกาสผู้ประกอบการที่ดำเนินการธุรกิจอย่างถูกต้อง โดยกระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่ทั้งการดูแลผู้บริโภค การตรวจสอบ และการสนับสนุนส่งเสริมผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยเฉพาะสมุนไพรไทย ซึ่งทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างมองไปในทางเดียวกันว่าอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยเป็นสิ่งที่ต้องรักษาและส่งเสริมให้มีการบริหารจัดการที่ดีในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูกสมุนไพรไปจนถึงกระบวนการผลิตและวิธีการขาย เพื่อให้สามารถยกระดับมูลค่าตลาดขึ้นไปได้
ทั้งนี้ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกเตรียมแผนยกระดับอุตสาหกรรมยาดมสมุนไพรไทย สู่เมดิคัล & เวลเนส S-Curve เพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางทิศทางตลาดโลกที่ยังมองผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยในแง่บวก
"นโยบายของกระทรวงสาธารณสุข เราจะไม่ใช่แค่ใช้งบประมาณ แต่เราจะสร้างรายได้ให้ประเทศชาติด้วย ซึ่งการสนับสนุนสมุนไพรไทย อุตสาหกรรมไทย ถือเป็นหนึ่งในพันธกิจของเรา โดยกรมการแพทย์แผนไทยฯ จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมสมุนไพรเพื่อให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาของประเทศ ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ยาดมในประเทศมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท ส่วนที่เป็นยาดมสมุนไพรมีผู้ประกอบการกว่า 200 ราย มูลค่าตลาดอยู่ที่กว่า 1,300 ล้านบาท เชื่อว่าน่าจะยกระดับศักยภาพการเติบโตเป็นหลัก 10,000 ล้านบาท ได้โดยไม่ยาก" นายพัฒนากล่าว
ด้าน ภญ.สุภัทรา บุญเสริม เลขาธิการ อย. กล่าวเสริมถึงกระบวนการทำงานของ อย. ว่า มีระเบียบขั้นตอนในการตรวจสอบตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคโดยไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง ซึ่งการดำเนินการตรงนี้เป็นไปตามโปรโตคอล FDA ของแต่ละประเทศ หากผู้ประกอบการดำเนินการแก้ไขจนได้มาตรฐานก็สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างถูกต้อง
“กรณีของ ‘หงส์ไทย’ ผลิตภัณฑ์ล็อตอื่นๆ ที่ผลิตก่อนหน้านี้ในสถานที่ผลิตที่ได้รับอนุญาตถูกต้อง ยังไม่มีรายงานว่าตกมาตรฐาน ส่วนตัวอย่างสินค้าที่เจอในสถานที่ที่ไม่ได้รับอนุญาตผลิต ต้องถือว่าสินค้านั้นไม่ถูกต้อง ดังนั้น จึงต้องยึดและอายัดไว้ในคดี จากนั้นจะมีการส่งตรวจและประกาศผลเป็นล็อตๆ ไม่มีการนำมาจำหน่าย ส่วนโรงงานที่ได้รับอนุญาตถูกต้องก็สามารถผลิตได้ตามปกติ”
ด้าน นพ.ชัยวัฒน์ เตชะไพฑูรย์ ประธานกรรมการบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากการแถลงข่าววันนี้รู้สึกดีใจมากที่ภาครัฐให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมสมุนไพรที่เป็น Soft Power ของประเทศ ทั้งนี้ ยอมรับว่ากระบวนการผลิตของบริษัทฯ นั้นมีปัญหา ปัจจุบันวางแผนที่จะปรับปรุงแก้ไขทั้งกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กล่าวคือทำอย่างไรให้เกษตรกรมีรายได้จากการปลูกสมุนไพร ขณะเดียวกันจะทบทวนกระบวนการผลิต โดยมีเป้าหมายว่าจะยื่นขอ GMP ASEAN ในอนาคต เพื่อให้ผลิตภัณฑ์แบรนด์หงส์ไทยมีคุณภาพและมาตรฐานการผลิตที่ดียิ่งขึ้น และเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของสมุนไพรไทย โดย “หงส์ไทย” ตั้งใจจะเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย เพื่อเป็น Soft Power ไทยที่คนไทยภาคภูมิใจอย่างแท้จริง


